x close

ศาลสั่งรื้อ 2 ตึกเอทัส ซ.ร่วมฤดี 18 และ 24 ชั้น สร้างสูงผิดกฎหมาย


ศาลสั่งรื้อ 2 ตึกเอทัส ซ.ร่วมฤดี
ศาลสั่งรื้อ 2 ตึกเอทัส ซ.ร่วมฤดี

สั่งรื้อโรงแรมใน60วัน (ไทยโพสต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักข่าวอิศรา, สปริงนิวส์

            ชาวซอยร่วมฤดีเฮลั่น ศาลปกครองสูงสุดยืนคำสั่งศาลปกครองกลางให้ กทม. ออกคำสั่งให้ผู้ประกอบการรื้อถอน หรือแก้ไขโรงแรม-คอนโดฯ สูง 18 และ 24 ชั้น ภายใน 60 วัน เนื่องจากถนนซอยร่วมฤดี กว้างไม่ถึง 10 เมตร ห้ามสร้างอาคารขนาดใหญ่ โดยให้ลดความสูงเหลือไม่เกิน 8 ชั้น จบการต่อสู้ยาวนานกว่า 6 ปี ชี้คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานของชุมชนเมือง

            เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2557 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีที่ประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในซอยร่วมฤดี ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กทม. จำนวน 24 คน ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ข้อหาบริหารราชการท้องถิ่น และเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารปี 2522 ต่อศาลปกครองกลาง โดยออกเอกสารรับรองความกว้างของถนนซอยร่วมฤดีเกินกว่าความเป็นจริง และปล่อยให้ก่อสร้างอาคารสูงกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชนที่พักอาศัยในซอยร่วมฤดี รวมถึงปัญหาอัคคีภัยและการจราจรแออัด จนทำให้ประชาชนเกิดความไม่ปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สิน


ศาลสั่งรื้อ 2 ตึกเอทัส ซ.ร่วมฤดี


            ทั้งนี้ศาลได้พิเคราะห์หลักฐานแล้วเห็นว่า ซอยร่วมฤดีซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์และเป็นสถานที่ตั้งอาคารที่พิพาทมีความกว้างไม่ถึง 10 เมตรตลอดแนวจริง ตามข้อมูลการรังวัดของกรมที่ดิน ซึ่งได้ทำการรังวัดสอบเขตทางตามคำสั่งของศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2553 จึงเป็นการขัดกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ในข้อ 2 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ห้ามมิให้มีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ และได้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีคือ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ต้องปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคาร มาตรา 40, 41, 42 และ 43 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง โดยกรุงเทพมหานครต้องดำเนินการให้เจ้าของอาคาร ปรับปรุงอาคาร หรือแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย

            นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์หลวง อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่เป็นบรรทัดฐานให้กับเจ้าหน้าที่ กทม. ปฏิบัติหน้าที่อย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้มีการสร้างอาคารสูงในซอยสาธารณะแล้วให้ความกว้างของซอยแคบลงเช่นนี้ ผลกระทบจะเกิดกับประชาชนที่อาจประสบกับเหตุการณ์อัคคีภัย ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้

            ด้านนายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ ทาง กทม. และสำนักงานเขตปทุมวัน จะต้องใช้อำนาจหน้าที่ตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่จะสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารดำเนินการรื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่น้อยกว่า 60 วัน หากไม่มีการรื้อถอนตามคำสั่ง สำนักงานเขตมีอำนาจขอให้ศาลมีคำสั่งจับกุมและกักขังบุคคลซึ่งไม่ปฏิบัติตามคำสั่งได้ และดำเนินการหรือจัดให้มีการรื้อถอนอาคารดังกล่าวได้เอง โดยที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ผู้รับผิดชอบงานออกแบบอาคาร ผู้รับผิดชอบงานออกแบบและคำนวณอาคาร ผู้ควบคุมและผู้ดำเนินการ จะต้องร่วมกันเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนทั้งหมด

            สำหรับคดีนี้ กทม. โดยเขตปทุมวัน ได้ออกเอกสารรับรองความกว้างของถนนซอยร่วมฤดีเกินกว่าความเป็นจริง และปล่อยให้เอกชนคือ บริษัท ลาภประทาน จำกัด กับ บริษัท ทับทิมทร จำกัด ผู้ประกอบการโรงแรมและคอนโดดิ เอทัส ก่อสร้างอาคารสูงใหญ่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ส่งผลกระทบต่อชุมชน จึงมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2551 ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีคือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง ทั้งนี้ภายในซอยร่วมฤดี กฎหมายอนุญาตให้สร้างอาคารได้สูงไม่เกิน 8 ชั้น ขณะที่โรงแรมดิ เอทัส มีความสูง 24 ชั้น





ขอขอบคุณข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ศาลสั่งรื้อ 2 ตึกเอทัส ซ.ร่วมฤดี 18 และ 24 ชั้น สร้างสูงผิดกฎหมาย อัปเดตล่าสุด 9 พฤศจิกายน 2560 เวลา 14:21:57 13,071 อ่าน
TOP