x close

ขั้นตอนการซื้อคอนโดมือสอง และแปลงโฉมห้องในงบประหยัด

รีโนเวทคอนโด

          รีวิวขั้นตอนการซื้อคอนโดมือสองแบบละเอียด พร้อมแบ่งปันไอเดียรีโนเวทคอนโดมือสองในราคาประหยัด ไปดูกันว่าหลังตกแต่งเสร็จจะน่าอยู่หรือเปล่า

          คอนโดมือสองถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนงบน้อย แต่ถ้าหากไม่มีประสบการณ์เลยก็อาจพลาดท่าเสียทีให้กับนายหน้าได้ ฉะนั้นการศึกษาข้อมูลไว้ล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดย คุณ สมาชิกหมายเลข 3171058 ก็ได้นำประสบการณ์การซื้อคอนโดมือสองมาเล่าอย่างละเอียด พร้อมทั้งรีวิวรีโนเวทคอนโดมือสองแบบคนมีงบจำกัดมาให้ชมด้วยค่ะ
[CR] นกน้อยทำรังแต่พอตัว (สองตัว) ***Review การซื้อคอนโดมือสองอย่างละเอียด พร้อมการ Renovate ทุกขั้นตอน*** โดย คุณ สมาชิกหมายเลข 3171058 

          สวัสดีค่ะ นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ อยากแบ่งปันประสบการณ์การซื้อคอนโดมือสอง หลังจากที่ได้เก็บข้อมูลในนี้มานานมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลและประสบการณ์ที่ได้ถ่ายทอด จะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นบ้างไม่มากก็น้อย แต่ยาวหน่อยนะคะ

          เกริ่นก่อนว่าเจ้าของกระทู้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทค่ะ สามีเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แต่เงินเดือนเหมือนชั้นผู้น้อยค่ะ พวกเราเป็นเด็กต่างจังหวัดมาอยู่กรุงเทพฯ หลายปี ไม่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง เพราะใจอยากกลับไปอยู่ต่างจังหวัดมาก สามีก็ยังไม่แน่นอนว่าจะต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัดหรือเปล่า จนมาเมื่อปลายปีที่แล้วสามีได้ย้ายมาบรรจุแถวนนทบุรีและคงต้องอยู่อีกนาน จึงเป็นเหตุให้เราอยากมีห้องเป็นของตนเอง เราจึงไปตระเวนดูคอนโดตามที่ต่าง ๆ แต่ปรากฏว่าคอนโดใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้ทำไมห้องเล็กเหลือเกิน ซึ่งเราเป็นหญิงอวบ สมบัติเยอะ ขี้อึดอัด เราเลยไม่ไหวจะเพลียกับขนาดห้องค่ะ แต่ถ้าจะซื้อห้องใหญ่ ๆ งบประมาณเราก็มีจำกัดมาก เงินเก็บ เงินดาวน์ ก็ยังไม่ค่อยจะมี เลยคิดนกน้อยทำรังแต่พอตัว (สองตัว) ดีกว่า ซื้อคอนโดมือสองก็ได้ ขอให้มีที่ที่เราอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นก็พอ (ฮิ้ว)

          หากันไปหากันมา สรุปว่าเราจะซื้อคอนโดที่เราเช่าอยู่นี่แหละค่ะ เพราะอยู่กันจนเคยชินแล้วใกล้ที่ทำงานเรา สามีขับรถออกนอกเมืองก็ไม่ติดมากเหมือนอยู่ชานเมืองแล้วขับเข้าเมือง แต่ห้องที่เราเช่าอยู่เจ้าของเขาไม่ยอมขาย พอดีสามีเราเดินไปเจอประกาศขายห้องข้างถนนเลยลองโทรไปสอบถาม จึงได้ห้องนี้มาขนาด 40 ตารางเมตร ลืมบอกไป...คอนโดที่เราซื้อเป็นคอนโดเก่ามากประมาณ 20 กว่าปีแล้ว แต่ทำเลดี มีรถไฟฟ้าใต้ดิน เดินทางกลับต่างจังหวัดสะดวก และเราอยู่ที่นี่มานานเลยตัดสินใจได้ง่ายค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - ห้องนี้เราซื้อมาในราคา 1.25 ล้านบาทค่ะ เจ้าของเพิ่งทาสี ทำห้องน้ำ ติดแอร์ ติดผ้าม่านใหม่ ถือว่าสวยใช้ได้ เทียบกับที่เราไปดูมาหลาย ๆ ห้องในคอนโดนี้ค่ะ มาเข้าขั้นตอนการซื้อ-ขายกันดีกว่าค่ะ

        1. เราโทรไปขอดูห้องค่ะ ถูกใจ ก็นัดวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย แต่เราติดต่อผ่านทางนายหน้าที่ติดประกาศ จึงยังไม่ให้เราทำสัญญาค่ะ เขาแนะนำให้เราไปเช็กเครติดกับทางธนาคารก่อน เพราะเขาบอกว่าถ้าเราวางเงินจองแล้วกู้ธนาคารไม่ผ่าน เขาจะไม่คืนเงินให้ T_T

        2. ถึงวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย เราก็เตรียมเงินที่จะวางมัดจำให้เรียบร้อยค่ะ ของเรามัดจำไป 50,000 บาท (ตอนแรกนายหน้าบอกว่ามัดจำ 20,000 พอเห็นเราจะเอาแน่ ๆ ขึ้นเฉย แต่ทำไงได้ รู้สึกว่าตัวเองเจอคนเขี้ยวซะแล้ว)

สิ่งที่เราต้องทำในวันนี้คือ

        - จ่ายเงินมัดจำ (แน่ล่ะ)
        - สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านของทั้งผู้ซื้อ-ผู้ขาย
        - สำเนาโฉนดคอนโด พร้อมสารบัญทุกหน้า
        - สัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งเราต้องตรวจเช็กสัญญาให้ละเอียดนะคะ ลงชื่อทุกหน้า แล้วตกลงกันว่าเขาจะให้อะไรเราบ้าง เช่น ของเราเจ้าของห้องให้แอร์ เครื่องซักผ้า (ซึ่งเก่ามาก แต่เราก็เอาไว้ให้คนอื่น อิอิ) ตู้ โต๊ะ เตียง เครื่องทำน้ำอุ่น เขาจะให้อะไร ไม่ให้อะไร ระบุไว้ในสัญญาให้หมดเลยค่ะ
        - ตกลงกันเรื่องค่าใช้จ่ายในวันโอน อันนี้สำคัญมากค่ะ เราพลาดมาแล้วจึงอยากบอกเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ซึ่งตอนแรกนายหน้าเราบอกให้เราออกค่าโอนทั้งหมด ตอนนั้นยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่นลดค่าโอนของรัฐบาล เราก็ชะล่าใจนึกว่าเสียหลักร้อย หลักพัน แต่ที่ไหนได้เขาเอาค่าภาษี ภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้เราออกหมดเลย เสียเป็นหลักหมื่นเลยค่ะ เราเลยไม่ยอมค่ะ เลยมีปัญหาตะกุกตะกักกันนิดหน่อย สุดท้ายก็ยอมออกกันคนละครึ่งค่ะ ซึ่งปกติค่าใช้จ่ายในการโอนมีดังนี้ค่ะ

        - ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (หัก ณ ที่จ่าย) จะอิงตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร
        - ภาษีธุรกิจเฉพาะ คิดที่ 3.3% ของราคาซื้อขายที่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรมธนารักษ์ (ไม่ต้องชำระหากถือครองเกิน 5 ปีหรือมีชื่อในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี)
        - ค่าอากรแสตมป์ คิดที่ 0.5% ของราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรมธนารักษ์ (ชำระอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง อากรแสตมป์ หรือธุรกิจเฉพาะ)
        - ค่าโอน คิดที่ 2% จากราคาประเมินของกรมธนารักษ์
        - ค่าจดจำนอง คิดที่ 1% ของจำนวนเงินที่กู้จากสถาบันการเงินทั้งหมด
        - เพิ่มเติมอื่น ๆ เช่น ค่าคำขอ, ค่ามอบอำนาจ, ค่าพยาน, ค่าอากรแสตมป์เพิ่มเติม รวมอีกประมาณ 50-200 บาท
        - สามารถไปคำนวณกันคร่าว ๆ ที่ Link นี้ได้เลยค่ะ lookbaan.com เราใช้แล้วค่อนข้างตรง ขอบคุณเจ้าของ Link ด้วยนะคะ เอามาแปะไม่รู้ผิดกฎหรือเปล่า  แต่เราเห็นว่าดีมีประโยชน์กับคนอื่นมากมาย ขอแปะไว้แล้วกันค่ะ
    - ควรตกลงค่าใช้จ่ายในวันนั้นให้ชัดเจนค่ะว่าใครจะออกอะไร ซึ่งอาจเป็นผู้ขายออกหมด ผู้ซื้อออกหมด ออกคนละครึ่ง หรือผู้ขายออกภาษี ผู้ซื้อออกค่าโอน ค่าจดจำนองก็ได้ค่ะ แต่ในความรู้สึกเรา ผู้ขายควรออกค่าภาษี เพราะเขามีเงินได้จากการขาย เป็นหน้าที่ของเขาตามกฎหมาย ไม่ใช่มาผลักภาระให้ผู้ซื้อค่ะ (ซึ่งเราไม่ยอมออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แม้ว่าจะพลาดเซ็นสัญญาไปแล้วก็ตาม สุดท้ายนายหน้าจึงยอมออกให้ เพราะเขากลัวเราไม่โอนค่ะ มารู้ทีหลังว่าเจ้าของห้องเขาขาย 1.2 ล้าน อีก 5 หมื่นนายหน้าบวกเองค่ะ แล้วยังไม่ยอมช่วยเราออกค่าโอนอีก ใจร้ายชะมัด เอาเงินเราไปตั้งเยอะไม่ได้ช่วยอะไรเลย >_< )

        3. หลังจากทำสัญญาจะซื้อจะขาย เราก็เข้าขั้นตอนการขออนุมัตสินเชื่อจากทางธนาคารค่ะ (ของเราใช้ธนาคารสีฟ้า เพราะตอนแรกบอกว่ามีโปรโมชั่นสำหรับข้าราชการ กู้ได้วงเงินสูงสุด 90% ดอกเบี้ยแสนถูก แต่ไป ๆ มา ๆ เขาบอกว่าราชการกู้ร่วมกับเอกชนไม่ได้ สามีเรากู้คนเดียวก็ไม่ผ่าน เราเลยต้องเปลี่ยนเป็นใช้โปรโมชั่นบุคคลธรรมดาแทน ทำไงได้ เวลาก็จำกัด ใกล้หมดโปรโมชั่นค่าโอนแล้ว เราเลยต้องเลยตามเลยค่ะ แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารดีมากเลยนะคะ ติดตามเรื่อง คอยบอกผลการดำเนินงานตลอดเราเลยใช้ธนาคารนี้ค่ะ) เอกสารที่ต้องเตรียมในการไปขอกู้เงินที่ธนาคาร มีดังนี้ค่ะ

        - สัญญาจะซื้อจะขายที่เราทำไว้ ของเราทำเป็น 3 ฉบับค่ะ คือ 2 ฉบับเป็นคู่สัญญา ซื้อขายในราคา 1.25 ล้าน อีก 1 ฉบับ ทำไว้ใช้ยื่นกู้ธนาคาร ระบุราคาซื้อขายเป็น 1.5 ล้านค่ะ เนื่องจากคอนโดมือสองธนาคารจะไม่ให้วงเงินกู้เต็มจำนวน เต็มที่ก็ 70-90% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แล้วแต่ตัวไหนต่ำกว่ากันค่ะ (ราคาประเมินอันนี้จะเป็นราคาที่ทางเจ้าหน้าที่ประเมินของทางธนาคารมาประเมินราคาห้องเราว่าควรมีมูลค่าเท่าไหร่นะคะ ยิ่งเยอะ ยิ่งดี มีโอกาสได้วงเงินสูงค่ะ ส่วนราคาประเมินของกรมธนารักษ์ ที่เราจะต้องใช้ไปคำนวณค่าภาษีต่าง ๆ วันโอนจะเป็นราคาประเมินอีกตัวหนึ่งค่ะ เราสามารถไปสอบถามจากกรมที่ดินในเขตที่ตั้งของคอนโดได้เลยค่ะ อันนี้ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะค่าใช้จ่ายจะถูกลงในวันโอนนะคะ)
        - สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน 3-6 เดือนย้อนหลัง และทะเบียนสมรส
        -  เมื่อเอกสารครบถ้วน ก็ไปกรอกใบสมัครขอกู้เงินกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้เลยค่ะ

        4. เมื่อทำเรื่องกับธนาคารเรียบร้อยแล้วนะคะ ก็รอเจ้าหน้าที่เพื่อมาประเมินห้อง ซึ่งอย่างที่บอกของเรามีปัญหาเรื่องโปรโมชั่นราชการนิดหน่อย ก็กินเวลาไปเกือบ 2 สัปดาห์ แต่ปกติเจ้าหน้าที่ธนาคารบอกประมาณสัปดาห์เดียวก็รู้ผลแล้วค่ะ

        5. เมื่อประเมินมาเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงวันแจ้งผลอนุมัติค่ะ ราคาประเมินของห้องเราได้ 1.5 ล้านเท่ากับราคาที่เรายื่นขอกู้พอดี แต่มีเงื่อนไขนิดหน่อยกว่าจะอนุมัติได้คือ เรายื่นกู้ไป 1.5 ล้าน แต่ธนาคารอนุมัติให้ 70% เท่ากับ 1,050,000 บาท ดังนั้นจะเหลือส่วนต่างที่เราต้องนำมาแสดงให้ธนาคารอีก 400,000 บาท อันนี้เป็นข้อเสียอีกที่เราทำสัญญาเกินราคาซื้อขายจริง คือเราต้องแสดงหลักฐานว่าเราจ่ายให้เจ้าของห้องเท่ากับจำนวนยอดเงินที่เรายื่นกู้กับธนาคาร

        เราจึงแก้ปัญหานี้โดยซื้อแคชเชียร์เช็ค เป็นชื่อเจ้าของห้องเท่ากับจำนวนส่วนต่าง ไปยื่นในวันทำสัญญาเงินกู้ (เพื่อให้เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน) แล้วเราก็ Refund คืน แล้วถือเช็คในส่วนที่ต้องจ่ายจริงไปในวันโอนค่ะ

        6. เมื่อผลอนุมัติออกแล้ว เราก็แจ้งไปยังผู้ขายให้ขอหนังสือปลอดหนี้ เพื่อนำมาใช้ในวันโอน ซึ่งหนังสือปลอดหนี้ใช้เวลาขอประมาณ 5-7 วัน แล้วแต่นิติแต่ละที่ และมีอายุ 7 วันนะคะ เพราะฉะนั้นต้องนัดวันโอนกันดี ๆ

        7. เมื่อถึงวันโอนนัดกับทางผู้ขาย เจ้าหน้าที่ธนาคาร จับมือกันไปที่ที่ดินในเขตที่คอนโดตั้งอยู่เลยค่ะ เอกสารที่ต้องเอาไปก็มีทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ส่วนเอกสารอื่น ๆ ทางธนาคารจะเตรียมให้ค่ะ เอกสารสำคัญคือใบปลอดหนี้ที่ทางเจ้าของห้องต้องเตรียมไปค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารก็จะจัดแจง รับคิว ยื่นเอกสารให้ ทำการโอน จดจำนองเรียบร้อย ก็จะได้สัญญาซื้อขายจากกรมที่ดินมา พร้อมกับจ่ายเช็คให้กับเจ้าของห้อง รับกุญแจ ทะเบียนบ้าน เรียบร้อย

        วันที่เราไปโอนเป็นวันใกล้หมดโปรโมชั่นเต็มที คนก็ล้น ออกมานอกประตูเลยค่ะ แต่โชคดีเราไปเช้าประมาณ 11 โมงก็เสร็จ เสร็จเร็วเลยมีเวลาไปเปลี่ยนชื่อไฟฟ้าค่ะ

        8. ขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อไฟฟ้า ก็ไปที่การไฟฟ้านครหลวงค่ะ เอาสัญญาซื้อขาย สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านไป ถ้ามีเลขมิเตอร์ก็เอาไปด้วยค่ะ จะได้หาง่าย ๆ ไปบอกเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าว่าจะเปลี่ยนชื่อ เราก็จ่ายเงินประกันมิเตอร์ไป 2,000 บาท แค่นี้ก็เสร็จค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าให้เจ้าของเก่าเอาบัตรประชาชน ไปเอาเงินมัดจำของเขาคืนที่ไฟฟ้าได้เลย และถ้าเราเป็นคนขายห้องเราก็ทำแบบนี้ได้เลยค่ะ

        ***จบขั้นตอนการซื้อขายแล้ว ต่อไปเป็นการ Renovate ห้องที่ได้มานะคะ ***

        เบื้องต้นเราตั้งงบประมาณไว้ในใจก่อนที่ 150,000 บาท รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างพร้อมเข้าอยู่ค่ะ เนื่องจากงบเรามีไม่มาก ครั้นจะไปจ้างเขาออกแบบบิวท์อิน งบก็คงจะไม่พอ เรากับสามีก็เลยมาคุยกันคร่าว ๆ ว่า อยากได้ครัว ตู้เสื้อผ้าใหญ่ ๆ ตู้เก็บกระเป๋าและรองเท้า ส่วนคุณสามีอยากปูกระเบื้องใหม่เป็นแกรนิโต้ เดินไฟในห้องใหม่ ทำฝ้าหลุมไฟดาวน์ไลท์

        ซึ่งการรวมความต้องการของคนสองคนนั้นยากพอควรเลยค่ะ ติดอยู่หลายปัจจัย เช่น งบประมาณ (อันนี้เรื่องสำคัญมาก), แปลนห้อง เนื่องจากเป็นคอนโดเก่า ห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า การต่อท่อ ต่อครัว การตกแต่งห้องก็ลำบาก เราก็หาข้อมูลจากหลาย ๆ ที่จนเหนื่อย สุดท้ายก็ตัดสินใจกันว่าจะซื้อเป็นเฟอร์นิเจอร์มาวางค่ะ 

        แล้วเรียกช่างรับเหมามาดูห้องหน้างาน ก่อนว่าสามารถทำอะไรได้บ้างและค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไร เราเรียกผู้รับเหมามา 2 เจ้าค่ะ ช่างที่ทำประจำให้คอนโด กับช่างที่รู้จักกันกับคุณสามี ตอนแรกเรากะจะใช้ช่างในคอนโด เพราะเขาคงรู้เรื่องท่อ เรื่องระบบในคอนโดเราดีกว่า และเกรงใจช่างของคุณสามีด้วยค่ะ เพราะบ้านเขาอยู่ไกลจากคอนโดเรามาก แต่ปรากฎว่าตีราคามาต่างกันลิบลับ เราจึงใช้ช่างของคุณสามีค่ะ 

        ขั้นตอนการรีโนเวทก็ไปติดต่อที่นิติของคอนโดค่ะ ของเราเขาจะให้วางเงินมัดจำ 5,000 บาทพร้อมกับกฎระเบียบว่า ห้ามเจาะโน่น ทุบนี่ ห้ามทำนั่น ไม่งั้นเขาจะยึดเงินมัดจำค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - แปลนห้องค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - หลังจากผู้รับเหมามาดู ๆ วัด ๆ พื้นที่ห้อง และตีราคา สรุปได้ว่า

        1. ปูพื้นเป็นลามิเนตแทนแกรนิตโต้ค่ะ เพราะถ้าปูกระเบื้องใหม่ต้องรื้อของเก่าออก ใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ (เราอยากให้ห้องเสร็จไว ๆ เพราะมีเวลาทำ 1 เดือนก่อนย้ายออกจากห้องเก่าค่ะ) เขาว่าพื้นลามิเนตของเขากันน้ำกันปลวก 30 ปี ใช้เวลาทำไม่นาน ไม่ยุ่งยาก และปูทับได้เลย

        2. เปลี่ยนเบรกเกอร์ เดินไฟใหม่ค่ะ ตอนแรกคุณสามีอยากเปลี่ยนปลั๊กใหม่ให้มีสายดินด้วย แต่ถ้าเปลี่ยนจะต้องเดินไฟใหม่หมด รวมทั้งทาสีห้องใหม่ ซึ่งยุ่งยากและแพงมาก เขาเลยแนะนำให้เปลี่ยนปลั๊กใหม่เป็น 3 รู 2 จุด และเปลี่ยนเบรกเกอร์ใหม่ค่ะ

        3. ทาสีประตูห้องและห้องน้ำ

        4. ติดไฟใหม่ ส่วนการเจาะฝ้า ทำดาวน์ไลท์ที่คุณสามีอยากได้ สรุปว่าไม่ทำเพราะจะทำให้เพดานห้องเตี้ยลง เราตัวใหญ่ อยู่แล้วอึดอัด เราเลยตัดสินใจซื้อโคมไฟสวย ๆ มาติดแทน

        - 4 รายการนี้ ผู้รับเหมาเสนอราคามาที่ 33,093 บาทค่ะ ตกลงทำสิคะ รออะไร (คือเราเป็นคนค่อนข้างใจร้อนค่ะ ถ้าถูกใจแล้ว เราก็ตัดสินใจง่ายมาก ๆ เลย แล้วอีกอย่างเราไม่อยากเสี่ยงกับผู้รับเหมาที่เราไม่รู้จัก เลยไม่ได้เช็กราคาที่อื่นเลยค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - สภาพห้องก่อนปูพื้นค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - ในห้องเรามีตู้ มีเตียงใหญ่ ๆ แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ ช่างจะทำทีละฝั่ง ปูได้สบายมาก (ช่างบอกว่ารกกว่านี้ก็ปูมาแล้ว)

รีโนเวทคอนโด

        - ถ้าปูทับกระเบื้อง เราต้องถอดประตูมาตัดด้วยนะคะ ไม่งั้นมันจะติดพื้น แต่ไม่มีปัญหาค่ะ ถอดตัดใส่ใหม่ใช้ได้เหมือนเดิม

รีโนเวทคอนโด

        - งานพื้นทำเสร็จภายใน 1 วันไวมาก ๆ ห้องของเราใกล้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว เย้ ๆ ^^

รีโนเวทคอนโด

        - วันต่อมาช่างมาเดินไฟ ต่อท่อน้ำ ซิงค์ล้างจาน ทาสีประตูให้ใหม่ค่ะ เราไปซื้อโคมไฟ หลอดไฟ และซิงค์ล้างจานมาให้ช่างประกอบให้ค่ะ หมดค่าอุปกรณ์ โคมไฟไป 5,170 บาท ค่าซิงค์ล้างจานไป 2,480 บาทค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - คุณสามีเลือกสีประตู เห็นแล้วน้ำตาจะไหลเลยค่ะ ทำห้องกันสองคนต้องคุยกันดี ๆ ปรึกษากันก่อนทำอะไรนะ ไม่งั้นจะมีดราม่ากันได้ T____T

        - เจ้าของกระทู้ใช้เวลาในการให้ช่างทำห้องทั้งหมด 2 วันค่ะ ที่เหลือก็จัดการกันเองกับคุณสามี งานก็เป็นงานทำความสะอาดทั่วไปไม่มีอะไรมากแล้ว เหลือก็แต่ไปเลือกเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ไปตระเวนดู ดูกันจนเหนื่อย สรุปแล้วเราไปเหมาเฟอร์นิเจอร์จากห้องสรรพสินค้าแห่งหนึ่งมาค่ะ ให้เขาลองวาง ๆ เฟอร์นิเจอร์ในห้องให้ดู ออกมาก็สวยประทับใจ ราคาก็พอรับได้ ที่สำคัญมีทั้งโปรโมชั่นและผ่อน 0% เราก็เลยตัดสินใจเลยค่ะ (เราเป็นคนขี้เกียจ ใจร้อนด้วย อยากได้ต้องได้ เสียเวลาเปรียบเทียบ แล้วได้ถูกกว่านิดหน่อย เรายอมจ่ายแพงแต่ไม่ยอมเหนื่อยค่ะ รสนิยมสูงรายได้ต่ำ ชอบความสบายอะไรแบบนั้นอะ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเนอะ)

รีโนเวทคอนโด

        - รูปแบบห้องเราที่ทางร้านออกแบบให้ ได้ประมาณนี้ค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - มองจากด้านหลังห้อง

รีโนเวทคอนโด

        - มองจากด้านหน้าห้อง ภาพรวมก็จะประมาณนี้ค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ค่ะ เราเก็บรวมตั้งแต่ค่าใช้จ่ายในวันโอน ค่าช่าง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ ส่วนตัวเราแยกจดเป็นเงินสดกับบัตรเครดิตที่เราผ่อน 0% (6 เดือนแรกคงต้องพึ่งไข่ต้ม มาม่า ปลากระป๋อง) พวกเครื่องซักผ้า ตู้เย็น คุณสามีเราก็หาข้อมูลตามพันทิปนี่แหละค่ะ รวม ๆ แล้วค่าใช้จ่ายก็อยู่ในงบประมาณที่ตั้งใจไว้นะคะ ค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ เพิ่มไป ^^

รีโนเวทคอนโด

        - และแล้วก็ถึงวันที่พี่ช่างนัดเข้ามาติดตั้งเฟอร์นิเจอร์แล้วค่า พี่ช่างมากัน 3 คนค่อย ๆ ประกอบกันไป มีผ้ามารองกันพื้นเป็นรอยด้วย

รีโนเวทคอนโด

        -  ประกอบตู้ เตียง และชั้นวางทีวีค่ะ มีตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ ๆ แถมมากับห้องด้วย เราเสียดายเลยเก็บไว้ชิดมุมเลย ไม่ค่อยเข้ากับห้องเท่าไร แต่ก็โอเคค่ะ เพราะมีพื้นที่ใส่เสื้อผ้า

รีโนเวทคอนโด

        - พี่ช่างใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ประกอบเสร็จค่ะ

รีโนเวทคอนโด

        - ภาพถ่ายจากหน้าห้อง-หลังห้องค่ะ เราเลือกที่จะใช้ฉากกั้นแบ่งระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนค่ะ เพราะถ้ากั้นห้องแล้วมันจะดูแคบและแบ่งสัดส่วนไม่ลงตัว เลยได้ออกมาอย่างที่เห็นค่ะ เฟอร์นิเจอร์มาเกือบครบแล้ว เหลือโซฟา ตู้เย็น และเก้าอี้กินข้าวยังไม่มาส่งค่ะ

        - ประสบการณ์ซื้อห้องครั้งแรก เรื่องเยอะ จุกจิกมาก ใครที่เป็นมือใหม่ก็ค่อย ๆ ศึกษาไปนะคะ อย่าใจร้อนเหมือนเรา อาจพลาดได้ค่ะ เราพลาดไปหลายเรื่อง เพราะความขี้เกียจและใจร้อนแท้ ๆ ค่ะ ตั้งกระทู้ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 3171058


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ขั้นตอนการซื้อคอนโดมือสอง และแปลงโฉมห้องในงบประหยัด อัปเดตล่าสุด 21 มิถุนายน 2559 เวลา 15:25:46 51,028 อ่าน
TOP