วิธีจัดโต๊ะเครื่องแป้งแบบบิวตี้บล็อกเกอร์ ความสุขเล็ก ๆ ของผู้หญิง แค่เห็นก็ฟินแล้ว

          สวัสดีอีกครั้งหลังจากห่างหายจากการเขียนรีวิวเรื่องตกแต่งบ้านไปซะนานค่ะ ขอแนะนำตัวก่อน ปุ้ยเป็นอดีตบล็อกเกอร์สายบิวตี้ ที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นแม่บ้านสายจัดระเบียบค่ะ ตอนนี้ปุ้ยอยากกลับมาเขียนรีวิวแล้ว เลยขอเริ่มด้วยรีวิวที่อยากเขียนและเตรียมเนื้อหาไว้นานมาก (ประมาณ 4 ปี) แต่ด้วยความที่ตั้งท้องลูกสาว ก็เลยหยุดความตั้งใจจะเขียนไป เพราะต้องทุ่มเทให้กับการเลี้ยงลูก กระทั่งตอนนี้ลูกเข้าโรงเรียนแล้ว เลยกลับมามีเวลาเป็นของตัวเองค่ะ

          กระทู้นี้จะมารีวิวโต๊ะเครื่องแป้งในฝัน กับปฏิบัติการที่ปุ้ยตั้งชื่อว่า "บ้านหลังสวยของเครื่องแป้งที่เรารัก" ปุ้ยอยากให้กระทู้นี้เป็นกำลังใจกับสาว ๆ ที่ฝันอยากจะมีมุมความสุขเล็ก ๆ กับเครื่องแป้งเครื่องสำอางสวย ๆ ของเรา อยากให้รู้ว่าไม่ยาก ขอแค่มีความตั้งใจและยอมสละเวลามาจัดบ้านให้บรรดาลูกรักของเราสักนิด แล้วชีวิตตอนทำสวยจะดีขึ้นค่ะ

          - ปุ้ยอยากแชร์หลักการง่าย ๆ 4 ข้อ ดังนี้

     1. "หัวใจรัก" คือ จุดเริ่มต้นของการสร้างบ้าน ให้ความรัก ให้ความมีตัวตนกับเครื่องสำอางทุกชิ้น ที่สำคัญทุกอย่างจะต้องอยู่ที่เดิมที่บ้านของเขาเสมอ

     2. "ความสะอาด" คือ สิ่งสำคัญที่สุด ของทุกชิ้นต้องถูกเช็ดทำความสะอาดอยู่เสมอ

     3. "หยิบใช้ง่าย" ข้อนี้ถือเป็นวัตถุประสงค์หลัก ของทุกชิ้นต้องสามารถหยิบใช้ได้โดยง่าย

     4. "ความสวยงาม" เป็นรางวัลความสุขให้กับเจ้าของ และจะทำให้เรารักเครื่องสำอางของเรามากขึ้น

          ทั้งหมดนี้เป็นหลักการสวย ๆ ที่ไม่ยาก ซึ่งเราจะมาขยายความในส่วนนี้กันต่อไปค่ะ

         - ขอเรียกกำลังใจด้วยภาพโต๊ะเครื่องแป้งของปุ้ยก่อน รวบรวมความตั้งใจเก็บสะสมชั้นวางของกับตัวจัดระเบียบมาทีละเล็กทีละน้อย กว่าจะสำเร็จก็เป็นปี ๆ ค่ะ ในกระทู้นี้จะมีโต๊ะเครื่องแป้งแบบเต็ม ๆ 2 เวอร์ชั่นมาให้ดูกัน

มาเริ่มจาก Version 1 แบบเบา ๆ ก่อนแล้วกันนะคะ

          ตอนแรกที่เริ่มสร้างบ้านให้เครื่องสำอางก็ประมาณ 5 ปีที่แล้ว เห็นแรงบันดาลใจจากบล็อกเกอร์ต่างชาติที่แบบว่าเขาใช้ชั้นวางของอะคริลิกแล้วมันดูสวยมาก ก็ฝันอยากจะได้แบบนั้นบ้าง เริ่มลงทุนซื้อชั้นอะคริลิกจาก Muji มาจัด มันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้น จัดไปจัดมาก็เริ่มมีแนวทางและอยากแบ่งปันให้สาว ๆ ดูเป็นแรงบันดาลใจบ้าง เอาล่ะ มาเริ่มปฏิบัติการ "บ้านหลังสวยของเครื่องแป้งที่เรารัก" กันเลยค่ะ

     1. เริ่มต้นถามตัวเองก่อนว่า เรามีหัวใจรักต่อเครื่องสำอางของเราหรือไม่ ? (ถ้าใครคิดว่า "ไม่" ก็ถือว่าเข้ามาเดินชมบ้านของคนอื่นเฉย ๆ เลื่อนดูรูปผ่าน ๆ เพลิน ๆ ไปได้เลย) ถ้าคุณยังไม่แน่ใจ ลองอ่านกระทู้นี้จนจบแล้วค่อยกลับมาถามตัวเองใหม่ก็ได้ หรือจะลองทำดูก่อน ความรักอาจจะค่อย ๆ เติบโต แล้วจะพบว่าความสุขในการมีบ้านให้เครื่องสำอางคืออะไร

          แต่ถ้าใครตอบได้ว่า "ใช่" เราก็ใจตรงกันค่ะ ปุ้ยเป็นคนนึงที่รักเครื่องสำอางมาก คิดว่าเขาน่ารัก น่าเอ็นดู รู้สึกดีเวลาที่ได้มองเขาวางอยู่ในที่ทางของตัวเอง (บางชิ้นไม่ค่อยได้ใช้ แต่ก็รู้สึกดีแค่ได้มอง) และเวลาหยิบมาใช้จะรู้สึก "โอ๊ะ ดี" ใช้เขาด้วยความรู้สึกรักและทะนุถนอม เสร็จแล้ววางเขากลับที่ด้วยความรู้สึกขอบคุณ

          นึกภาพคนที่แบบว่ารักกระเป๋า รักรองเท้าแบรนด์เนม ทำนองนั้นแหละค่ะ แต่ปุ้ยเป็นกับเครื่องสำอางนะ ไม่ค่อยเป็นกับพวกกระเป๋า รองเท้าสักเท่าไร ถ้าเรารักอะไรสักอย่าง เราย่อมอยากเลี้ยงดู ฟูมฟักมันอย่างดี นั่นแหละจุดเริ่มต้นของการสร้างบ้าน ถ้าสร้างด้วยความรัก บ้านแสนสุขก็จะมั่นคงและแข็งแรงค่ะ

     2. ลงมือทำความสะอาดของทุกชิ้นก่อน ทั้งภายนอกและภายในเลย และสำรวจว่าเรามีของเยอะแค่ไหน จะได้กะความกว้างใหญ่ของบ้านเราได้

     3. จัดให้เป็นหมวดหมู่ โดยแบ่งตามขั้นตอนการใช้งาน คือ

          - Base Makeup ขั้นตอนงานผิวทั้งหมด ตั้งแต่ สกินแคร์ กันแดด เมคอัพเบส ไฮไลต์เฉดดิ้งที่เป็นเนื้อครีม คอนซีลเลอร์ ปัดแก้มเนื้อครีม และแป้งฝุ่นสำหรับเซตติ้ง

          - Eye Makeup ขั้นตอนแต่งตาทั้งหมด ตั้งแต่ อายเบส อายแชโดว์ อายไลเนอร์ เขียนคิ้ว มาสคาร่า และอุปกรณ์ติดขนตา

          - Cheeks ขั้นตอนแต่งแก้มทั้งหมดที่เป็นแบบฝุ่น เช่น บลัชออน ไฮไลต์ เฉดดิ้งต่าง ๆ

          - Lipstick รวบลิปสติกทั้งหมดมาไว้รวมกัน แยกลิปสี ลิปกลอส หรือจะแยกตามแบรนด์ หรือตามสีก็ได้

          - Finishing อันนี้หลายคนอาจจะมีไม่เยอะ มันเป็นพวกแป้งฝุ่นคุมมัน สเปรย์น้ำแร่ แป้งไฮไลต์ที่ปัดทั่วหน้า หรืออะไรที่เรามักจะใช้เป็นขั้นตอนสุดท้าย

          พอเราแยกตามหมวดหมู่แล้ว ทีนี้ก็แบ่งเป็นไอเทมที่ใช้บ่อย ๆ กับไม่ค่อยได้ใช้

     4. ในขั้นตอนถัดไปจะเริ่มสนุกละ ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลานานสุด ๆ อาจจะเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าจะลงตัว ค่อย ๆ ทำไป เริ่มด้วยการหาบ้านก่อน อย่างน้อยต้องมีโต๊ะว่าง ๆ สัก 1 ตัวก่อน พยายามเลือกโต๊ะที่มีหน้ากว้าง แต่ไม่ลึก นึกออกมั้ย คือเวลาวางของซ้อน ๆ แล้วซ้อนได้ไม่มาก เพราะความซับซ้อน มันจะเป็นปัญหาของเราในอนาคต บ้านจะกลับมารกเหมือนเดิมนั่นเอง

          ตอนนู้น ปุ้ยบังเอิญเจอโต๊ะของอิเกีย เห็นแล้วโครตปิ๊ง เหมือนเกิดมาเพื่อการนี้ (แต่ต้องขออภัยตอนนี้โต๊ะรุ่นนี้ไม่มีขายแล้ว ไม่ต้องเสียใจไป เราหาโต๊ะเครื่องแป้งหรือทำงานรุ่นอื่นมาแทนก็ได้) พยายามเลือกโต๊ะที่หน้ากว้างแนวยาวประมาณ 2 ช่วงแขน เมื่อเรากางแขนสองข้างออก ส่วนแนวกว้างลึกไม่เกินความยาว 1 ช่วงแขนเมื่อเรายื่นแขนไปข้างหน้า

          ทีนี้ก็หาอุปกรณ์ช่วยจัดระเบียบของ พวกชั้นวางเครื่องสำอางต่าง ๆ อันนี้ควรลงทุน มันคุ้มแน่ ๆ ถูกกว่าเครื่องสำอางบางชิ้นอีก (เราอาจจะไม่ได้ซื้อมาคราวเดียวหมด แต่ลองจัด ๆ ดูก่อน ค่อยไปซื้อเพิ่มเอานะ) ปุ้ยเลือกเป็นอะคริลิกใส ๆ เพราะชอบที่มันดูโปร่ง และสามารถมองเห็นของด้านในด้วย

          อะคริลิกแบบแบ่งช่องเสียบเล็ก ๆ หาซื้อง่าย ๆ ตามเซ็นทรัล แผนกของแต่งบ้าน หรือตามร้านขายของแต่งบ้าน Index Living Mall, Diaso, Minimono, Miniso, Homepro ราคาหลักร้อย ส่วนลิ้นชักอะคริลิกนั้นของ Muji แพงหน่อย 600-1,200 บาท แต่คุณภาพดี (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงไป เพราะในรูปนี้ซื้อหลายปีแล้ว) ถ้าของถูกกว่านี้หน่อยมีตามร้านของแต่งบ้านที่บอกไว้

          หลังจากที่เราแยกประเภท จัดหมวดหมู่ของเครื่องสำอางแล้ว ทีนี้เราก็จะมาเริ่มสร้างบ้านหาที่ทางให้เขา สำคัญว่า เครื่องสำอางทุกชิ้นจะต้องมีที่วางแน่ชัด เป็นที่เป็นทาง และจะต้องอยู่ที่เดิมตรงนั้นเสมอ นั่นจะทำให้เราสะดวกในการหยิบใช้ พอใช้เสร็จก็นำไปวางคืนที่เดิม แบบนี้จะช่วยให้เราลดเวลาในการแต่งหน้าไปได้เยอะเลย ไม่ต้องมาควานหาว่า "อะไรอยู่ตรงไหน" แถมบางที หาไม่เจอก็หงุดหงิดมาก ๆ ด้วย

          เทคนิคที่จะใช้ในการหาที่หาทางให้ของแต่ละชิ้น ปุ้ยจะจัดวางตามลำดับขั้นตอนการใช้งาน (ของเราเอง) อันนี้แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เอาตามที่เราถนัดเลยค่ะ เรียงตามขั้นตอน และสำคัญว่าทุกชิ้นจะต้องวางในที่ที่มองเห็นและหยิบใช้ได้ง่าย ตามเทคนิค "มองเห็นทุกชิ้น หยิบใช้ง่าย มีช่องวางให้หายใจ" หลายคนคงจะงงว่า เกี่ยวอะไรกับช่องว่าง หายใจทำไม ? แต่จะบอกว่า "ช่องว่าง" เนี่ยแหละ คือ สาระสำคัญของการจัดระเบียบของปุ้ยเลย เพราะว่าช่องว่างจะทำให้เรามองเห็นถนัด และทำให้เราหยิบของแต่ละชิ้นได้ง่าย กล่าวคือ เวลาหยิบชิ้นหนึ่ง มือจะไม่ไปโดนของชิ้นข้าง ๆ มันจะช่วยให้ง่ายต่อการหยิบใช้ และง่ายต่อการวางคืนตำแหน่งเดิม ที่สำคัญจะทำให้เกิดความสวยงามขึ้น ไม่เชื่อลองดูสิ

          ทีนี้ช่องว่างเท่าไหร่ดี ? คำตอบคือ ระยะที่เราหยิบของแต่ละชิ้นแล้วนิ้วหรือมือไม่ไปโดนชิ้นข้าง ๆ ให้กระดิกหรือล้มนั่นเอง (ตอนจัดแรก ๆ ช่องอาจจะกว้างเกินหรือแคบเกิน พอเริ่มฝึกให้ชีวิตมีช่องว่าง สักพักจะเริ่มรู้ระยะช่องว่างของตัวเองค่ะ) และช่องว่างนี้ก็คือ ความลับของ "ความเข้าถึงง่าย" ที่เกริ่นไว้ว่าเป็นวัตถุประสงค์หลักนั่นเอง พอจัดแจงทุกอย่างด้วยความรักแล้ว ทีนี้ "ความสวยงาม" มันจะบังเกิดขึ้นเอง

          เอาล่ะ ทฤษฎีเราปึ้กละ ทีนี้มาดูหน้าตาโต๊ะเครื่องแป้งของจริงที่ปุ้ยว่ากันค่ะ

         - ในรูปนี้ทุกอย่างสามารถเอื้อมหยิบถึงเมื่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้

          - นี่คือแผนภาพที่ปุ้ยเขียนขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องแป้งของปุ้ย

          เวลาใช้งานปุ้ยจะนั่งตรงกับกระจกที่วางอยู่นะคะ ตัวนั่งชิดขอบโต๊ะจะได้เห็นกระจกชัด ๆ โดยกระจกจะถูกเทินไว้ให้สูงพอที่เห็นหน้าตัวเองพอดี ปิดลิ้นชักด้านซ้ายไว้ (เก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้) เพื่อปล่อยให้ลิ้นชักด้านขวาได้เปิดออกง่าย

          พอเริ่มแต่งหน้าด้วยขั้นตอนที่ 1 Base Makeup เอื้อมไปหยิบสกินแคร์และครีมกันแดดได้พอดี ดังนั้นถ้าวางชั้นวางของก็ควรกะระดับว่าเทินกันแล้วไม่สูงเกินไปที่จะหยิบถึงเมื่อเรานั่งอยู่ที่เก้าอี้ อาจจะมองเห็นว่าเครื่องสำอางเยอะมาก แต่ปุ้ยไม่ได้ใช้ทุกชิ้นพร้อมกันในครั้งเดียวนะคะ นี่คือที่เลือกมาแล้วว่า "ได้ใช้" ลองดูตามลูกศร ขั้นตอนของปุ้ยจะดำเนินตามนี้ พอจบขั้น Makeup Base ปุ้ยจะกระโดดมาที่ Setting Power โดยเปิดลิ้นชักด้านขวาออกมา จริง ๆ จะวางกระปุกแป้งไว้ด้านบนโต๊ะก็ได้ แต่พอดีมีหลายกระปุก เลยจัดไว้ในลิ้นชักดีกว่า มันเป็นตำแหน่งใกล้สุดของมือขวา เปิดออกมาก็หยิบพัฟมาตบที่หน้าได้เลย

          จากนั้นก็เริ่มแต่งตาขั้นที่ 2 Eye Makeup เขียนคิ้วก่อน แล้วก็อายแชโดว์ แล้วก็อายไลเนอร์ ชุดแปรงอยู่ทางขวาบน เอื้อมหน่อย แล้วเปิดลิ้นชักอายแชโดว์ตรงหน้า มาสคาร่าที่ใช้ทุกวันก็จะวางใกล้ ๆ ด้านขวา (แต่ในรูปจะถูกเอาไว้ไกลหน่อย)

          ต่อมาขั้นตอนที่ 3 Cheeks ปุ้ยจะเลือกบลัชออนที่ใช้ประจำไว้ตรงด้านบน ทั้งไฮไลต์และเฉดดิ้งด้วย ส่วนอันที่นาน ๆ ใช้ก็ไว้ในลิ้นชักอะคริลิก แล้วก็ชั้นวางถัดไปด้านขวา (คือต้องเอื้อมไกลหน่อยนึง) แล้วอันที่นานมากขึ้นไปอีกก็จะไว้ในลิ้นชักด้านล่างเลย

          ขั้นตอน 4 Lipstick ก็เลือกสีที่ใช้บ่อยวางไว้ใกล้ ๆ ส่วนอันที่นาน ๆ ใช้ที เก็บไว้ในลิ้นชักด้านล่าง พอแต่งหน้าเสร็จก็จะไปแต่งตัว แล้วค่อยกลับมา

          ขั้นตอนสุดท้าย 5 Finishing ก็เลยวางไว้ด้านมุมซ้ายของโต๊ะ (แต่งตัวเดินแล้วเดินกลับเข้ามาไปทางซ้ายของโต๊ะ)

          สรุปอะไรที่ใช้ประจำให้เอาไว้ในส่วนที่หยิบถึงง่าย ๆ เวลานั่ง ส่วนอะไรไม่ค่อยได้ใช้ให้ไว้ปลาย ๆ โต๊ะหรือในลิ้นชัก เครื่องสำอางทุกชิ้นมีที่ทางของตัวเอง และไม่มีชิ้นไหนถูกวางซ้อนหรือทับกัน (เพราะมันจะไม่ถูกเห็นและไม่ถูกใช้ และจะถูกลืมไปในที่สุด) เอาล่ะ หลายคนคงอยากเห็นแบบชัด ๆ มาดูรายละเอียดในแต่ละชั้นวางกัน จะเห็นชัดถึงคำว่า "ช่องว่าง"

          - Makeup Base : Skincare, Sunscreen, Foundation วางไว้ในช่องในอะคริลิก มีพื้นที่ของตัวเองชัดเจน

          - ที่เห็นบางชิ้นเปิดอยู่ จริงๆ ถ้าเป็นแบบที่ไม่ใช่เนื้อครีม ก็เปิดแบบนั้นแหละค่ะ ชิ้นไหนใช้ทุกวันก็จะเปิดทิ้งไว้เลย เวลาใช้แค่เลื่อนลิ้นชักออก ก็ใช้แปรงจิ้มได้เลย แต่ต้องคอยทำความสะอาดห้อง และเป็นห้องที่ไม่ค่อยมีฝุ่นค่ะ

          - โซนด้านขวา ด้านบนเป็นที่เสียบแปรง ประยุกต์มาจากชั้นลิ้นชักแบบสี่ตอนแคบ ๆ แต่ลึก ปกติเขาไว้เก็บปากกาหรือแว่นตา
 ปุ้ยลองเอาลิ้นชักออกไปใส่ของอย่างอื่น แล้วเอาตัวชั้นมาตะแคงตั้งขึ้น เอาลูกปัดสีเงินใส่ลงไป เพิ่มความหรูหรา และช่วยให้เสียบแปรงแล้วมีช่องว่างของแปรงแต่ละด้าม เวลาหยิบใช้ จะง่ายขึ้น แบ่งแปรงแต่งตาไว้ตามประเภทการใช้งาน แล้วเขียนป้ายกำกับไว้ด้วยค่ะ 
ในรูปเป็น Angle Brush|Coloring&Spot|Blending Brush|Cream&Liner Brush

          - ด้านขวาสุดของโต๊ะจะมีตู้เก็บเครื่องสำอางที่นาน ๆ ใช้ที (เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วตู้นี้ไม่ค่อยได้ใช้) ตู้นี้บางทีถือไปใช้ห้องอื่นได้ หลัง ๆ ตอนที่มีลูกแล้วได้ใช้แต่ตู้นี้เลย 555 เพราะมีเวลาแต่งหน้าแค่ 5 นาทีก่อนออกจากบ้าน ต้องเลี้ยงลูกไปด้วยแต่งหน้าไปด้วย ตู้นี้เคลื่อนย้ายไปตามห้องต่าง ๆ ได้ง่ายดี (พอมีลูกแล้วเครื่องสำอางที่ใช้จริง ๆ น้อยลงมาก ๆ และมีเวลาน้อยนิดเท่านั้น) เอาไว้จะแตกกระทู้เล่าเรื่องตู้นี้ให้ฟังนะคะ ต่อมาเห็นถ้วยใส่เครื่องปรุงนั้นมั้ยคะ อันนี้ดี ใช้ทุกวัน มี 3 ถ้วย เอาไฮไลต์ บลัชออน เฉดดิ้งสีที่ใช้ประจำ แคะออกมาจากตลับที่ใกล้หมดแล้ว สีคล้าย ๆ กันหลายตลับมาใส่รวมกัน ใช้ง่าย สะดวก ประหยัดด้วย

          - ปกติถาดนี้จะวางอยู่ใกล้ ๆ มือ และจะมีแปรงเล็ก ๆ ใส่ไว้สำหรับแต่ละถ้วยด้วย เปิดฝาแล้วใช้ได้เลย
 ถ้ากลัวฝุ่นจะเข้า ให้หาเทปหรือสติ๊กเกอร์มาปิดตรงรูที่ฝาไว้ แค่นี้ก็เรียบร้อย

          - อันนี้อุปกรณ์ในครัวอีกเช่นกัน เอามาประยุกต์วางตลับแป้งเฉดดิ้ง น่ารักดี ถือเป็นการตกแต่งเพื่อความสวยงาม แต่ก็ใช้งานได้ด้วย

          - ชั้นวางขนมก็เอามาใช้ได้ เอามาวางพวก Finishing Items น่ารักดี เพิ่มฟีลลิ่งเวลาใช้งาน รู้สึกดี 555
 ถ้วยเล็ก ๆ เอามาใส่พัฟที่ทารองพื้นด้วย
ชั้นวางขนมที่เป็นเหล็กซื้อจาก Central ส่วนชั้นอะคริลิกซื้อจากร้านตรงข้ามเจเจพลาซ่า

          - แล้วก็ย้ายโต๊ะมาอยู่อีกห้อง เพราะฝุ่นน้อยกว่าห้องแต่งตัว ไฮไลต์ของบ้านหลังใหม่ คือ กระจกบอร์ดเวย์อันใหญ่ไฟกะพริบ (จริง ๆ ไม่กะพริบนะคะ 555) กระจกนี้ฝากเพื่อนไปหามาให้ ถ้าใครอยากได้ลองไปถามที่เพจ HER ANYTING ดูนะคะ เขาไม่ได้เอามาขายจริงจัง แต่ถ้าฝากสั่งก็อาจจะได้ เวลาแต่งหน้าปกติปุ้ยก็ไม่ได้เปิดไฟที่กระจกทุกครั้งนะคะ เพราะว่ามันร้อนมาก หลอดไฟแบบนี้มันจะหมุนปรับแสงหรี่หรือสว่างได้ เปิดนาน ๆ มันจะร้อน ถ้าจะเปิดทุกวัน คงต้องเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED เอาล่ะ มาเล่าเรื่องการจัดที่จัดทางของบ้านเครื่องแป้งกันต่อ

          - โดยรวมยังเหมือนเดิมค่ะ 1. Base Makeup 2. Eye Makeup 3. Cheeks 4. Lipstick 5. Finishing เพิ่มเติมนิดหน่อยตรงรอบข้าง ๆ

          - มาดูด้านซ้ายของกระจกก่อน

          - ด้านในลิ้นชักก็ยังคล้าย ๆ เดิมค่ะ

          - ชั้นวางอะคริลิกอันนี้เพิ่มมา คือ ชอบมากมี 16 ช่อง เอามาวางพวกกระปุกรองพื้นกับแป้งได้พอดี จะวางกระปุกครีมสกินแคร์ก็ได้
ชั้นของ Muji อีกเช่นเคยค่ะ

          - ส่วนที่ว่างตรงนี้ก็เอาไว้วางถาดเฉดดิ้งได้ จัดเป็นขั้นตอน Finishing ของปุ้ยเหมือนกันค่ะ
 ถาดนี้เป็นอุปกรณ์ในครัว ไว้วางจานเล็ก ๆ เอามาประยุกต์ใช้ได้

          - ช่วงกลางตรงกระจกก็วางของได้นิดหน่อย ไม่งั้นนั่งแล้วจะบังส่องไม่เห็นหน้า ปุ้ยวางพวกอายเบสกับกาวขนตา แล้วก็อายแชโดว์ที่เป็นแท่งเล็ก ๆ
 ด้านหน้าสุดทางซ้ายวางถาดใส่เศษไฮไลต์ บลัชออน เฉดดิ้ง อันเดิมที่เคยเล่าให้ฟัง แล้วด้านซ้ายหน้าก็เป็นพวกลิปสติก ให้แท่นวางแบบโยกย้ายได้ง่าย

          - ที่เสียบแปรงอันเดิมของ Muji เอามาใส่ลูกปัด ทำให้แปรงตั้งตรง มีช่องวาง มองเห็นและหยิบใช้ง่าย

           - ด้านขวาของกระจกก็จะเป็นพวกแต่งตา ต่อด้วยปัดแก้ม ไฮไลต์ เฉดดิ้ง และขนตา

          - มีชั้นเพิ่มมาบ้าง ชั้นวางของ Muji ยัดใส่ด้วยชั้นแบ่งซอยช่องของ HER ANYTHING วางเทินกัน ถ้ากลัวมันจะคว่ำ ก็ใช้เทปใสสองด้าน 3M แบบหนา ๆ แบบที่ลอกออกแล้วติดใหม่ได้ค่ะ มันช่วยยึดให้ติดกัน ไม่ล้มและก็มองไม่เห็นรอยเทปด้วย ส่วนลิ้นชักอะคริลิกนั้นของ Muji ทั้งหมด มีแบบกว้างแบบแคบ ความลึกไม่เท่ากัน เวลาจัดเรียง ก็วางให้ด้านหน้าเสมอกัน

          - เล่าเรื่องที่ใส่แปรงต่อ อันนี้ได้มาใหม่ ให้ HER ANYTHING ไปหามาให้ เขาเลยได้เอามาขายด้วย เป็นแบบมีฝาปิดค่ะ เอามาวางที่โต๊ะตัวเล็กข้าง ๆ เก้าอี้

          - โดยรวม Version 2 ใหญ่ขึ้นหน่อย บางทีก็จะถนัดแบบยืนแต่งมากกว่า พอยืนแล้วจะแต่งไวขึ้นด้วยค่ะ เพราะว่าเมื่อย 555 
ยืนแล้วมันจะเอื้อมหยิบของที่ไกล ๆ ได้ไวกว่า จริง ๆ แบบเดิมเวอร์ชั่นเล็กจะใช้งานง่ายกว่า แต่แบบนี้อลังการดีค่ะ เอาไว้ดูสวย ๆ เข้ากับห้องดี บางทีมีเพื่อนหรือลูกค้ามาให้แต่งหน้าให้ เขาก็เห็นแล้วจะชื้นใจ (มีรับงานแต่งหน้าบ้างเฉพาะคนที่สนิท ๆ กัน เพราะไม่ค่อยสะดวกไปข้างนอก ต้องเลี้ยงลูก) ตอนลูกแบเบาะก็เอาเตียงมาเลี้ยงในห้องนี้ วัน ๆ ไม่ได้แต่งหน้า แต่ได้นั่งดูโต๊ะเครื่องแป้งก็บันเทิงเริงใจไปเอง แต่พอลูกเดินได้แล้วแทบไม่ได้เข้ามาในห้องนี้ เพราะลูกจะตามเข้ามาเล่นโต๊ะเครื่องแป้งนี้ด้วย

          - รูปนี้วางเป็นพร็อพให้ดูรก ๆ จะได้เก๋ ๆ แต่เวลาใช้จะวุ่นวาย หาอะไรไม่ค่อยเจอ

          ถ้าเรามีบ้านสวย ๆ ให้เครื่องแป้งแล้ว เราก็ต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดบ้าน ใช้แล้วอย่าลืมเก็บที่เดิมด้วยนะคะ แค่นี้โต๊ะเครื่องแป้งก็จะเป็นบ้านแสนสุขของเราและบรรดาลูกรักเครื่องสำอางตลอดไปค่ะ

          หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์หรือให้ความเพลิดเพลินกับหลาย ๆ คนได้ไม่มากก็น้อย
 โต๊ะเครื่องแป้งของแต่ละคนก็จะมีสไตล์ของตัวเอง

          - ปุ้ยมีปักหมุดเก็บไอเดียโต๊ะเครื่องแป้งสวย ๆ ไว้ที่ Pinterest ด้วย เผื่อใครอยากได้ไอเดียดี ๆ ตามไปดูกันได้นะคะ