x close

คืนความสดใสให้กับบ้านด้วยวิธีง่าย ๆ

คืนความสดใสให้กับบ้านด้วยวิธีง่าย ๆ

คืนความสดใสให้กับบ้านด้วยวิธีง่าย ๆ
เรื่อง ปาณิสรา จากนิตยสาร Home&Style ธนาคารกรุงเทพ

          บ้านหลังงามที่ผ่านการใช้งานมานานปี อะไรที่เคยใหม่ก็ไม่ใหม่เสียแล้ว คราบสกปรกพอกพูนขึ้น สีผนังซีดจางลง ยังไม่นับรวมข้าวของที่เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนปีที่ผ่านไป เราจึงอยากชวนคุณมาลงมือปรับเปลี่ยนบ้านหลังเดิม ให้กลับมาดูสดใส มีชีวิตชีวาไม่แพ้บ้านใหม่ด้วยวิธีง่าย ๆ และงบประมาณไม่บานปลายด้วยวิธีดังนี้

คืนความสดใสให้กับบ้านด้วยวิธีง่าย ๆ

 สำรวจและวางแผน

          แต่ละคนย่อมมีเหตุผลแตกต่างกันไปเมื่อถึงเวลาที่ต้องปรับโฉมบ้าน อาจเป็นเพราะบ้านที่คุณอยู่ปัจจุบันไม่สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปซึ่งอาจต้องอาศัยการปรับใหญ่ หรืออาจเป็นเพียงเพราะความเบื่อหน่าย ที่แค่การปรับเปลี่ยนเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้บ้านดูสดใสน่าอยู่ขึ้น แต่ไม่ว่าแรงจูงใจของคุณคืออะไร มีสิ่งที่คุณต้องให้เวลาพิจารณาก่อนลงมือ 3 ประการ

          1. สำรวจดูว่ามีสิ่งใดในบ้านบ้างที่จำเป็นต้องทำจริง ๆ โดยพิจารณาตั้งแต่หลังคาลงมา อาทิ เปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาบางแผ่นที่แตก ทำรางน้ำใหม่ เปลี่ยนสายไฟที่ใช้มานานปี เปลี่ยนกระเบื้องห้องน้ำให้เป็นแบบไม่ลื่น ติดหลอดไฟหน้าบ้านเพิ่ม เป็นต้นสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เนื่องจากจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ในบ้านของคุณโดยตรง

          2. พิจารณาสิ่งที่คุณอยากให้เป็น เช่น คุณอยากทาสีใหม่ทั้งภายนอกภายในและตัดขอบเป็นสีขาวเพื่อให้บ้านดูอ่อนโยนมากขึ้น หรือคุณอยากเปลี่ยนหน้าต่างเดิมให้เป็นแบบวินเซอร์ บ้านรกเหลือเกินจนคุณอยากได้ที่เก็บของเพิ่ม เป็นต้น อย่าลืมว่านี่คือสิ่งที่คุณต้องการ แต่ไม่ใช่เรื่องจำเป็น นั่นคือ มีก็ดีหรือไม่มีก็ได้

          3. เรื่องของความใฝ่ฝัน สิ่งที่คุณรอด้วยความหวังว่าสักวันต้องมี แม้จะไม่ใช่เรื่องจำเป็น หรือเป็นสิ่งที่อยากให้มีตามสถานการณ์ แต่จะไม่พิจารณาเลยก็ไม่ได้ เพราะนี่คือความสุขทางใจของคุณ เป็นเสมือนรางวัลของชีวิตนั่นเอง เช่น คุณอาจจะอยากมีอ่างจากุซซี่ หรืออยากมีชิงช้าสวย ๆ สักตัวในสวนเพื่อจะได้เอกเขนกอ่านหนังสือใต้ร่มไม้ในวันหยุด เป็นต้น

          การพิจารณาดังกล่าวจะช่วยให้คุณกำหนดขอบข่ายของโครงการคร่าว ๆ และประเมินงบประมาณได้ว่าต้องใช้มากน้อยเพียงใด คุณจ่ายได้เท่าไร และมีเรื่องใดบ้างที่ควรจะต้องรอไปก่อน ในการวางแผนนี้คุณจะทราบได้เลยว่ามีอะไรที่คุณทำได้เองบ้าง และอะไรที่คุณต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากในการคำนวณค่าใช้จ่าย
 
คืนความสดใสให้กับบ้านด้วยวิธีง่าย ๆ

จัดการกับความรกรุงรังที่มองเห็น

          ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจปรับเปลี่ยนอย่างไร สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ คุณต้องจัดการกับข้าวของที่ดูรกหูรกตาให้เหลือน้อยที่สุด เมื่อบ้านเป็นที่อยู่อาศัย ก็ย่อมจะต้องปรากฏร่องรอยของการใช้ชีวิตให้เห็นเป็นธรรมดา จะให้สวยเนี้ยบเหมือนบ้านตัวอย่างคงเป็นเรื่องยาก ไหนจะนิตยสารที่คุณซื้อทุกเดือน บรรดาหนังสือสะสมที่เพิ่มพูน ดีวีดีหนังเรื่องโปรด ซีดีเพลง ของที่ระลึกจากการเดินทางจักรยานคันเก่า และอื่น ๆ อีกมากมาย ข้าวของเหล่านี้ ทำให้บ้านคุณดูระเกะระกะได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณมีที่เก็บไม่เพียงพอ ซึ่งคุณมีทางเลือกคือ ตัดใจ ไม่ว่าจะเป็นการยกให้คนอื่น ขาย หรือบริจาคหรือไม่ก็หาที่เก็บเพิ่ม

          เรื่องของความรกนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะภายในตัวบ้านเท่านั้นบริเวณรอบบ้าน ไม่ว่าจะเป็นในสวนหรือโรงรถก็เช่นกัน บางครั้ง เพียงแค่ถอนต้นไม้แห้งเหี่ยวทิ้ง ตัดกิ่ง เล็มก้าน โละกระถางต้นไม้ว่าง ๆ หรือเก็บเศษใบไม้ที่รกตาออกให้หมด คุณก็อาจจะได้ความโปร่งโล่งตาและบ้านในมุมมองใหม่ที่คุณอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน

เพิ่มที่เก็บของ

          แน่นอนว่าเมื่อคุณเก็บข้าวของออกแล้วบางส่วน คุณจะมีที่เก็บของเพิ่มแต่เมื่อเวลาผ่านไปข้าวของก็อาจจะพอกพูนขึ้นอีก แบบนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องวางแผนเพิ่มที่เก็บของเสียที ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งชั้นลอยตู้แขวน หรือตู้ลิ้นชักเพิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องครัวซึ่งมักจะมีเครื่องครัว ถ้วยชาม อาหารแห้ง ฯลฯ ซึ่งต้องมีการจัดระเบียบและที่เก็บที่คุณจะสามารถหยิบสิ่งของต่าง ๆ มาใช้ได้ง่าย ๆ เมื่อต้องการ
 
คืนความสดใสให้กับบ้านด้วยวิธีง่าย ๆ

ทาสีใหม่

          การทาสีใหม่ทั้งภายในภายนอกช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะสีใหม่ ทำให้บ้านดูใหม่ สะอาด และสว่างขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ไม่เปลืองงบประมาณเท่าไรนัก เลือกโทนสีให้ตรงใจโดยพิจารณาข้าวของและโทนสีอื่น ๆ ในห้องประกอบกัน การใช้สีที่เหมาะสมไม่เพียงทำให้ห้องมีบรรยากาศเปลี่ยนไป คุณยังอาจอาศัยประโยชน์จากอิทธิพลของสีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์บางประการอีกด้วย อาทิ ใช้สีสว่างสดใส เช่น สีเหลืองในห้องครัวซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหว ก็จะช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับห้องมากขึ้น หรือใช้โทนสีที่อ่อนโยนสงบ อย่างสีม่วงอ่อน สีฟ้าครามในห้องนอนก็จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย หลับได้ง่ายขึ้น

เปลี่ยนพื้น

          หากคุณอยากให้บ้านสวยขึ้น นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่ผนังซึ่งเป็นเหมือน“กรอบ” ของห้องแล้ว การเปลี่ยนพื้นก็ทำให้บริเวณนั้น ๆ ดูแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด จากพื้นกระเบื้อง ลองเปลี่ยนเป็นพื้นไม้ปาร์เก้ต์ หรือไม้ลามิเนตที่มีให้เลือกหลายเฉดหลายโทน แต่สิ่งสำคัญก็คือ ถ้าห้องของคุณมีสีต่างกัน ควรใช้พื้นบ้านเป็นแบบเดียวกันเพื่อความต่อเนื่องกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ยกเว้นไว้แต่ห้องครัวและห้องน้ำที่ควรเป็นพื้นที่ทนทาน ทนน้ำ และป้องกันการลื่นสักหน่อย

ควบคุมแสงภายใน

          แต่เดิมบ้านแบบไทย ๆ ของเรามักจะมีหน้าต่างรายรอบ เปิดให้แสงและลมผ่านได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องความมืดทึม แต่ปัจจุบันเราใช้เครื่องปรับอากาศกันมากขึ้น และจำเป็นต้องปิดบ้านมิดชิดเพื่อไม่ให้ความร้อนเข้ามาภายในจนทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไปปัจจัยข้อนี้ส่งผลให้บ้านยุคต่อมามีลักษณะคล้ายตู้เย็น กล่าวคือมีช่องเปิดน้อยลง หนาแน่นไปด้วยฉนวนกันความร้อน และอาศัยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเป็นส่วนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่บ้านจะค่อนข้างมืด ดังนั้นวิธีการหนึ่งในการปรับปรุงบ้านให้ดูสดใสขึ้นก็คือการเพิ่มแสงสว่างให้กับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟ หรือแสงจากธรรมชาติบ้านแบบเดิมมักจะมีการทำหลังคา หรือผ้าใบคลุมหน้าต่างไว้ช่วยกันแดดกันฝนก็จริง แต่ก็ทำให้บ้านมืดลงด้วย ลองเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาให้เป็นแบบโปร่งแสงสัก 3-4 แผ่น หรือเลือกใช้อิฐแก้วมาเสริมกำแพงบางส่วนเพื่อให้แสงเข้าบ้านได้บ้าง

          ส่วนบ้านสมัยใหม่มักไม่มีปัญหาเรื่องความมืด แต่จะมีปัญหาว่าสว่างจ้าเกินไปซึ่งเกิดจากการใช้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ ฉะนั้นควรติดตั้งม่านหรือมู่ลี่เพื่อควบคุมแสงให้เข้ามาภายในบ้านในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือความสมดุล แสงจ้าเกินไปคนในบ้านก็อยู่ไม่สบาย แต่ถ้ามืดเกินไป บรรยากาศในบ้านก็จะดูทึมไม่สดใสอย่างที่คุณต้องการ อีกทางเลือกหนึ่ง คือการใช้หลอดไฟให้ความสว่างเพิ่มในกรณีที่คุณไม่สามารถทำอะไรอื่นได้อีก โดยอาจจะเป็นในรูปของโคมไฟเฉพาะจุด หรือไฟซ่อนที่จะให้แสงแบบนวลตา ปัจจุบันมีหลอดไฟให้เลือกหลายแบบ หลายดีไซน์ที่ให้แสงแตกต่างกันไป เลือกแบบชนิดประหยัดไฟมาใช้ คุณก็จะได้ประโยชน์ถึงสองต่อ

คืนความสดใสให้กับบ้านด้วยวิธีง่าย ๆ

ทำความสะอาด

          การทำความสะอาดบ้านที่เราทำกันเป็นกิจวัตรตามปกติ อาจไม่เพียงพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก แต่ก็ช่วยให้บ้านสดใสได้ในระดับหนึ่งวิธีขจัดคราบฝังแน่นโดยเฉพาะในห้องน้ำและห้องครัวนั้น นอกจากน้ำยาทำความสะอาดที่มีให้เลือกมากมายแล้ว ลองผสมน้ำส้มสายชูประมาณหนึ่งถ้วยเข้ากับแอลกอฮอล์แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ เพื่อใช้เช็ดทำความสะอาดกระจก และผนังกระเบื้อง หรือกำจัด "วงแหวน" ที่ฝังแน่นบริเวณคอห่านโดยเทน้ำส้มสายชูลงในโถชักโครก ทิ้งไว้สักครู่แล้วทำความสะอาดตามปกติ

          สำหรับในครัว บริเวณที่คุณใช้ทำอาหารมักจะมีคราบน้ำมันสะสมอยู่ ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำยาล้างจานขจัดคราบไขมันที่ฝังออกสำรวจท่อที่อ่างล้างจานว่าน้ำยังไหลลงได้ดีอยู่หรือไม่ ใช้น้ำร้อนผสมกับน้ำส้มสายชูเทลงไปในท่อเพื่อกำจัดคราบมันที่เกาะอยู่ภายในท่อน้ำทิ้งทั้งนี้ การทำความสะอาดภายในบ้าน ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง ซึ่งไม่เพียงไม่ดีต่อพื้นผิว แต่ยังอาจมีสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตรายต่อคุณและคนในครอบครัวอีกด้วย

          การคืนชีวิตชีวาให้บ้าน นอกจากจะเป็นการปรับปรุงบ้านให้ตอบสนองต่อวิถีชีวิตในปัจจุบันของคุณแล้ว ยังเป็นการรักษาสภาพที่อยู่อาศัยให้อยู่ในสภาพดี ไม่สร้างปัญหาน่าปวดหัวอันเนื่องมาจากความเสื่อมตามอายุการใช้งาน อ่านจบแล้วลองมองไปรอบ ๆ บ้านดูนะคะว่าถึงเวลาต้องปรับโฉมบ้านใหม่กันหรือยัง



 

ขอขอบคุณข้อมูล






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คืนความสดใสให้กับบ้านด้วยวิธีง่าย ๆ อัปเดตล่าสุด 20 กรกฎาคม 2555 เวลา 18:23:01 1,129 อ่าน
TOP