x close

เทคนิคกำจัดสารพัดคราบในบ้านให้อยู่หมัด



            คราบสกปรกที่เกาะติดอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ในบ้านไม่ว่าจะเป็นผนัง พื้นพรม หรือโซฟา ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาหนักใจของแม่บ้าน เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้บ้านดูสกปรกไม่น่าอยู่อาศัย ดังนั้นเรามาเรียนรู้วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดคราบ รวมไปถึงวิธีการขจัดคราบกันเลยดีกว่าค่ะ

พื้นพรม

            ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพื้นพรมทำให้บ้านดูหรูหราขึ้น แต่ข้อเสียของมันก็คือ ดูแลและทำความสะอาดค่อนข้างยากเลยทีเดียว ทำให้เราต้องเปลี่ยนพรมกันทุก 3 ถึง 5 ปี แทนที่จะใช้ได้ยาวถึง 10-20 ปี ตามอายุการใช้งานจริง ยิ่งถ้าเป็นพรมขนสัตว์แท้ที่มีการตัดเย็บอย่างประณีตและละเอียดด้วยแล้ว ยิ่งทำความสะอาดยากเป็นทวีคูณ ทางที่ดีแนะนำให้เลือกใช้พรมขนเทียมที่เคลือบน้ำยาป้องกันคราบไว้ก่อนจะดีกว่า จะได้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นค่ะ

             การป้องกันคราบเปื้อน

            หากคุณมั่นใจว่าตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นพรม จะไม่ทำอะไรหกใส่พรมให้เปื้อนเลยแม้แต่นิดเดียว พรมสีขาวคงไม่เป็นปัญหาเท่าไร แต่ถ้าไม่ ก็ควรเลี่ยงไปใช้พรมสีอื่นที่เห็นคราบได้ยากอย่างพรมสีน้ำตาล แทนพรมสีขาว และไม่ควรเลือกพรมสีดำ เพราะพรมสีดำจะยิ่งทำให้เห็นคราบสกปรกและฝุ่นได้ชัดขึ้น นอกจากนี้ควรดูแลพรมให้สะอาดอยู่เสมอ แต่ไม่ควรซักพรมบ่อย เพราะจะทำให้น้ำยาที่เคลือบอยู่บนพรมหลุดหายไปจนหมด แค่ดูดฝุ่นทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ

             การกำจัดคราบเปื้อน

            ทันทีที่เกิดคราบเปื้อนขึ้น สิ่งที่ต้องทำให้เร็วที่สุดคือกำจัดคราบด้วยน้ำสะอาด และใช้ผ้าสะอาดซับน้ำให้แห้งที่สุด ก่อนที่คราบน้ำ และคราบสกปรกจะซึมลึกบนพรม แต่หากเป็นคราบสกปรกอย่าง ปัสสาวะเด็ก อาเจียน หรือเลือด ซึ่งมักจะฝังแน่นอยู่บนพรม ให้ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำอุ่นเข้าด้วยกัน แล้วนำมาเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วบริเวณคราบเปื้อน เสร็จแล้วล้างอีกทีด้วยน้ำเปล่าผสมน้ำส้มสายชู หรือถ้ามีน้ำยาทำความสะอาดคราบโดยเฉพาะ ก็สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดได้ด้วยเช่นกัน แต่อย่าลืมทดสอบน้ำยากับด้านหลังของพรมทุกครั้งด้วย เพราะหากน้ำยารุนแรงเกินไปจะได้ไหวตัวทันก่อนพรมจะเสียหาย




ผนังห้อง

            สีทาบ้านทั่วไปจะเป็นระบบลาเท็กซ์ ซึ่งเป็นฟิล์มสีอ่อนและมีความมันวาว ทำให้ไม่ค่อยเกิดคราบสกปรกแถมทำความสะอาดได้ง่าย แต่หากทาผนังด้วยสีด้าน ข้อดีก็คือไม่สะท้อนแสงและให้ความสวยงามแบบใหม่ ๆ แต่ข้อเสียคือจะดักจับฝุ่นและคราบสกปรกบนผนังได้มากกว่า เพราะฉะนั้นก็ควรเลือกสีระบบลาเท็กซ์ทาผนังบ้านมากกว่านะคะ

             วิธีป้องกันคราบเปื้อน

            ทั้งนี้คงดีกว่าหากเราเลือกสีผนังที่ไม่สว่างมากนัก อย่างสีเบจแทนที่จะเป็นสีขาว เพื่อเป็นการอำพรางรอยเปื้อนได้ในระดับหนึ่ง แต่หากอยากทาด้วยสีอ่อนอย่างสีขาวจริง ๆ ก็ควรจะทาสีรองพื้นก่อน แล้วค่อยทาสีระบบลาเท็กซ์ทับอีกรอบ วิธีนี้ก็จะสามารถป้องกันรอยมือ และคราบเปื้อนต่าง ๆ ไม่ให้ติดทนนานอยู่บนผนังได้

             วิธีขจัดคราบเปื้อน

            จุดอันตรายอย่างบริเวณหลังเตาในครัว มักจะเกิดรอยเปื้อนจากคราบน้ำมันอยู่บ่อยครั้ง และคงไม่ดีแน่ ๆ หากไม่รีบทำความสะอาดคราบเปื้อนทันที และปล่อยให้คราบฝังแน่นอยู่อย่างนั้น ควรรีบใช้น้ำสะอาดราดลงไปก่อน แล้วเช็ดอีกทีด้วยน้ำยาล้างจานผสมน้ำ แต่หากไม่มั่นใจว่าจะแรงไปจนทำให้สีผนังลอกหรือเปล่า ก็ทดสอบบริเวณจุดอับของผนังก่อนก็ได้ค่ะ แต่หากน้ำยาล้างจานใช้ไม่ได้ผล ให้ลองใช้เบกกิ้งโซดา ขัดด้วยฟองน้ำที่ไม่ใช้แล้ว ต่อด้วยผสมน้ำกับแอมโมเนียอย่างละครึ่ง แล้วเช็ดทำความสะอาดซ้ำอีกครั้ง

            หรือในกรณีที่ไม่สามารถกำจัดคราบเปื้อนได้หมด และจะกำจัดคราบเปื้อนด้วยการทาสีใหม่ ก็ให้ทาใหม่หมดทั้งผนัง โดยเฉพาะบริเวณคราบเปื้อน ถ้าเป็นรอยเปื้อนจากคราบน้ำมัน ก็ให้เลือกสีรองพื้นชนิดออยเบสท์ทาลงไปก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้คราบเปื้อนที่อาจจะปรากฏอยู่แม้จะทาสีใหม่ทับไปแล้ว หรือจะใช้วิธีแขวนกรอบรูปปกปิดรอยเปื้อนไว้ก็สะดวกและง่ายดีค่ะ




โซฟา

            เฟอร์นิเจอร์ในบ้านส่วนใหญ่ อย่างพวกโซฟา เก้าอี้ มักจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ประเภทเบาะ ซึ่งถ้าหากเผลอทำน้ำหวานหกใส่ หรือกินอาหารหกเลอะเทอะลงไปคงต้องวุ่นวายทำความสะอาดน่าดู เพราะวัสดุประเภทเบาะอย่างนี้ จะดูดซับน้ำและคราบสกปรกได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากเกิดคราบสกปรกขึ้น ไม่ควรจะราดทำความสะอาดด้วยน้ำ เหมือนวัสดุประเภทอื่น เพราะจะทำให้น้ำขังอยู่ในเบาะ เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นอับและเชื้อราได้ในภายหลัง

             ป้องกันคราบเปื้อน

            การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ ฉะนั้นก็ควรจะหาซื้อผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ ที่ถอดซักทำความสะอาดได้  มาหุ้มโซฟา เก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์ประเภทเบาะไว้ก่อน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดคราบเปื้อนกับเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีให้เลือกซื้อหลายแบบ ราคาประมาณ 500 - 2,000 บาท

            เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกนิดที่อยากบอกต่อก็คือ ควรใช้เบาะด้านใดด้านหนึ่งก่อน เพื่อเป็นการยืดเวลาในการใช้งานให้เฟอร์นิเจอร์ เมื่อใช้ไปได้ระยะหนึ่งจนเก่า จะได้กลับด้านมาใช้อีกด้านที่ยังไม่เคยใช้ยังไงล่ะจ๊ะ

             วิธีขจัดคราบเปื้อน

            ในกรณีที่ถอดผ้าคลุมโซฟาซักไม่ได้ ในช่วงระยะแรก ๆ ที่เกิดคราบเปื้อน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดจนหมาด น้ำมาเช็ดทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน เสร็จแล้วซับด้วยผ้าแห้งอีกครั้ง แต่อย่าราดน้ำลงไปบนเบาะเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับและเชื้อราขึ้นได้ แต่ถ้าใช้ไม่ได้ผลจนอยากเปลี่ยนเบาะใหม่ ให้นำเบาะไปบุผ้าใหม่ได้ที่ร้านรับหุ้มเบาะ ซึ่งจะมีผ้าและวัสดุอย่างอื่นสำหรับหุ้มเบาะให้คุณเลือกอีกเปลี่ยน

            ลองนำวิธีและเทคนิคที่เรานำเสนอมานี้ไปใช้ดูแลบ้านกันนะคะ เพื่อให้บ้านสะอาดน่าอยู่ตลอดไป และทุกคนในบ้านจะได้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีกันถ้วนหน้าค่ะ








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เทคนิคกำจัดสารพัดคราบในบ้านให้อยู่หมัด อัปเดตล่าสุด 19 เมษายน 2556 เวลา 17:03:07 6,134 อ่าน
TOP