ถ้าไม่อยากจำใจทิ้งอาหารที่เพิ่งซื้อมา แนะนำว่าไม่ควรนำไปแช่ในตู้เย็นเด็ดขาด หรือหากมีอาหารเหล่านี้แช่อยู่ในตู้เย็นที่บ้าน รีบนำออกมาให้ไวเลย
บรรดาแม่บ้าน-พ่อบ้านอาจจะเคยชินกับการเก็บวัตถุดิบอาหารเหล่านี้เอาไว้ในตู้เย็น เพราะคิดว่าตู้เย็นจะช่วยถนอมอาหารให้เก็บไว้กินได้นานขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก เนื่องจากอาหารบางชนิดวางไว้ในอุณหภูมิห้องก็พอแล้ว อีกทั้งการนำไปแช่ตู้เย็นอาจจะทำให้อาหารเน่าเสียและมีรสชาติผิดเพี้ยนไปจากเดิมเลยล่ะ
1. มะเขือเทศ
หากนำผลมะเขือเทศสด ๆ ไปแช่ไว้ในตู้เย็นเป็นเวลานาน ผิวที่เคยเต่งตึงก็จะเหี่ยวและช้ำ อีกทั้งรสชาติก็จะไม่อร่อยเหมือนเดิม วิธีการเก็บมะเขือเทศที่ดีที่สุดคือ ใส่ไว้ในตะกร้าหรือกล่องพลาสติก แล้ววางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ แต่ถ้าอยากให้มะเขือเทศสุกเร็วขึ้น แนะนำให้ห่อไว้ในถุงกระถางอีก 1 ชั้น
2. กระเทียม
กระเทียมเป็นอาหารที่ไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเด็ดขาด เพราะกระเทียมมีความชื้นสูง และอาจมีต้นอ่อนงอกออกมา แม้จะไม่เป็นอันตรายกับสุขภาพ แต่การเก็บกระเทียมไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิห้องและไม่โดนแสงแดดจะทำให้เก็บไว้กินได้นานขึ้น
3. หัวหอมใหญ่
เป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่มีความชื้นสูง หากเก็บไว้ในตู้เย็นจะทำให้เกิดราง่าย อีกทั้งยังทำลายเนื้อสัมผัสเดิม แนะนำให้เก็บไว้ในถุงกระดาษเจาะรูหรือถุงตาข่าย วางไว้ในที่แห้งหรืออุณหภูมิห้องจะดีที่สุด
4. มันฝรั่ง
ถ้าเผลอนำมันฝรั่งเข้าไปแช่เอาไว้ในตู้เย็น จากรสชาติที่มัน ๆ นุ่ม ๆ ก็จะกลายเป็นรสเฝื่อน ๆ เหมือนแป้ง และเนื้อสัมผัสจะหยาบคล้ายเนื้อทราย ฉะนั้นเราควรจะเก็บมันฝรั่งไว้ในถุงกระดาษ แล้ววางไว้ในห้องครัว โดยเลี่ยงจุดที่มีแสงแดด เนื่องจากแสงจะทำให้มีคลอโรฟิลล์เพิ่มขึ้นและมีรสชาติขม นอกจากนี้ห้ามใส่ไว้ในถุงพลาสติก เพราะจะทำให้เกิดความชื้นและเชื้อราตามมาได้
5. อะโวคาโด
ถ้าอะโวคาโดที่ซื้อมายังดิบและแข็งอยู่ ไม่ควรนำไปแช่ในตู้เย็นเด็ดขาด เพราะอะโวคาโดจะไม่ยอมสุกง่าย ๆ ดังนั้นจึงควรเก็บเอาไว้นอกตู้เย็น จะวางไว้ที่เคาน์เตอร์ครัวหรือที่ไหนก็ได้ที่เป็นอุณหภูมิห้องก็พอ
6. โหระพา
เหตุที่ไม่ควรแช่โหระพาในตู้เย็น เพราะว่าจะทำให้ใบโหระพาดำ ช้ำ และร่วงง่าย วิธีเก็บรักษาก็คือ แช่ก้านโหระพาในน้ำ และเปลี่ยนน้ำทุก ๆ 1-2 วัน ก็จะช่วยรักษาความสดใหม่ของผักได้ดีกว่า
7. แตงโม
หลายคนคิดว่าการแช่แตงโมไว้ในตู้เย็นจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินมากขึ้น อาจะไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป หากเป็นแตงโมทั้งลูกที่ยังไม่ได้ถูกผ่า วางไว้ในอุณหภูมิห้องจะช่วยรักษาสารแอนติออกซิแดนต์ได้ดีกว่า แต่หากเป็นแตงโมที่ถูกผ่าเป็นชิ้นแล้ว เก็บไว้ในตู้เย็นได้ไม่มีปัญหาค่ะ
8. ส้ม
ทั้งส้มและเลมอนต่างก็เป็นพืชในตระกูลเดียวกัน และก็ต้องไม่เก็บไว้ในตู้เย็นเช่นเดียวกัน ทางที่ดีควรเก็บไว้นอกตู้เย็น วางไว้ในที่ที่เย็นและไม่มีแสงส่องถึง อุณหภูมิห้องจะดีต่อพืชผลเหล่านี้มากที่สุด
9. แอปเปิล
เรียกได้ว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพและความสวยความงามตัวแม่เลยค่ะ ฉะนั้นถ้าเราตั้งใจจะกินแอปเปิลให้หมดภายใน 2 สัปดาห์ ก็ให้วางไว้นอกตู้เย็น หรือจะวางตามเคาน์เตอร์ครัวก็ได้ไม่ว่ากัน
10. ผลไม้อบแห้ง
การเก็บผลไม้อบแห้งไว้ในตู้เย็นจะช่วยตัดปัญหาเรื่องมดไปได้ก็จริง แต่เมื่อเรานำผลไม้อบแห้งออกมากินก็จะพบว่ามันแข็งซะจนกินแทบไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ ดังนั้นควรหากล่องหรือถุงซิปล็อกมาใส่แล้ววางไว้ด้านนอกแทน ไม่ว่ามดแมลงหน้าไหนก็มายุ่งกับผลไม้อบแห้งของเราไม่ได้แล้ว
11. กาแฟ
ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยกำจัดกลิ่น เราจึงไม่ควรเก็บกาแฟเอาไว้ในตู้เย็นโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นมันจะดูดกลิ่นอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในตู้เย็นเข้าไป ทำให้กาแฟมีกลิ่นและรสชาติของกาแฟก็จะผิดเพี้ยนตามไปด้วย แนะนำให้เก็บไว้ในขวดโหลที่มีฝาปิดสนิท และวางไว้ในที่ที่ไม่มีแสงส่องถึงก็พอแล้ว
12. น้ำผึ้ง
หลายคนคิดว่าควรเก็บน้ำผึ้งไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษารสชาติและป้องกันมดแมลง ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่จะทำให้น้ำแข็งตัวและตกผลึก เอาเป็นว่าเลือกเก็บในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด วางไว้ในอุณหภูมิห้อง
13. น้ำมัน
อาหารที่ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น แค่วางไว้ในที่อุณหภูมิปกติก็พอ อีกทั้งการเอาน้ำมันไปแช่จะทำให้น้ำมันจับตัวเป็นไข ทำให้ปรุงอาหารลำบาก
14. ขนมปัง
อาหารอีกหนึ่งชนิดที่ไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น หากนำไปเก็บไว้ในที่อุณหภูมิต่ำ จะทำให้เนื้อขนมปังแข็ง กระด้าง ไม่น่ากิน แต่หากต้องการเก็บไว้กินนาน ๆ ควรใส่ถุงซิปล็อกและแช่ไว้ในช่องแช่แข็ง จะกินเมื่อไรก็ค่อยหยิบออกมาแล้ววางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องสักพัก
15. เครื่องเทศ
รสชาติเครื่องเทศคือสิ่งที่เราต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เพราะถ้าหากนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น ความชื้นจะทำให้สูญเสียรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวไป ฉะนั้นให้เก็บเครื่องเทศไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่มีฝาปิด แล้ววางไว้ในที่ที่เย็นและแห้ง
16. เนยถั่ว
เนยถั่วขวดไหนที่ถูกเปิดฝาแล้วอย่านำไปแช่ไว้ในตู้เย็นเด็ดขาด ให้วางด้านนอกที่มีอุณหภูมิห้องก็พอค่ะ เมื่อครบ 3 เดือนให้นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อยืดอายุให้นานขึ้น แต่ถ้าเป็นเนยถั่วที่ทำเองและต้องการกินให้หมดภายใน 1 เดือน แนะนำให้เก็บไว้นอกตู้เย็นเช่นเดียวกัน รสชาติก็จะยังคงเหมือนเดิม
แม้ว่าตู้เย็นจะช่วยรักษาสภาพอาหาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาอาหารทุกชนิดไปเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นได้ อีกทั้งอาจทำให้อาหารบางอย่างเสียเร็วขึ้น ฉะนั้นหากรู้แล้วว่าอาหารชนิดไหนที่ไม่ควรนำเข้าตู้เย็นก็อย่าลืมไปหยิบออกมานะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก สํานักข่าวไทย, mirror, Reader\'s Digest และ Boldsky
