ธอส.ออกโปรดอกเบี้ยต่ำ ปล่อยกู้บ้านไม่ต้องใช้สลิป

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ธนาคารอาคารสงเคราะห์เล็งปล่อยโปรใหม่รองรับ หลังปิดฉากโครงการกู้ซื้อบ้านหลังแรก 0% นาน 3 ปี โดยคาดโปรใหม่จะเป็นโปรดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ พร้อมข้อเสนอสินเชื่อกู้บ้านไม่มีสลิป

          นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ถ้าหากรัฐบาลไม่มีการต่อเวลาโครงการบ้านหลังแรกออกไป ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ก็จะมีการต่อยอดโครงการใหม่ออกมา คือโครงการกู้บ้านไม่มีสลิป ซึ่งในช่วง 2 ปีแรกจะมีการผ่อนปรน คิดดอกเบี้ย MLR-0.50% ถึง -1% ในช่วง 2 ปีแรก จากนั้นจึงกลับมาใช้ดอกเบี้ยในอัตราปกติในปีถัดไป

          ซึ่งทางธอส.เองยอมรับว่า การปล่อยกู้แบบไม่ใช้สลิปเงินเดือนนั้นมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ โดยเฉพาะ NPL ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะการปล่อยกู้ไม่มีสลิปเงินเดือนนี้ เป็นการเปิดกว้างให้ผู้ขอสินเชื่อทุกอาชีพมีโอกาสขอได้ เพียงแค่มีบัญชีเงินฝากหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 3-6 เดือน ซึ่งผู้ขอกู้นั้นส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอิสระและมีรายได้ที่ไม่แน่นอน ทางธนาคารเองก็ต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อด้วยเช่นกัน

          ทั้งนี้โครงการบ้านหลังแรกนั้นมีกำหนดหมดอายุวันที่ 30 กันยายน 2555 แม้จะยังไม่ถึงกำหนดแต่ทางธอส.ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับโครงการต่อไปแล้ว ซึ่งการให้สินเชื่อบ้านในโครงการไม่มีสลิปนี้อาจจะไม่ใช่วงเงิน 1 ล้านบาท แต่เป็นวงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนไม่เกินเท่าไหร่คงต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง

          ขณะที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า โครงการกู้บ้านไม่มีสลิปเงินเดือนนั้นกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะประกาศใช้ได้ภายในปลายไตรมาส 3 หรือไม่เกินต้นไตรมาส 4 เพื่อเตรียมไว้ทดแทนโครงการบ้านหลังแรกที่กำลังจะหมดอายุลง

          โดยจะมีการเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้โครงการดังกล่าวได้รับการผ่อนปรนให้คำนวณหนี้แบบ NPL หรือ หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ แต่ต้องยึดหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยในการชำระค่างวด ซึ่งโครงการดังกล่าวจะต้องแยกพอร์ตสินเชื่อออกจากโครงการต่าง ๆ ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพราะหากธอส.เกิดความเสี่ยงขึ้น รัฐก็จะเข้าไปดูแลช่วยเหลือได้บ้าง

          อย่างไรก็ตามความคืบหน้าในการปล่อยสินเชื่อโครงการบ้านหลังแรกของธนาคารอาคารสงเคราะห์นั้น มีการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 4,000 ล้านบาท ซึ่งยังต่ำกว่าวงเงินที่เตรียมไว้ 20,000 ล้านบาท


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก