ลองนึกดูเล่น ๆ เราจะรู้ว่า กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เราทำต่อเนื่องยาวนานก็จะมีอยู่ไม่กี่อย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือการนอนหลับ ที่ใช้เวลาอย่างน้อยก็ 5-8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ที่นอนเป็นส่วนสำคัญที่เราจะต้องดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ดังนั้นเพื่อให้เรานอนหลับพักผ่อนอย่างถูกหลักอนามัย ก็มาดูเคล็ดลับรักษาที่นอนให้หอมสะอาดอย่างยาวนานต่อไปนี้กันดีกว่าค่ะ
1. ตากแดดตากลมบ้างแสงแดด และลมแรง ๆ อาจไม่ดีกับตัวเราเท่าไรนัก แต่กับที่นอนต้องถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นพอสมควร เพราะว่าแสงแดดเป็นสารฆ่าเชื้อโรคชั้นดี ส่วนลมก็มีส่วนช่วยไล่กลิ่นอับ คืนความหอมสะอาดให้ที่นอนเราอีกทางหนึ่ง ดังนั้นวันว่าง ๆ ที่มีใครสักคนอยู่ด้วย ลองชวนกันยกที่นอนไปตากแดดตากลมสักหน่อยก็ดีค่ะ
2. อย่าเพิ่งคลุมผ้าคลุมเตียงหากคุณไม่ค่อยมีเวลา และไม่สะดวกจะยกที่นอนออกไปผึ่งลมรับแดด หลังจากตื่นนอน ควรปล่อยที่นอนรกตาอย่างนั้นไปก่อน เพื่อให้ลมที่พัดวนอยู่ในห้องช่วยลดความชื้น ดูดกลิ่นเหงื่อ หรือระบายกลิ่นอับสัก 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ หลังจากนั้นค่อยคลุมผ้าคลุมเตียงก็ยังไม่สาย
3. โรยเบกกิ้งโซดาดูดกลิ่นอับกลิ่นอับบนที่นอนเป็นเรื่องที่หลายคนคุ้นชิน แต่ถ้าอยากหลุดพ้นจากวงจรกลิ่นอับบนที่นอนอย่างถาวร แนะนำให้ถอดผ้าปูเตียง และผ้าคลุมเตียงออก จากนั้นจัดการโรยเบกกิ้งโซดาลงบนที่นอนให้ทั่ว และหากอยากได้กลิ่นหอมแบบที่ชอบ ก็พรมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณโปรดปรานลงไปสักหน่อยก็ได้ จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้สัก 2-3 นาที พอให้เบกกิ้งโซดาดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนที่นอนออกมาก่อน แล้วค่อยใช้เครื่องดูดฝุ่นจัดการผงเบกกิ้งโซดาออกจากที่นอนให้หมด
4. ฉีดพรมน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยผ่อนคลายสำหรับคนที่ต้องการกลิ่นหอมกรุ่น ๆ ช่วยให้นอนหลับสบายมากขึ้น ลองเลือกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ผสมน้ำสะอาด แล้วกรอกใส่กระบอกสเปรย์ จากนั้นก็ฉีดพรมลงบนที่นอนให้ทั่ว แล้วรอให้ที่นอนแห้งสนิทก่อนค่อยปูผ้าปูที่นอน
5. เติมความหอมชนิดแผ่นนอกจากการฉีดพรมน้ำมันหอมระเหยลงบนที่นอนแล้ว สำหรับคนที่มีแผ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่ในบ้าน ก็สามารถนำแผ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มสัก 3-4 แผ่น มาวางบนที่นอนก่อนจะปูที่นอนก่อนก็ได้ แล้วลองสังเกตดูว่ากลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มช่วยใหเคุณนอนหลับสบายมากขึ้นหรือเปล่า เพราะบางกรณีกลิ่นแผ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอาจจะแรงไป ทำให้คุณรู้สึกปวดหัวได้เช่นกัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็ลองเปลี่ยนกลิ่นแผ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มก็ได้ค่ะ
6. กลับด้านที่นอนวิธีหมุนและกลับด้านที่นอนไม่เพียงแต่ช่วยลดกลิ่นอับในที่นอนได้เท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาสภาพของที่นอนให้ใหม่อยู่เสมอด้วย ดังนั้นเราจึงควรกลับด้านที่นอนทุก ๆ 6-8 สัปดาห์ โดยเริ่มจากหมุนที่นอนจากด้านหัวลงไปด้านล่าง แล้วพลิกกลับที่นอน จากนั้นก็หมุนที่นอนจากด้านหัว ลงไปด้านล่างอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเราพลิกกลับที่นอนครบทุกด้าน
7. ซักผ้าปูที่นอนด้วยน้ำร้อนผ้าปูที่นอนเป็นวัสดุที่ใกล้ชิดกับที่นอนมากที่สุด ซึ่งหากว่าผ้าปูไม่สะอาดเพียงพอ เชื้อโรคและแบคทีเรียก็มีโอกาสจะฝังตัวอยู่ในที่นอนเราได้ ฉะนั้นคงดีกว่าหากเราจะตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการซักผ้าปูที่นอนอย่างสะอาดล้ำลึกที่สุด โดยซักผ้าปูที่นอนด้วยน้ำร้อน และตากผ้าปูที่นอนกับแดดจ้า ๆ ให้แห้งสนิทด้วย
8. ทำความสะอาดคราบน้ำโดยทันทีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งกับคนที่ชอบนำเครื่องดื่ม หรืออาหารมากินบนที่นอน โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างน้ำหก หรือเศษอาหารหล่นเลอะเทอะย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย แต่วิธีเยียวยาที่ดีที่สุดก็คือ ต้องรีบทำความสะอาดคราบน้ำ และอาหารโดยทันที เริ่มแรกก็หาผ้าขนหนูหนา ๆ มาซับคราบน้ำออกให้ได้มากที่สุด แล้วให้คนที่มีน้ำหนักที่สุดในบ้าน ขึ้นไปเหยียบผ้าขนหนู เพื่อกดผ้าขนหนูให้ซับคราบน้ำที่ฝังอยู่ในฟูกได้มากขึ้น สักพักก็ค่อยโรยเบกกิ้งโซดาดูดความชื้นอีกรอบ แล้วปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน วันรุ่งขึ้นค่อยใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดให้หมดจด
9. เลือกใช้ผ้าคอตตอนปูที่นอนผ้าปูที่นอนเนื้อคอตตอนมีคุณสมบัติช่วยดูดซับเหงื่อ และน้ำมันธรรมชาติจากร่างกายของเรา ซึ่งก็เท่ากับว่าช่วยปกป้องเหงื่อ และน้ำมันธรรมชาติเหล่านี้ไม่ให้ซึมลงบนฟูกที่นอนได้ง่ายนัก รวมทั้งปกป้องที่นอนให้สะอาดอย่างยาวนานมากขึ้น แต่ทั้งนี้คุณเองก็ควรซักผ้าปูที่นอนอยู่เสมอด้วยนะคะ
เครื่องนอนทุกชิ้นเป็นของที่คลุกคลีกับเรามากที่สุด ฉะนั้นเราก็ควรใส่ใจความสะอาดของเครื่องนอนเหล่านี้ด้วย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของตัวเราเอง และเพื่อส่งเสริมให้เรานอนหลับได้อย่างสบายที่สุดด้วยจ้า
แบบบ้านสวย ตกแต่งบ้าน สินเชื่อบ้าน ฮวงจุ้ยบ้าน สวนสวยๆ คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
