สำหรับคนที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์มาแต่งบ้านหรือคอนโดอยู่ รับรองว่าต้องชอบไอเดียแน่ ๆ เพราะนอกจากคุณ PuY~isme สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จะมีรูปเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินสวย ๆ ที่บ้านของตัวเองมาให้ชมแล้ว ยังมาพร้อมกับขั้นตอนการทำเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินกับการตกแต่ง และรายละเอียดแบบเจาะลึกที่เห็นแล้วนำไปทำตามกันได้เลย โดยเฉพาะสาว ๆ นักช้อปขอบอกว่าพลาดไม่ได้เด็ดขาด แต่หากเห็นแล้วหลายคนอาจสงสัยว่าจ้างทำหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นขอบอกไว้ก่อนเลยว่า DIY เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินท์ที่จะได้ชมต่อไปนี้เจ้าของกระทู้เป็นคนลงมือทำเองทุกอย่างเลยล่ะจ้า
[CR] รีวิวของถูกและดี IKEA DIY Built-in ห้องทำงาน ห้องเก็บของ+แต่งตัว งบไม่เกิน 30,000 และตบท้ายด้วยมุม Beauty โถงทางเดิน โดย คุณ PuY~isme
สวัสดีค่ะชื่อ ปุ้ย นะคะ อันนี้เป็นกระทู้แรกที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องบ้าน (ปกติจะเขียนแต่เรื่องบิวตี้) ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาดหรือผิดกฎ ต้องขออภัยไว้ ณ ย่อหน้าแรกนี้เลย และหากมีคำแนะนำ ปุ้ยก็ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ บล็อกนี้เป็นความภาคภูมิใจในชีวิตมาก ๆ เลย เพราะเกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของปุ้ยเอง หลังจากที่บ้านไม่อนุมัติงบเฟอร์นิเจอร์จึงต้องเก็บเงินทำ DIY เองค่ะ ซึ่งเป็นทางเดียวที่พอจะทำฝันให้เป็นจริงได้มากที่สุด ส่วนทั้งหมดนี้เกิดจากไอเดียการออกแบบ วัดพื้นที่ เลือกซื้อของทุกชิ้นเอง จ่ายเอง (แต่ให้สามีช่วยติดตั้งให้)
ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ เริ่มจากพื้นที่ที่ใช้สอยบ่อย ๆ ก่อนค่ะ ซึ่งที่จะมารีวิวในบล็อกนี้มี 3 ส่วนคือ ห้องทำงาน (My Work Studio), ห้องเก็บของ (My StoreRoom) และมุมบิวตี้ตามทางเดินในบ้าน (My Beauty Station in Hallway) ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ 95% เลยซื้อจาก IKEA เป็นส่วนใหญ่ งบไม่เกิน 30,000 ต่อห้อง (ออกตัวไว้ก่อน ไม่ได้มีเอี่ยว และไม่ได้ค่าจ้างรีวิวซักบาทนะคะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าเชียร์เพราะมีเบื้องหลัง) ที่ชอบอิเกียเพราะว่าราคาไม่เว่อร์ ดีไซน์ดี คุณภาพโอเคกว่าแบรนด์อื่น ๆ (ในชิ้นที่ราคาเท่า ๆ กัน) แถมที่เว็บไซต์และแค็ตตาล็อกมีภาพไอเดียการใช้งานมาแชร์เยอะ เราเห็นแล้วเกิดไอเดียอยากทำบ้าง ซึ่งการเลือกสินค้าจากอิเกีย ปุ้ยก็จะเลือกของที่ประยุกต์ใช้งานได้ในราคาที่ไม่แพงเกินชิ้นละ 3-4 พันบาท (สินค้าอิเกียแพง ๆ เยอะ แต่ของถูกและดีก็มีไม่น้อย ต้องเดินนาน ๆ ดูให้ทั่ว ๆ ค่ะ) หลักการของปุ้ยคือพยายามจะ DIY จากของชิ้นถูก ๆ แต่เน้นใช้แรงมากหน่อย เพราะอยากได้ห้องสวย ๆ แต่งบไม่เยอะค่ะ
- ส่วนรูปปุ้ยเป็นคนถ่ายเอง ถ่ายมั่ว ๆ ไม่ได้มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพมากนัก บางรูปอาจจะเห็นว่าตู้เบี้ยว ๆ เอียง ๆ จริง ๆ ไม่ได้เบี้ยวนะคะคือ ยืมเลนส์พี่เขยมา แล้วเลนส์คล้าย ๆ จะเป็นเลนส์ Wide เลยทำให้รูปป่อง ๆ ตรงกลางค่ะ
มาพูดถึงอุปกรณ์ที่เราจะต้องใช้ก่อนค่ะ
1. อุปกรณ์การวัด ได้แก่ ตลับเมตร ไม้บรรทัดยาว ไม้วัดระดับ 2. ดินสอ 3. กระดาษ Post-it พับเป็นตัว L เอาไว้รองฝุ่นที่เจาะ 4. อุปกรณ์เจาะ ได้แก่ สกรูไฟฟ้า 5. อุปกรณ์ติดตั้ง ได้แก่ นอตและพุกเบอร์ 7- 8 (เตรียมไว้ทั้งหัวแบนและหัวกลม) ไขควง และค้อนยาง 6. บันไดวิธีการ
1. ค้นหาแรงบันดาลใจส่วนใหญ่แล้วปุ้ยก็หาจาก pinterest.com และก็ IKEA Catalogue ประกอบกัน 2. สำรวจสินค้าตามแหล่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ 3. วัดพื้นที่หน้างานที่จะติดตั้งจริง แล้วก็เช็กดูว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่เราเลือกนำไปวางได้พอดีไหม 4. ออกแบบโดยวาดรูปคร่าว ๆ ว่าอะไรจะวาง จะแขวนอะไรตรงไหน โดยวิเคระห์จากการใช้สอยในชีวิตจริงของเราค่ะ 5. ไปซื้อของก็เตรียมลิสต์ไป ถ้าเดินโชว์รูมควรเดินช้า ๆ เพราะว่าถ้าเราหยิบของไม่ครบตามลิสต์จะต้องย้อนกลับมาใหม่ ซึ่งมันไกลมากเลยค่ะ แล้วก็ถ้าเจอเฟอร์นิเจอร์ที่จะซื้อในโชว์รูม ให้ถ่ายรูปรหัสตำแหน่งในสต็อกด้วย เผื่อจะได้ไม่ต้องไปถามพนักงานว่าของชิ้นนี้อยู่ตรงไหนในโกดังค่ะ 6. เตรียมติดตั้ง วัดระดับที่จะติด โดยใช้ไม้วัดระดับช่วยเพื่อให้ตู้แขวนผนังไม่เอียง แล้วเอาดินสอขีดไว้ หรือถ้าต้องเจาะรูเอาดินสอจุดได้ ถ้ามีคนช่วยก็ให้เขาช่วยเอานอตจริง ๆ มาเสียบที่รู แล้วใช้ค้อนตอกลงไปให้เป็นรอยว่ารูที่จะเจาะคือ ตรงนี้นะ 7. ขั้นตอนการติดตั้งก็ดูตามคู่มือที่แนบมากับเฟอร์เจอร์ชิ้นนั้น ๆ ได้เลยค่ะ** ข้อแนะนำในเรื่องการซื้อสินค้าอิเกียสามารถให้เขามาส่งที่บ้านได้ค่ะ ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ก็ 590 บาท แต่หากไกลกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับเฟอร์นิเจอร์ราคาไม่สูงเว่อร์ก็ใช้ช่างช่วยประกอบให้ เขาจะคิดราคา 7% ของราคาสินค้า อย่างตู้บางชิ้นรายละเอียดเยอะปุ้ยซื้อมา 1,000 บาท ให้เค้าประกอบให้ เพิ่มอีก 70 บาท แบบนี้สามียิ้มเลยค่ะ (ให้ช่างประกอบให้เสียเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ดีกว่าต้องวานสามี ต้องรอดูอารมณ์วันไหนอารมณ์ดีที่ไม่เสี่ยงต่อการโดนบ่น บางทีรอเป็นเดือน)
- รูปข้างบนนี้เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งห้องทำงานค่ะ
- มาดูผลงานกันเลยค่ะ ในการรีวิวนี้ปุ้ยจะอธิบายวิธีคิดแล้วก็การใช้งบไปด้วยเลยนะคะ (แต่จะแจงเฉพาะส่วนของเฟอร์นิเจอร์และของที่ติดตั้งบนผนัง) เผื่อใครจะลองจดไปใช้กันค่ะ
- ห้องแรกเป็นห้องสตูดิโอสำหรับนั่งเล่น อ่านหนังสือ และนั่งทำงาน ความตั้งใจอยากทำให้ห้องสว่างมาก ๆ เพราะงานส่วนใหญ่ของปุ้ยต้องพึ่งแสงธรรมชาติค่ะ ดังนั้นผนัง 2 ด้านจึงเป็นหน้าต่างบานสูง ดังนั้นห้องนี้ก็จะมีพื้นที่ให้ตกแต่งเหลือแค่ 2 ด้านเท่านั้นเองซึ่งห้องสตูดิโอนี้มีขนาดหน้ากว้าง 3.7 เมตรและลึก 6 เมตร ปุ้ยแบ่งโซนด้วยการใช้บันได 3 ขั้นเพื่อช่วยทำให้ห้องดูมีมิติขึ้น เริ่มรีวิวจากชั้นบนหรือด้านหลังก่อนนะคะ
- รูปแรกเป็นภาพตอนที่เพิ่งฉาบปูนเสร็จกำลังติดตั้งหน้าต่าง
- รูปที่ 2 ตอนนี้ทาสี ติดแอร์ และปูพื้นแล้ว
- รูปที่ 3 หลังจากตกแต่งเสร็จ
- ในเรื่องของพื้น ปุ้ยเลือกพื้นกระเบื้องยางเพราะดูแลง่าย และเลือกสีเทาอ่อนเพราะเป็นคนชอบสีโทนเทา ๆ มากกว่าโทนสีน้ำตาล ซึ่งกระเบื้องยางสมัยนี้ดีมาก เพราะออกแบบมาเป็นระบบคลิกล็อกไม่ต้องใช้กาว ติดตั้งเหมือนลามิเนตเลยแต่กันน้ำได้ด้วย แถมยังทนกว่าลามิเนต ส่วนผิวสัมผัสก็มีหลายแบบทั้งการเลียนแบบเท็กซ์เจอร์ของไม้จริงกับเท็กซ์เจอร์แบบลามิเนตค่ะ
- แต่พอติดแอร์ ช่างดันทำให้ปุ้ยเฟลเลยคือท่อแอร์สีคนละสีกับผนัง แล้วก็เห็นท่อแบบดูไม่สวยเลย สุดท้ายปุ้ยไปเอาสีทาบ้านปีนบันไดขึ้นไปทาค่ะ มันดูโอเคขึ้นแล้วก็ตกแต่งอีกหน่อย ก็ช่วยพลางและเปลี่ยนจุดสนใจให้เราละสายตาจากจากท่อแอร์ไปได้ทีนี้มาดูกันแบบละเอียด ๆ เจาะทีละมุมกันค่ะ
- เริ่มจากที่เห็นไกล ๆ ก่อนคือ ผ้าม่าน ซึ่งช่วยให้ห้องดูดีขึ้นมาก บอกเลยว่าคุ้มค่ากับงบประมาณ 1,350 บาท โดยปุ้ยใช้ชุดราวสีดำให้สอดคล้องกับวงกบหน้าต่าง ส่วนผ้าม่านเป็นผ้าโปรงที่ยาวจรดพื้นที่ดีและถูก พอติดลงไปแล้วช่วยให้ห้องสว่างขึ้น เพราะกันแสงไม่ให้ลอดออกไปยังโถงทางที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องซึ่งเป็นหน้าต่างบานกระจกใส และช่วยพรางตาจากโถงทางเดินด้วยค่ะ ส่วนตรงกลางห้องเป็นโต๊ะเล็ก ๆ เซตแบบลอยตัวคือ เคลื่อนย้ายได้ตามจังหวะการใช้งาน ตู้กระจกด้านขวาตรงข้างบันไดเป็นตู้ใส่เครื่องประดับ อันนี้ได้มาฟรีค่ะ
- ส่วนผ้าม่านอีกฝั่งนึงเป็นม่านปรับแสงสีขาว เลือกแบบที่ถูกที่สุดของบางกอกการม่านราคา 2 บานประมาณ 4,000 บาท และข้างบันไดด้านขวาตกแต่งด้วยกรอบรูปเล็ก ๆ สีขาวเรียงกัน 2 แถว ช่วยให้ห้องดูมีรายละเอียดน่ารักขึ้น ต่อมาเรามาดูการตกแต่งผนัง โดยปุ้ยตกแต่งให้เต็มผนังเลย
- พูดถึงผนังฝั่งซ้ายก่อนนะคะ ไอเดียการสร้างแรงบันดาลใจจากปกแมกกาซีนที่เราชื่นชอบ ใช้ชั้นวางรูปภาพ RIBBA สีดำที่อิเกียมีให้เลือก 2 ไซส์ขนาดยาว 115 เซนติเมตรและ 55 เซนติเมตร โดยออกแบบช่องไฟให้แต่ละชั้นห่างกันซัก 40-45 เซนติเมตรจะกำลังสวยค่ะ ไม่อึดอัดเกินไป
- จากนั้นก็หากรอบรูป (ซื้อตามงานเฟอร์นิเจอร์ชิ้นละ 50-250 บาท) หรือแมกกาซีนปกสวย ๆ มาวางประดับค่ะ ส่วนผนังว่าง ๆ ด้านหลังกรอบรูป ปุ้ยลองใช้กระจกเงามาติดดูช่วยให้ห้องดูกว้าง ดูหรูหราและมีมิติขึ้น เพราะจะมีเงาสะท้อนให้ดูมีสีเงา ๆ เงา ๆ เล่นกับไฟดีขึ้น ซื้อจากอิเกียเช่นกัน แล้วก็มีราวแขวนที่มีตะขอแขวนกระป๋องไว้ใส่ของ จริง ๆ คือตั้งใจจะไว้เสียบพวกเครื่องเขียนค่ะ
- จากนั้นก็หากรอบรูป (ซื้อตามงานเฟอร์นิเจอร์ชิ้นละ 50-250 บาท) หรือแม็กกาซีนปกสวย ๆ มาวางประดับค่ะ ส่วนผนังว่างๆ ด้านหลังกรอบรูป ปุ้ยลองใช้กระจกเงามาติดดู ช่วยให้ห้องดูกว้างและดูหรูหราและมีมิติขึ้น เพราะจะมีเงาสะท้อนให้ดูมีสีเงา ๆ เล่นกับไฟดีขึ้น ซื้อจากอิเกียเช่นกัน
- ด้านล่างของผนังฝั่งซ้ายเป็นตู้ลิ้นชักเรียงแถวกัน 6 ตู้ อันนี้อาจจะประหยัดงบไปใช้เป็นชั้นวางของโปร่ง ๆ ได้ค่ะ หรือใครจะใช้เป็นตู้โชว์ยาว ๆ ก็ดูเรียบร้อยดีเหมือนกัน แต่สำหรับปุ้ยใช้จำแนกเก็บของต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ แบ่งตามประเภทและหมวดหมู่ค่ะขนาดเล็กมาก ๆ ลิ้นชักช่องนึงสูงแค่ 10 เซนติเมตร กว้างยาวประมาณใส่กระดาษ A4 แล้วเหลือนิด ๆ ปุ้ยใช้เก็บของทุกอย่างที่ใช้ในห้องนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นของชิ้นเล็ก ๆ เอามาจัดใส่ตู้ทั้งหมด แล้วเขียนกำกับไว้เวลาหยิบใช้ก็ง่ายเลย ปุ้ยชอบที่มันเป็นลิ้นชักเล็ก ๆ เตี้ย ๆ ช่วยให้ของก็ไม่กองสุมกันจนหาไม่เจอ ตู้นี้รายละเอียดเยอะแต่เวลาประกอบจริง ๆ ไม่ยาก ไม่ต้องใช้แรงเยอะ แต่ใช้เวลานาน ถ้าซื้อเยอะ ๆ แนะนำให้จ้างช่างจากอิเกียเลย ค่าประกอบเฉลี่ย 100 บาท แต่ถ้าอยากประหยัดก็ใช้เวลามากหน่อยเท่านั้นเองค่ะ
- ต่อมาเราพูดถึงผนังฝั่งขวาบ้าง ผนังนี้ค่อนข้างจับฉ่ายคือมีอะไรเหลือ ๆ ก็เอามาติดให้มันดูเต็ม ๆ
- เริ่มจากท่อแอร์ใช้หลอดไฟหนีบ ๆ อันนี้เคยซื้อมาตั้งหลายปีแล้วก็เอาออกมาใช้หน่อย จำได้ว่าซื้อจากอิเกียเนี่ยแหละอันละ 199 บาท แต่ตอนนี้เขาไม่มีขายแล้ว (หาไม่เจอ)
- ย้ายมาผนังอีกฝั่งนึงที่อยู่ตรงข้ามเป็นผนังด้านหน้าห้องค่ะ ซึ่งห้องฝั่งนี้ตั้งใจจะไว้เป็นมุมอ่านหนังสือ แล้วก็กะว่าจะซื้อโทรทัศน์มาติดผนัง แต่ยังไม่ได้จัดงบตรงนี้เลยเอากระจกเงามาติดก่อน พอดีไปเดินงานสถาปัตฯ 2015 แล้วไปเจอมาถูกใจมากแล้วเขาก็ลดราคาให้พอดี แค่ติดกระจกนี่ทำให้ผนังฝั่งนี้ดูดีขึ้นเยอะเลยส่วนตู้ตรงกลางคือตู้รองเท้าปุ้ยนำมาประยุกต์เป็นตู้ในของ เช่น พวกกระดาษวาดเขียน, ถุงกระดาษ, กระเป๋าผ้า หรืออะไรที่แบน ๆ สูง ๆ ชิ้นไม่ใหญ่มาก
- บนผนังฝั่งซ้ายใช้ที่แขวนหนังสือพิมพ์มาประยุกต์ไว้วางแมกกาซีนปกสวย ๆ ค่ะ
- บนผนังฝั่งขวาจะเป็นชั้นโชว์แมกกาซีนปกสวย ๆ เป็นการตกแต่ง สร้างบรรยากาศในมุมอ่านหนังสือและแรงบันดาลใจในการทำงาน ตำแหน่งการติดตั้งปุ้ยให้ช่องล่างสุด มีช่วงช่องไฟกว้างกว่าชั้นบน พอมองจากระดับสายตาขึ้นไปจะได้เห็นในระยะที่พอดี อีกอย่างช่วยให้หยิบหนังสือง่ายขึ้นจากบน-ล่าง 35-40 เซนติเมตร ลงมาข้างล่างก็เป็นโต๊ะวางแล็ปท็อปสีขาวช่วยให้มุมนี้ดูเต็มขึ้น แต่ถ้าใครไม่ต้องใช้โต๊ะเยอะก็ไม่จำเป็น ปล่อยว่างไว้ก็สะอาดตาดีค่ะ
- นอกจากนี้แล้วก็มีโซฟาสีเหลืองที่ราคาถูกและเบา ทำให้เคลื่อนย้ายไปได้ทุกมุมของห้อง เปลี่ยนบรรยากาศในการนั่งอ่านหนังสือได้ห้องสตูดิโอนี้ จัดแบบเบา ๆ ฟรุ้งฟริ้ง ๆ ค่ะ งบแบบพอไปไหวทยอยซื้อทีละชิ้น 2 ชิ้น ห้องนี้รวบรวมมา 4-5 เดือนค่ะ พอได้ของมาครบประมาณนึง ก็วัดตำแหน่งมาร์คจุดที่จะเจาะไว้ของขาดก็ไปซื้อเพิ่ม ของเกิน หรือวางไม่พอดี ก็เอาไปคืนได้ภายใน 100 วัน ใช้เวลาเจาะ-ติดตั้งประมาณหนึ่งวันเต็ม ๆ ค่ะ
- ห้องเก็บของกับแต่งตัว
- ห้องนี้มีขนาด 2.2 x 2.5 ตารางเมตร แต่ไม่เชิงเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป๊ะ ๆ เพราะว่ามีส่วนเว้าของเสาท่อน้ำ และเว้นช่องใส่ตู้เย็นจากห้องครัว รวมถึงมีท่อไฟที่ผู้รับเหมาไม่ฝังเข้าผนังด้วยเลยไม่ง่ายอย่างที่คิด ห้องนี้ใช้เวลาออกแบบเป็นสัปดาห์เลยค่ะ เพราะอยากให้ออกมาดูไม่น่าเบื่อแต่ก็ใช้งานได้จริง
- ผนังห้องนี้มี 4 ด้าน ปุ้ยจะขอเล่าทีละด้านแบบทวนเข็มนาฬิกาแบ่งเป็นทิศเหนือ ทิศตะวันตก ทิศใต้ และทิศตะวันออกนะคะ
- ผนังทิศเหนือ จะเป็นด้านที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นก่อนเลย ดังนั้นปุ้ยจึงออกแบบให้ดูเหมือนเป็นจุดเซ็นเตอร์ของห้องค่ะ
- มาต่อกันที่ผนังทิศตะวันตกค่ะ ผนังส่วนนี้จะมีพื้นที่น้อยเพราะติดเสาที่ฝังท่อน้ำและท่อน้ำทิ้งไว้ แต่วางของได้เยอะค่ะ
- ต่อมาผนังฝั่งทิศใต้ก็มีพื้นที่ไม่มาก เพราะมีประตูทางเข้าอยู่ด้านนี้และพื้นที่ด้านนี้มักไม่ค่อยเป็นจุดสนใจ จึงประหยัดงบหน่อยค่ะ
- อย่าเพิ่งเหนื่อยกันนะคะ (คนเขียนเหนื่อย 555) มาถึงผนังฝั่งสุดท้ายค่ะ ฝั่งด้านตะวันออกนี้มีพื้นที่ครึ่งหนึ่งยุบลงไปเพราะว่าอีกด้านเป็นครัว ปุ้ยให้เขาตีช่องใส่ตู้เย็นกินพื้นที่เข้ามาในห้องเก็บของค่ะ ซึ่งพื้นที่ด้านนี้จะติดกับบานประตูเลยจะแขวนชั้นวางผนังที่มีความลึกไม่ได้ ดังนั้นปุ้ยจึงใช้ราวแขวนติดผนังมาประยุกต์ใช้แขวนของไม่ให้เสียพื้นที่ไปเปล่า ๆ ค่ะ และพอดีมีท่อสายไฟที่ผู้รับเหมาไม่ได้ฝังผนังไว้ต่อเข้าตู้ไฟที่ควบคุมไฟทั้งบ้าน ดังนั้นผนังส่วนนี้จึงเจาะตู้แขวนกับราวแขวนไม่ได้เลย จึงต้องใช้ตู้ที่ตั้งพื้นมาวางซ้อนกันค่ะ
- ตู้ยาพยายามเลือกตู้เล็ก ๆ ความลึกไม่มาก เพื่อให้วางขวดยาหรืออาหารเสริมได้พอดี ไม่วางซ้อนกัน เพราะจะหยิบยากหรือหาของไม่เจอค่ะ ตู้นี้เวิร์กดีไม่น่าเลิกขายไปเลยค่ะ
- สำหรับห้องนี้ไปซื้อของมา 3 รอบ เพราะรอเก็บเงินแล้วก็มีซื้อขาดบางชิ้น ก็ไปซื้อเพิ่ม การติดตั้งใช้เวลา 2 วัน เพราะว่าติดตั้งหลายจุด คุณสามีเหนื่อยค่ะเลยต้องให้พักก่อน ห้องเก็บของนี่เป็นอะไรที่ภูมิใจสุด ๆ ดูจากบ้านฝรั่ง ฝันมานานแล้วว่าอยากได้ห้องแบบนี้ หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาว ๆ ที่ของเยอะ ๆ ลองมาจัดห้องเก็บของแบบนี้กันนะคะ จะช่วยให้เรามีความสุขขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ
- ในส่วนนี้เป็นมุมเล็ก ๆ ระหว่างทางเดิน ซึ่งปุ้ยอยากใช้พื้นที่ในบ้านให้คุ้มเพราะเห็นมันว่าง ๆ อยู่ก็เลยจัดให้เป็นมุมวางของใช้จุกจิก ทำให้สะดวกใช้และช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านดูมีดีเทล
- มุมที่ 2 เป็นผนังแคบๆ อยู่ทางซ้ายของประตูห้องน้ำ ปุ้ยก็ออกแบบไว้เก็บสกินแคร์ที่ใช้งานบ่อย วางตรงนี้สะดวกมากไม่ต้องเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวให้เสียเวลา อีกทั้งเวลาทำความสะอาดห้องน้ำก็จะง่ายขึ้น เพราะว่าไม่มีของพวกนี้วางในห้องน้ำเยอะ ๆ ที่ทำให้เวลาล้างห้องน้ำต้องระวังหรือยกออกไปก่อน การติดตั้งให้เว้นช่องไฟห่างกัน 30 เซนติเมตรค่ะ เพราะขวดสกินแคร์ส่วนใหญ่จะสูงไม่เกิน 25 เซนติเมตร และระยะสูงจากพื้นของชั้นล่างคือ 85-90 เซนติเมตรจะเป็นระยะหยิบได้พอดีค่ะ
- มาถึงมุมสุดท้ายจบด้วยมุมสกินแคร์ตรงทางเดินออกจากห้องแต่งตัวเป็นมุมทางเดินแคบ ๆ แต่มีผนังไว้ให้ปุ้ยเล่นอีกแล้ว (จริง ๆ แอบวางแผนไว้ตั้งแต่ตอนสร้างบ้าน) ใช้มุกเดิมค่ะนำชั้นวางกรอบรูปสีขาวไซส์ยาว 115 เซนติเมตรมาติดไว้ 2 ชั้น (ใครจะติดเพิ่มขึ้นเป็น 3-4 ชั้นก็ได้เยอะดี) แต่พอดีปุ้ยตั้งใจเอากระจกมาติด เพื่อทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูกว้างขึ้นเลยติดกระจกดับเบิลไป 2 แถว แล้วตอนออกแบบคิดว่าถ้าเอาชั้นมาติดอีกข้างบน กลัวว่าชั้นบนจะมาบังแสงไฟทำให้ชั้นล่าง ๆ มืด ก็เลยติดไปแค่ 2 ชั้น
- ระยะการติดตั้งชั้นล่างสุดควรสูงจากพื้น 85-90 เซนติเมตรและช่องไฟแต่ละชั้นก็ออกแบบตามการใช้งาน ถ้าเอาไว้วางพวกขวดทรงสูงให้เว้นระยะ 30 เซนติเมตร ขึ้นไป เพราะขวดสกินแคร์ส่วนใหญ่จะสูงไม่เกิน 25 เซนติเมตร ถ้าเป็นประเภทกระปุกครีมหรือสกินแคร์ขวดเตี้ย ๆ ก็เว้นระยะสูง 12 เซนติเมตรขึ้นไปค่ะ การติดตั้งสำหรับมุมบิวตี้ตรงโถงทางเดินนี้ ง่ายมากๆ เพราะชั้นแขวนกรอบรูปน้ำหนักเบา เวลาเจาะยึดก็ไม่ยากถ้าไซส์เล็ก 2 รู, ไซส์ใหญ่ 3 รู, ราวแขวน 2 รู ส่วนกระจกคุณสาว ๆ สามารถติดตั้งเองได้ง่าย ๆ เลย
- ใครจะติดกระจกแบบนี้ให้เว้นระยะห่างระหว่างชั้นไว้ 30 เซนติเมตรหรือเกินนิดหน่อย เพราะกระจกเป็นไซส์ 30x30 เซนติเมตรค่ะ วิธีติดกระจกแบบนี้ติดไม่ยาก เขาจะมีเทปโฟมกาวมาให้ แต่ว่าเวลาติดต้องใจกล้ากะให้แม่นเลย เพราะถ้าติดแล้วไปขยับจะทำให้กาวไม่เหนียวเท่าตอนแรก แล้วจะมีโอกาสที่กระจกจะร่วงลงมาแตกได้ (จากประสบการณ์ที่แตกมาแล้วค่ะ) แต่ถ้าจะติดแล้วไม่ชอบจะเอาออกก็ใช้เกียงงัด โดยใช้ค้อนยางช่วยส่งแรงงัดออกมา แล้วผนังจะมีคราบกาวติดก็ใช้สเปรย์กำจัดคราบกาวเช็ดหลาย ๆ รอบค่ะ
- รีวิวของถูกและดี IKEA D.I.Y. Bulid-in
- ห้องทำงานงบ 29,300 บาท
- ห้องเก็บของใช้งบทั้งหมด 27,500
- และมุม Beauty Staion โถงทางเดิน
- มุมแรก = 2,947 บาท
- มุมที่ 2 รวม 905 บาท
- และสุดท้ายมุมที่ 3 รวม 1,295 บาท
- ลองเขียนเนื้อหาแนวแต่งบ้านครั้งแรก ตื่นเต้นมากค่ะ (ปกติเขียนบล็อก Beauty อยู่ค่ะ ติดนิสัยเนื้อหาเลยแน่น อย่าตกใจนะคะ)
- ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ PuY~isme สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
และ เฟซบุ๊ก PuYisme
