ใครที่เพิ่งเจอปัญหาหลังถือกระเป๋าย้ายเข้าคอนโดอย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะวันนี้เรามีรีวิวแก้สารพัดปัญหาแบบชาวคอนโดมาฝากกัน บอกเลยว่าเขาทำเองทุกขั้นตอน !
ใครจะไปรู้ว่าเบื้องหลังการตกแต่งคอนโดที่ทั้งสวยและเรียบเนียนไร้ที่ติ จะเต็มไปด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมายที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้จนกระทั่งย้ายเข้าไปอยู่จริง ๆ ซึ่ง คุณ กุ๊ยแสงเสียง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เป็นชาวคอนโดอีกหนึ่งคนที่เจอปัญหามากมายหลังย้ายเข้าคอนโด และตัดสินใจแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ว่าแต่เขาจะเจอปัญหาอะไรบ้าง และมีวิธีแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างไร ตามไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
>>> DIY บ้าพลัง <<< ตอน "ใช้โปรแกรมยังเจอบั๊ก คอนโดก็เช่นกัน" โดย คุณ กุ๊ยแสงเสียง
ผมก็ใช้ชีวิตอยู่ตามมีตามเกิดไปเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นผมก็ได้อ่านกระทู้มากมายเกี่ยวกับการรีโนเวทบ้านและคอนโดจากในพันทิปมากมาย ทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าเราเจอปัญหาจากการออกแบบห้องที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานของเราตั้งแต่ต้น เราก็ควรจะแก้ไขให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการสิ แต่จะเรียกว่ามันเป็นปัญหาขนาดที่ต้อง ทำถึงทุบ รื้อ แล้วสร้างใหม่ มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้น ผมเลยเรียกสิ่งที่ผมเจอว่ามันเป็น "บั๊ก" เหมือนกับที่เจอในการใช้โปรแกรมต่าง ๆ นี่แหละครับ รู้ว่ามันเป็นปัญหาถ้ายังไม่มีเวลาก็เลี่ยง ๆ ไปหาวิธีให้มันไม่ไปสะดุดกับ "บั๊ก" จนทำงานไม่ได้ ถ้ามีเวลาก็แก้ไขเป็นจุด ๆ ไปไม่ต้องไปรื้อโครงสร้างทั้งหมดหรือถึงขั้นต้องลงมือเขียนแปลนใหม่กันเลย เพราะแค่การ "แก้บั๊ก" มันอาจจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงของเราเองก็ได้
จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้ที่ผมได้รวบรวมปัญหาที่ได้พบเจอและการแก้ไขปัญหาในแบบของผมเอง อาจไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยผมก็ขจัดปัญหาออกไปได้ โดยใช้เพียงแรงเดียวของผมกับงบประมาณที่ไม่สูงจนเกินไปครับ ขอเล่าถึงปัญหาเป็นข้อ ๆ ให้ครบก่อนนะครับแล้วค่อยเล่าถึงวิธีแก้ปัญหารวดเดียวเลย เพราะการแก้บางข้อมันแก้ปัญหาหลาย ๆ ข้อพร้อมกันครับ
บั๊กที่ 1 เป็นบั๊กของจริงตัวเป็น ๆ เลยครับ ขอตั้งชื่อบั๊กนี้ว่า "ปลวก" แล้วกันครับ เป็น "บั๊ก" ที่ไม่คิดครับว่าจะเกิดขึ้นได้อุตส่าห์อยู่สูงจากพื้นตั้งเยอะแล้วนะ เป็นปัญหาที่มาอย่างแนบเนียนมาก กว่าจะรู้ตัวก็สร้างความเสียหายไปเกือบรอบห้อง แต่เมื่อเจอปัญหาแล้วเราก็ต้องหาสาเหตุให้สุดครับ ไม่งั้นหาทางแก้ระยะยาวไม่สำเร็จแน่ ๆ จากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าช่วงแรก ทำให้รู้ว่าสาเหตุของปัญหาไม่ได้เกิดจากการบุกรุกจากภาคพื้นดิน (ไม่พบช่องทางที่จะเล็ดรอดมาจากช่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในห้องเหมือนกับที่ห้องข้าง ๆ ผมโดนในเวลาไล่เลี่ยกัน) แต่เป็นการโจมตีทางอากาศ (แมลงเม่านั่นเอง) ถึงแม้สาเหตุจะป้องกันไม่ได้ แต่การเกิดปัญหาครั้งนี้ผมพบตัวช่วยที่ทำให้ความเสียหายเป็นวงกว้างโดยที่เรารู้ตัวได้ช้า
1. ทำความสะอาดยาก กลายเป็นว่านอกจากถูพื้นแล้ว ต้องคอยเช็ดฝุ่นบนบัวอีก 2. ไม่สามารถวางเฟอร์นิเจอร์แนบติดผนังได้ ยิ่งในห้องผมเป็นบัวแบบมีชายโค้งที่พื้น (เพื่อเพิ่มพื้นที่การทำงานของระบบซุกกิ้ง ซิสเต็ม) ยิ่งกินที่เข้าไปอีก ตอนทำตู้ ต้องทำขามาใส่เพิ่มเพื่อหลบบัวต่างหาก และปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือการเลือกใช้พื้นไม้ลามิเนตครับ ซึ่งการเลือกใช้พื้นแบบนี้มีทั้งข้อดีข้อเสียเป็นปกติ ผมเองยอมรับในข้อเสียของมันได้จึงไม่ได้เปลี่ยนครับแต่ข้อควรระวังที่พบจาก "ปลวก" คือ เราอาจจะไม่สังเกตเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้น จนกว่าเราจะไปกดหรือเหยียบในบริเวณที่โดนโจมตีจน "กลวง" ไปแล้วครับ (ปลวกไม่กินผิวลามิเนตที่เป็นพลาสติก มองเผิน ๆ ไม่รู้เลยว่าโดนเล่นซะโบ๋หมดแล้ว)
บั๊กตัวนี้มันเกิดมาก่อนใครเพื่อนครับ ตั้งแต่ในกระดาษจากเจ้าของโครงการโน่นแหล่ะครับ เขา "คิดแทน" คนที่จะเข้ามาอยู่ว่าคนที่จะอยู่ในห้องนี้เนี่ย น่าจะใช้ชีวิตแบบนี้นะ แล้วก็ออกมาเป็นแบบห้องจนถึงมือคนที่เข้าไปอยู่ข้างในห้องอย่างผม (ไม่ใช่ความผิดของคนออกแบบครับ แต่เป็นความไม่เข้ากันกับผู้ใช้ ผมถึงเรียกว่ามันเป็นบั๊กไง)
ลักษณะห้องก็ตามรูปครับ ดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร แต่สำหรับผมมันขัดใจหลาย ๆ อย่าง เช่น ในห้องนอนมีปลั๊กมาให้แค่จุดเดียว แถมเป็นปลั๊กไฟเพียงอย่างเดียว
แบบนี้เท่ากับว่า ถ้าผมอยู่ในห้องนอนห้ามดูทีวี (สายสัญญาณมีให้ต่ออยู่หน้าห้องน้ำ), ห้ามทำงาน (ผมใช้คอมพ์ตั้งโต๊ะต่อสาย LAN ไม่ใช้ Wifi เพราะเหตุผลที่จะเล่าในบั๊กข้อถัดไป) และไม่มีไฟอ่านหนังสือหัวเตียง ถ้าตั้งเตียงในแบบที่ผมวางแผนไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับสภาพห้องนอนของผมเพื่อให้สนองความเป็นตัวตนคือ
ลากสายทีวีเข้าห้องนอน ประตงประตูไม่ต้องปิดมันละ
ลากสาย LAN เข้าหน้าต่าง อ้อมเตียง และวนรอบห้อง
อีกจุดที่ผมรู้สึกไม่โอเคคือ การทำจุดวางโทรศัพท์ไว้มุมห้อง ทำให้อุปกรณ์ต้องไปกองไว้มุมนึงและจุดสุดท้ายที่ผมรู้สึกแย่ที่สุด ในฐานะที่เป็น "กุ๊ยแสงเสียง" คือการออกแบบให้ดูทีวีหน้าห้องส้วม!!! ถึงแม้ว่าจะปิดบังวิวที่ไม่น่าดูได้ด้วยการปิดประตูห้องน้ำระหว่างภารกิจผ่านจอ แต่ถ้ามีคนจะเข้าห้องน้ำ มันก็ต้องลุกไปทางนั้น (นึกสภาพโรงหนังที่มีห้องน้ำอยู่ข้างจอ) บั้กตัวสุดท้าย (แค่นี้พอแล้วครับ มากกว่านี้ก็ไม่ต้องอยู่กันพอดี เพลี้ยเพลีย) ผมขอเรียกมันว่า "ยอดกุด" แล้วกัน บั๊กตัวนี้คือสภาพห้องที่ไม่สามารถต่อยอดตัวห้องให้รองรับการใช้ชีวิตหรือเทคโนโลยีพื้นฐานที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยได้อย่างทันท่วงที อธิบายยากผมขอยกตัวอย่างแทนแล้วกัน ตัวอย่างแรก "ยุคไร้สาย" เพราะทุกอย่างสมัยนี้มันก็เชื่อมต่อกันแบบไร้สายหมดแล้ว ไม่ว่าจะมือถือ, คอมพิวเตอร์, แอร์ หรือแม้กระทั่งเครื่องซักผ้า แต่สิ่งที่ผมเจอในห้องก็คือ
ถ้าใครเคยเจอสภาพแบบผม จะรู้เลยว่าปัญหาจากความไม่เสถียรของความไร้สายนี้ จะสร้างความปวดตับให้แค่ไหน
ตัวอย่างที่สอง "ทีวีไม่ใช่ทุกอย่าง" การวางจุดสัญญาณทีวีกับโทรศัพท์ (ซึ่งก็หมายถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วย) ไว้คนละจุดกัน ตัวอย่างสุดท้าย "ความยืดหยุ่นของผู้อยู่อาศัย" ผมได้พบกับผู้อยู่อาศัยทุกช่วงชีวิตที่นี่ นั่นหมายถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่กลับถูกข้อจำกัดจากการไม่เอื้อกับเทคโนโลยี ทำให้ที่อยู่อาศัยกลายเป็นแค่ที่ซุกหัวนอน เพราะอยู่ในห้องทำอะไรไม่ค่อยได้เลย อย่างผมใช้ห้องเป็นที่ทำงานด้วย มีการตั้ง NAS ใช้ภายในห้อง แต่ก็ต้องเดินสาย LAN โยงไป-มาเพื่อให้ตอบสนองการทำงานและพักอาศัยด้วย
ผมว่าบั๊กตัวสุดท้ายนี้เป็นตัวที่ท้าทายอสังหาฯ ที่กำลังผุดเป็นดอกเห็ดตอนนี้มาก ๆ ซึ่งผมเดาว่ามีเพียงไม่กี่แห่งที่คำนึงถึงจุดนี้ หากใครเตรียมตัวไว้บ้างน่าจะได้เปรียบในการขายพอสมควรเลยนะ แค่วางแผนไว้บ้างเดินสาย UTP ไปซ่อนไว้ทุกจุดที่เดินปลั๊กก็ยังดี ไม่ได้ใช้ก็ไม่ต้องต่อออกมา ตอนเจ้าของบ้านอยากใช้ก็รองรับได้เลย (เดี๋ยวนี้สัญญาณหลาย ๆ อย่างก็แปลงให้วิ่งผ่านสาย UTP ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น LAN อย่างเดียว) ซึ่งเมื่อปีที่แล้วผมไปตรวจรับบ้านหลังละ 5 ล้านบาทของเพื่อน เห็นแล้วก็เสียดายว่าไม่มีการเผื่อเรื่องพวกนี้ไว้เลยบ้านราคาตั้งแพง ถ้าต้องทำเพิ่มก็ค่าใช้จ่ายบานปลายอีก (นอกเรื่องเนียนเลย ฮ่า ๆ ๆ)
เมื่อระบุปัญหาได้แล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการแก้ปัญหากันดีกว่า ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้ทำรวดเดียวเสร็จนะครับ มีอารมณ์เมื่อไรก็ทำ มันก็เลยลากยาวเป็นปีกว่าจะมีข้อมูลมาเขียนกระทู้ได้ ถึงทุกวันนี้ผมก็ยังเก็บงานไม่หมดเลย ยังไม่ได้เก็บสีให้เรียบร้อย จึงยังไม่มีภาพผลงานที่เรียบร้อยแล้วมาให้ชมในเร็ววันนี้ แต่ผมจะทยอยเล่าในส่วนที่ทำไปแล้วให้ฟังแบบค่อนข้างละเอียดนะครับ เผื่อเป็นแนวทางให้คนที่เจอเหมือนกับผมนำไปประยุกต์ใช้ได้
อย่างแรกในการเริ่มลงมือแก้ปัญหาคือการเปลี่ยนพื้นที่โดนปลวกเล่นงานครับ ผมอาศัยโอกาสนี้ให้ช่างของคอนโดรื้อบัวพื้นรอบห้องออกให้หมดเลย เพราะผมไม่ต้องการแล้ว (ยังอยู่ในความรับผิดชอบของโครงการ ไม่เสียทั้งค่าแรงและค่าวัสดุ เนียนซะเลย ฮ่า ๆ ๆ) หลังจากรื้อดูว่าเสียหายไปแค่ไหนก็ทำการตัดต้นตอของปัญหาครับ โดยไล่หาจุดที่มันเข้าถึงน้ำได้ กำจัดตั้งแต่ตรงนั้นไล่ไปจนถึงปลายทาง แล้วตามสังเกตอีกวันสองวันให้หลังว่าล้างบางได้ไหม
อย่างที่เล่ามาตอนแรก ผมพอมีโชคอยู่บ้างที่ไม่ใช่การเดินขึ้นมาจากพื้นดินแต่สาเหตุมาจากแมลงเม่า เมื่อทำการฆาตกรรมหมู่ในห้องปิดตายไป 2 วัน ก็ดำเนินการต่อ โดยเริ่มจากหาช่างก็มาเก็บพื้นปูนที่ผู้รับเหมาส่งงานผ่านระบบซุกกิ้ง ซิสเต็มให้ ถือเป็นผลพลอยได้ที่ดีเลยงานนี้ (ช่วงนี้ไม่มีรูปประกอบครับ ลืมถ่ายไว้ไม่ได้ลงมือทำเอง)
หลังจากนั้นก็มีผู้รับเหมาเข้ามาใส่พื้นลามิเนตแทนที่ส่วนที่ถูกย่อยไปแล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างจากผู้รับเหมาเดิมทำไว้เลย ไร้ซึ่งไม้ซิมที่ใช้กันการขยายตัว แถมบางจุดพี่ท่านขี้เกียจตัดก็ใช้คีมบิออกเอา จะโวยวายก็ไม่รู้ว่าจะได้อะไร พี่ท่านมากันด้วยเครื่องมือเท่านั้นจริง ๆ เฮ้ออ สภาพออกมานี่ดูไม่จืดครับ แต่ยังไม่ทันได้เก็บช่องว่างระหว่างพื้นลามิเนตกับผนัง ผมก็โดนโจมตีระลอกที่ 2 ในปีถัดมา ซึ่งรอบที่ 2 นี้ความเสียหายไม่มากเปลี่ยนพื้นเพียงไม่กี่แผ่น
การแก้ไขปัญหาช่องว่างนั้น ผมใช้ "แด๊ป" (เรียกตามร้านขายครับ เขาบอกว่าถ้าซิลิโคนจะเป็นอีกแบบผลที่ได้ไม่เหมือนกัน สิ่งที่ผมต้องการเขาเรียกแด๊ป) ยิงลงไปในร่องรอบห้องเลยครับ ข้อดีของมันคือมันมีความยืดหยุ่นคล้ายซิลิโคนครับ แต่ไม่ยุบตัวมากขนาดซิลิโคน ทำให้เมื่อพื้นขยายตัวมันจะขยายตัวตามได้ ไม่แตก และพื้นไม่โก่งครับ ส่วนฝ้าผนังที่เขาใจดีเปิดรูระบายอากาศไว้ให้ ก็ใช้ Putty อุดฝ้าเก็บเอาครับ บางจุดฝ้าแตกเยอะมาก (พี่ท่านก็สามารถซุกไว้ในบัวได้)
ถึงขั้นปะ Putty ไม่รอด ต้องทำแบบหล่อกันเลยทีเดียว สุดท้ายแล้วก็เก็บร่องรอบห้องจนเสร็จ (ทำอยู่เกือบปีเพราะมัวแต่ทำอย่างอื่นอยู่) ผลที่ได้ก็เป็นไปตามต้องการครับ พบศพหน่วยโจมตีทางอากาศหลายศพโดยรอบของห้อง แต่ไม่มีร่องรอยความเสียหายจากการโจมตีอีกต่อไป
ผลงานตอนแรกไม่ทันระวัง ยาแนวแล้วไม่เอาเทปปิดกันไว้ก่อน (เลอะสุด ๆ)
พอเริ่มรู้ว่ามือไม่นิ่ง เลยปิดเทปกันเลอะ งานค่อยออกมาดูได้หน่อย
ณ ปัจจุบันนี้ เหลือขั้นตอนการเก็บสีบริเวณอดีตบัวรอบห้องครับ เพราะต้องการให้งานสีเป็นงานสุดท้าย เลยไปทำอย่างอื่นให้เสร็จก่อนครับ ถัดมาก็แก้ปัญหาของบั๊กที่เหลือไปพร้อม ๆ กันเลย ผมวางแผนปรับแก้ทั้งการทำให้ห้องนอนสามารถตอบสนองการใช้ชีวิตที่ผมต้องการได้ และตัดความ "ยอดกุด" ด้วยการเดินสาย UTP เผื่อไปยังจุดต่าง ๆ ที่มีโอกาสใช้งานในอนาคตด้วยเลย 
ตัวช่วยแรกในการแก้ปัญหาของผมคือปลั๊กของ Haco ครับ ข้อดีของปลั๊กยี่ห้อนี้คือสามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องติดกล่องลอยหรือเจาะผนังเพื่อเก็บสายครับ แต่ข้อเสียอันใหญ่หลวง (ซึ่งเจอหลังจากซื้อมาใช้แล้ว) คือ "คุณภาพ" ครับ ถึงแม้จะสมราคาแต่ผมก็ยินดีที่จะจ่ายแพงกว่านี้ เพื่อให้ได้คุณภาพวัสดุที่ดีกว่านี้ครับ (หาซื้อมาประกอบทีละส่วน เพราะแหล่งราคาถูกก็มีไม่ครบทุกอย่าง ต้องไปซื้อของแพงมาใส่ให้ครบ)
หลังจากตัดสินใจได้ ก็มาสู่การวางแผนต่อผมวางแผนไว้ว่า
ให้ดูทีวีได้ 2 จุดทั้งห้องนั่งเล่นและในห้องนอน ต่อ LAN จาก Router ไปในห้องนอน ต่อโทรศัพท์ได้ทั้งสายนอก (อินเทอร์เน็ต) และสายใน (ตอนนี้เปลี่ยนใจจับรวมกันทั้งสายนอกสายในแบบเดิม แล้วใช้ช่องนี้เป็นสาย UTP ไปหัวเตียงแทน) เพิ่มปลั๊กไฟที่หัวเตียงแถมด้วยสาย UTP ไว้เผื่อใช้ครับ 
ถัดมาก็งานทำลายล้างครับ เริ่มด้วยการระเบิดฝ้าหาจุดร้อยสาย
ปลั๊กเดิมถอดออกซะ เตรียมร้อยสายเพิ่ม (ในรูปตัดไฟแล้วนะครับ แต่ไม่ปลดสายออกจากปลั๊กเดิม เอาไว้ป้องกันร้อยสายใหม่มาพันสายเดิมแล้วดึงกันหายไปทั้งยวง)
กลัวงานไม่คุณภาพ จับสายร้อยใน Flex ก่อนด้วย (สร้างภาพมั่ก ๆ)
และแล้วก็เจอผลงานซุกกิ้ง ซิสเต็มอีกครั้ง เมื่อผมถอดโคมไฟเพื่อร้อยสายก็พบว่า พี่ท่านใส่พุกยึดโคมไฟให้ผมไม่ครบ (พี่จะประหยัดพุกทำไมไม่ประหยัดนอตด้วยเลยเล่า ขันนอต 4 ตัวใส่พุกแค่ 3 ตัวซะงั้น เฮ้ออ)
พอแหย่สายไปเรื่อย ๆ ชักไม่เข้าท่า สายแหย่ไม่ไปแฮะ เอามือถือไปส่องก็ถึงบางอ้อ เพราะลืมสนิทไปเลยครับว่าฝ้ามันมีซีลาย มือสมัครเล่นก็งี้แหละ กลายเป็นว่าจะเดินสาย 4 จุด เปิดฝ้าไปเป็นสิบรูห้องพรุนยังกะรังผึ้ง
ดูคร่าว ๆ จากร่องรอยอารยธรรมที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้แทนความพรุนก่อนหน้าแก้ขัดนะครับ
มาต่อเรื่องร้อยสายให้จบกันดีกว่าครับ ผมโชคดีได้ตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้การร้อยสายง่ายขึ้น
ตัวช่วยที่ว่าก็คือบัวที่โละทิ้งรอบห้องนั่นแหละครับ มันช่างมีความโค้งและเป็นร่องตรงกลางเหมาะกับการเป็นรางนำสายไปยังจุดที่ผมต้องการได้อย่างเหมาะเหม็ง เสร็จจากการร้อยสายไปตามจุดต่าง ๆ ที่ผมต้องการแล้ว ก็มาต่อที่การเข้าสายในแต่ละจุดครับ โดยส่วนใหญ่ผมจะไม่ตัดสายเดิมที่โครงการทำไว้ครับ เพราะถ้าจับพลัดจับผลูต้องคืนสภาพให้เหมือนเดิม ก็ยังจะพอทำได้ไม่ยากนัก ผมจึงต้องเก็บสายไว้ตามที่โครงการติดตั้งไว้
ส่วนจุดที่ไม่มีท่อร้อยสายอย่างบริเวณหัวเตียง ผมใช้วิธีเดินสายลอยแล้วเก็บด้วยรางสายไฟแทนการกรีดผนังฝังท่อครับ (กรีดไม่ไหวเก็บงานตายเลย)
เพิ่มรูปสภาพปัจจุบันหน่อยครับ
มีการใช้ Putty เก็บงานรางสายไฟเล็กน้อยให้ดูเรียบร้อยขึ้น
ส่วนเรื่องสัญญาณทีวี ผมก็ใส่ Splitter เพื่อให้สามารถจ่ายสัญญาณทีวีได้ที่จุดเดิมและในห้องนอน แต่ปัจจุบันผมปลดสัญญาณที่โครงการจ่ายมาให้ทิ้งแล้วครับ เพราะสัญญาณเป็นการ Mod มาแค่บางช่อง สัญญาณไม่ชัด แถมมีไฟรั่วมาด้วย 
ตอนนี้ใช้การตั้งเสาอากาศทีวีดิจิตอลแบบภายในอาคาร บวกกับกล่องรับสัญญาณที่แลกคูปองมามีช่องสัญญาณออกมาด้วย ทำให้พ่วงกล่องรับอีกจุดผ่านสายที่ผมเดินไว้โดยใช้เสาอากาศเพียงชุดเดียว ส่วนสายโทรศัพท์ก็ย้ายจุดมารวมกัน ทำให้สุดท้ายแล้วผมสามารถตั้งศูนย์กลางอุปกรณ์รวมกันไว้ได้ที่จุดเดียว ทั้งการดูทีวี อินเทอร์เน็ต เซิร์ฟเวอร์ภายในห้อง และพวก Home entertainment ต่าง ๆ
นอกจากนั้นยังสามารถกระจายไปยังห้องนอนได้อีกด้วย
งานสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คืองานคืนความสุขให้ประชาแผลในห้องครับ เจาะซะพรุนไปทั้งห้อง งานเก็บก็เยอะไปตามระเบียบครับ เริ่มต้นจากการไปหาซื้อซีลายมาเส้นหนึ่งจากร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไปพร้อมนอตยึดยิปซัม นอตจะมีสีดำและปลายแหลมมาก เจาะซีลายที่เป็นเหล็กได้สบาย ๆ (ถ้าใช้เกลียวปล่อยทั่วไปจะเจาะซีลายเข้ายากกว่าครับ) เอาซีลายมาวัดขนาดให้พอเหมาะกับช่องที่เราระเบิดไว้ ให้มีลักษณะเป็นคานพาดยืดแผ่นยิปซัมที่เราเปิดออกไป แล้วขันด้วยนอตดำให้แน่น (ช่างบางคนเนียนไม่ติดคานให้เราเวลาปิดซ่อมยิปซัม ถ้าเราจะเปิดทำอะไรอีกทีหลังนี่ค่อนข้างลำบากเลยครับ) ลักษณะออกมาประมาณนี้ครับ
มีแต่สภาพที่โป๊วไปแล้ว ลองสังเกตหัวนอตดูครับ ยึดกับซีลายที่เสริมไว้
ครั้งแรกผมเลือกที่จะอุดรอยที่เหลือด้วยเจ้านี่ครับ
ลักษณะเป็นซิลิโคน ซึ่งผมได้รับการแนะนำจากผู้ขายในห้าง (ผมบอกว่าจะเอามาทำอะไร เขาก็จัดตัวนี้มาให้) ซึ่งตอนแรกมันก็ทำงานได้ตามที่ผมต้องการครับ
แล้วก็ปาดด้วยเกรียงให้เรียบซะหน่อย แต่พอมันแห้งสนิทกลับไม่ได้ผลอย่างที่ผมต้องการครับ เจ้าซิลิโคนมันยุบตัวโค้งเข้าไปในรอยอุด ไม่ว่าจะเติมเข้าไปอีกยังไงมันก็ยุบเข้าไปผมจึงต้องไปถามคนขายเขาอีกรอบ เล่าปัญหาให้ฟังเขาถึงได้แนะนำให้ผมใช้ Wall putty แทน แต่โดยรวมก็ยังมีอีกหลายจุดที่ผมต้องเก็บ ไม่รู้จะปะติดปะต่อยังไง ปิดงานด้วยรวมภาพ Before-After ตรงนี้เลยแล้วกันครับ
สรุปค่าเสียหายเท่าที่เก็บข้อมูลไว้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมครับขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ กุ๊ยแสงเสียง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
