ท็อปเปอร์ ยี่ห้อไหนดี ? ส่องพรีวิว 7 ท็อปเปอร์ที่นอน (Mattress Topper) เบาะหนานุ่ม นอนหลับสบาย มีประสิทธิภาพ รองรับสรีระ พร้อมวิธีซื้อ Topper
เมื่อพูดถึง ห้องนอน นอกจากเครื่องนอนอย่างเตียง ฟูก หมอน หมอนข้าง และผ้าห่มแล้ว ทุกวันนี้หลายคนยังนิยมใช้ ท็อปเปอร์ เสริมบนที่นอนอีกด้วย เพราะช่วยเสริมการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพ ช่วยคลายอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้มากขึ้น อ๊ะ ๆ ๆ ว่าแต่สงสัยกันมั้ยคะว่าความจริงแล้วท็อปเปอร์ที่นอนคืออะไร ทำไมต้องใช้ เลือกซื้อยังไง ยี่ห้อไหนดีบ้าง ถ้างั้นอย่ามัวรอช้า วันนี้กระปุกดอทคอมรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับของใช้ในบ้านชนิดนี้มาฝากกันแล้วค่ะ
ท็อปเปอร์ คืออะไร
ท็อปเปอร์ (Topper) คือ แผ่นรองที่นอน เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะการใช้งานตามชื่อ โดยการวางทับบนที่นอนเพื่อเพิ่มความหนา เพิ่มการรองรับสรีระ และเพิ่มการรองรับแรงกระแทก ปัจจุบันทำมาจากหลายวัสดุ แถมยังมีความหนา ความแน่น และความนุ่ม ให้เลือกมากมายด้วย
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัตินั้นต่างจากผ้ารองกันเปื้อน (Mattress Pads) ที่เป็นแผ่นคลุมบาง ๆ เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิบนที่นอน และป้องกันของเหลว เช่น น้ำ เลือด รวมถึงคราบสกปรก สารก่อภูมิแพ้ และไรฝุ่น แทรกซึมเข้าที่นอนด้วย เพราะทั้งสองอย่างใช้วางทับบนที่นอนเหมือนกัน แถมบริษัทผู้ผลิตบางแห่งก็ยังเรียกชื่อรวมกันด้วย โดยมีจุดสังเกตความแตกต่างอยู่ คือ ผ้ารองกันเปื้อนจะบางกว่าท็อปเปอร์ เนื่องจากจุดประสงค์หลักคือใช้ป้องกันคราบสกปรก แม้จะเพิ่มคุณสมบัติด้านการรองรับขึ้นมา แต่ก็ไม่หนาและนอนสบายเท่าแผ่นรองที่นอนอยู่ดี ทั้งนี้ เราสามารถใช้แผ่นรองที่นอนและผ้ารองกันเปื้อนควบคู่กันไปได้ โดยจะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพการนอนและการปกป้องที่นอนเลยทีเดียว
ประโยชน์ของท็อปเปอร์
ประโยชน์ของท็อปเปอร์ หรือแผ่นรองที่นอน คือ ช่วยเพิ่มความหนานุ่มและยืดหยุ่นมากกว่าการใช้ที่นอนเพียงอย่างเดียว ช่วยให้รู้สึกสบายในการพักผ่อนและเสริมการรองรับสรีรร่างกายได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นท็อปเปอร์ยังโดดเด่นเรื่องการรองรับแรงกระแทก แต่ทั้งนี้ท็อปเปอร์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่นอนยุบ เพราะความจริงแล้วแค่ช่วยถนอมและยืดอายุการใช้งานเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ ท็อปเปอร์ยังช่วยเสริมในกรณีที่ที่นอนใหม่แข็งหรือนุ่มเกินไปอีกต่างหาก โดยจะทำหน้าที่เป็นเบาะช่วยปรับให้เหมาะสมกับความต้องการ และท็อปเปอร์ที่ทำจากเมมโมรี่โฟมหรือลาเท็กซ์ยังมีดีตรงที่ช่วยลดอาการปวดข้ออักเสบหรืออาการบาดเจ็บเกี่ยวกับโครงกระดูกได้ด้วย
วิธีเลือกซื้อท็อปเปอร์
1. ราคา
ถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณา อย่าคิดว่าแพงจะดี อย่าคิดว่าถูกจะคุ้ม ให้เลือกราคาที่อยู่ในเกณฑ์ที่จ่ายไหวและเหมาะสมกับคุณภาพเป็นหลัก
2. การรองรับสรีระ
ควรเช็กว่ามีการรองรับสรีระหรือลดอาการปวดหลังไหม ซึ่งส่วนใหญ่ท็อปเปอร์ทำจากเมมโมรี่โฟมและยางพาราจะมีความโดดเด่นเรื่องนี้มากที่สุด
3. ความนุ่มสบาย
แต่ละคนมีความชอบต่างกัน ซึ่งทุกวันนี้ก็มีความนุ่มและความสบายของท็อปเปอร์ให้เลือกหลากหลาย โดยถ้าใครชอบวัสดุที่นุ่มตามธรรมชาติ จะเหมาะกับท็อปเปอร์ขนเป็ด ขนห่าน หรือใยฝ้าย ถ้าใครชอบวัสดุที่รองรับกับสรีระได้ดี ให้เลือกท็อปเปอร์ที่ผลิตจากเมมโมรี่โฟมหรือยางพารา
4. ความหนาและความแน่น
ปกติแล้วท็อปเปอร์จะหนาประมาณ 2-8 นิ้ว ฉะนั้นใครชอบหนามาก หนาน้อย ก็สามารถเลือกตามสะดวก โดยจะมีความแตกต่างกัน คือ
- ความหนา 1-2 นิ้ว : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความนุ่มสบายและรองรับสรีระเล็กน้อย
- ความหนา 3 นิ้ว : เป็นตัวเลือกพื้นฐานและยอดนิยม ให้ความนุ่มนวลปานกลางและรองรับสรีระค่อนข้างดี
- ความหนา 4 นิ้ว : เน้นการรองรับสรีรร่างกายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใครมีน้ำหนักค่อนข้างมาก นอนตะแคงเป็นประจำ หรืออยากยืดอายุการใช้งานที่นอนให้นานขึ้น ขอแนะนำให้เลือกความหนาเยอะไว้จะดีที่สุด นอกเหนือจากนี้อย่าลืมเช็กความแน่นด้วย เพราะมีส่วนช่วยในการรองรับสรีระเหมือนกัน โดยส่วนใหญ่ความแน่นจะอยู่ระหว่าง 2-6+ ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต ยิ่งหนามากก็ยิ่งแพงมาก แต่ก็ใช้งานได้ยาวนานและรองรับร่างกายได้ดี ตัวอย่างเช่น
- ความแน่น 3 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต : ให้ความนุ่มสบาย น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย แต่รองรับน้อย ยุบค่อนข้างเร็ว
- ความแน่น 4-5 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต : เป็นตัวเลือกพื้นฐาน โดดเด่นทั้งความนุ่มสบายและการรองรับร่างกาย
- ความแน่น 6 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต : เข้ากับรูปร่างดี รองรับร่างกายเยี่ยม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย
5. เสียงรบกวน
ท็อปเปอร์หลายรุ่นสามารถลดเสียงรบกวนเวลาคนที่นอนข้าง ๆ ขยับตัวได้
6. การเก็บความร้อน
เพราะท็อปเปอร์มีทั้งความหนาและแน่น จึงส่งผลต่ออุณหภูมิของที่นอนด้วย โดยท็อปเปอร์ที่ทำจากเมมโมรี่โฟมและยางพาราจะกักเก็บความร้อนสูง จึงไม่ค่อยเหมาะกับเมืองร้อนสักเท่าไร ในขณะที่ท็อปเปอร์ที่ทำจากขนสัตว์ ขนเป็ด ขนห่าน จะเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว และลดความร้อนในฤดูร้อน จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
7. อาการแพ้
วัสดุที่ใช้ทำท็อปเปอร์มีทั้งชนิดที่เหมาะกับผู้เป็นภูมิแพ้และไม่เหมาะกับผู้เป็นภูมิแพ้ ดังนั้นควรสอบถามให้รอบคอบก่อนเลือกซื้อ
8. การเคลื่อนย้ายและการทำความสะอาด
เราต้องยกทำความสะอาดท็อปเปอร์เป็นประจำ ดังนั้นน้ำหนักจึงเป็นอีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เพราะถ้าหนักมากก็จะเคลื่อนย้ายยาก ถ้าหนักน้อยก็จะเคลื่อนย้ายง่าย นอกจากนี้ใครที่เคยสงสัยว่า ที่นอนท็อปเปอร์ซักได้ไหม ซักยังไง คำตอบก็คือ ซักได้ โดยส่วนใหญ่ให้ซักด้วยมือ มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ซักเครื่องได้ ส่วนประเด็นซักบ่อยแค่ไหน ให้ขึ้นอยู่กับคราบสกปรก เวลาว่าง และความสะอาดส่วนบุคคลได้เลย
9. การรับประกันและบริการหลังการขาย
เช็กว่าเมื่อซื้อไปแล้วดูแลเรื่องอะไรบ้าง ระยะเวลาครอบคลุมเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่ท็อปเปอร์จะมีการรับประกันประมาณ 2 ปี หรือไม่ก็ตั้งแต่ 1-10 ปี
วัสดุทำท็อปเปอร์ยอดนิยม
1. ท็อปเปอร์ยางพารา
เป็นท็อปเปอร์ที่ผลิตมาจากน้ำยางในต้นยางพารา โดยมีทั้งแบบยางพาราธรรมชาติ ยางพาราสังเคราะห์ และทั้งสองแบบผสมกัน ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่ชอบความนุ่ม ในปัจจุบันได้รับความนิยมค่อนข้างสูง
ข้อดี
- ความหนาแน่นของวัสดุสูงมากแต่ก็ยังนุ่มสบาย
- ลดเสียงรบกวนจากคนนอนข้าง ๆ
- ร้อนแต่ไม่เท่าท็อปเปอร์เมมโมรี่โฟม
- มีความยืดหยุ่นและความสบายตัวสูง
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- รองรับร่างกายดี บรรเทาอาการปวดข้อต่อหรือร่างกายได้
- ยางพาราธรรมชาติจะป้องกันไรฝุ่นและจุลินทรีย์ได้ดี รวมถึงลดอาการภูมิแพ้ด้วย
ข้อเสีย
- ราคาแพง
- ไม่เหมาะกับคนแพ้ยางพารา
- ค่อนข้างหนักและเคลื่อนย้ายยาก
- อาจจะมีกลิ่นยางรบกวนเมื่อเริ่มใช้
- อาจจะร้อนมากในช่วงฤดูร้อน (ถ้าไม่ได้ใช้ท็อปเปอร์ยางพาราที่มีคุณภาพสูง)
2. ท็อปเปอร์เมมโมรี่โฟม
เป็นท็อปเปอร์ฟองน้ำที่ดีที่สุด ผลิตมาจากพอลิยูรีเทนเพิ่มความหนาแน่นทางเคมี มีความหนาและความแน่นให้เลือกหลากหลาย ขึ้นชื่อเรื่องความสบาย จึงได้รับความนิยมสูง แต่มีราคาแพง
ข้อดี
- รองรับสรีระได้ดี
- มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวช้า
- เลือกความหนาแน่นที่ชอบได้
- ลดเสียงรบกวนจากคนนอนข้าง ๆ
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- บรรเทาอาการปวดข้อต่อ หลัง หรือกล้ามเนื้อ
- รองรับร่างกายและน้ำหนักดี ช่วยให้นอนหลับสบายและผ่อนคลาย
ข้อเสีย
- ราคาแพง
- กักเก็บความร้อนสูง
- อาจจะมีกลิ่นเคมีรบกวนเมื่อเริ่มใช้
3. ท็อปเปอร์ขนสัตว์
เป็นท็อปเปอร์ที่ผลิตมาจากขนสัตว์ มีความเป็นธรรมชาติสูง แถมยังมีคุณภาพ ความหนาแน่น และราคาให้เลือกหลากหลาย
ข้อดี
- นุ่ม สบาย เป็นธรรมชาติ
- เหมาะกับการใช้งานทุกฤดู
- เคลื่อนไหวบนเตียงสะดวก
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เหมือนวัสดุสังเคราะห์
- ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องตัวเรือด ไรสัตว์ หรือจุลินทรีย์
ข้อเสีย
- หายาก
- ราคาสูง
- อาจจะมีกลิ่นรบกวนเมื่อเริ่มใช้
- รองรับการกระแทกไม่เท่าเมมโมรี่โฟม
4. ท็อปเปอร์ขนเป็ด ขนห่าน หรือขนนก
เป็นท็อปเปอร์ที่ผลิตมาจากขนสัตว์ มีความเป็นธรรมชาติสูง ลักษณะคล้ายกับผ้านวม โดดเด่นเรื่องความนุ่มสบาย แต่ไม่ค่อยรองรับสรีระ จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความแน่นกระชับหรือคนแพ้ขนสัตว์ปีก
ข้อดี
- นุ่ม สบาย เหมือนผ้านวม
- เคลื่อนไหวบนเตียงสะดวก
- ลดเสียงรบกวนจากคนนอนข้าง ๆ
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- ไม่กักเก็บความร้อน เหมาะกับการใช้งานทุกฤดู
- ราคาปานกลาง ถูกกว่าท็อปเปอร์ยางพาราและเมมโมรี่โฟม
ข้อเสีย
- เสี่ยงจะมีขนหลุดออกมาได้
- ขนมักจะจับตัวเป็นก้อนเมื่อใช้ไปสักพัก
- ไม่เหมาะกับคนที่มีอาการแพ้ขนสัตว์ปีก
- ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการท็อปเปอร์ที่กระชับเพื่อลดการปวดเมื่อยร่างกาย
5. ท็อปเปอร์ใยฝ้ายและใยสังเคราะห์
เป็นท็อปเปอร์ที่พบเห็นได้บ่อยในปัจจุบัน วัสดุมีทั้งใยฝ้าย ใยสังเคราะห์พอลิเอสเตอร์ รวมถึงใยฝ้ายผสมใยสังเคราะห์พอลิเอสเตอร์ และอื่น ๆ ราคาแตกต่างกันไปตามคุณภาพ เหมาะกับคนชอบขนสัตว์แต่มีอาการแพ้
ข้อดี
- นุ่ม สบาย
- ราคาไม่แพง
- ไม่มีกลิ่นรบกวน
- ทำความสะอาดง่าย
- มีตัวเลือกเยอะตั้งแต่ใยสังเคราะห์ไปจนถึงใยธรรมชาติ
ข้อเสีย
- ไม่ทนเท่ากับวัสดุอื่น
- เก็บความร้อนพอสมควร
- เป็นก้อนและยุบตัวเมื่อใช้ไปสักระยะ
- รองรับสรีระ น้ำหนัก และการกระแทกไม่มาก
- หากเลือกใช้ใยฝ้ายคุณภาพสูงอาจจะมีราคาแพงได้
ราคาท็อปเปอร์
ท็อปเปอร์ที่นอนมีราคาแตกต่างกันไปตามวัสดุ ขนาด และยี่ห้อ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณพันต้น ๆ ถึงหมื่นต้น ๆ ค่ะ
ท็อปเปอร์ยี่ห้อไหนดี
1. ท็อปเปอร์ Satin Heritage รุ่น Comfort Latex
ภาพจาก : satin_officialshop
ท็อปเปอร์ Satin Heritage ทำจากยางพาราแท้ธรรมชาติ 100% ช่วยลดอาการปวดหลัง ป้องกันไรฝุ่น และไม่มีสารพิษ ม้วนเก็บได้โดยการพับ ไม่ทำให้วัสดุหักงอ สามารถใช้เป็นที่นอนปิกนิกได้ด้วย มี 2 สี คือ สีขาวและสีเทาเข้ม ขนาด 3 ฟุต, 3.5 ฟุต, 5 ฟุต และ 6 ฟุต ราคา 1,390-3,590 บาท
2. ท็อปเปอร์ Lotus รุ่น Ayame Cloud
ภาพจาก : lotusmattress.com
ท็อปเปอร์ Lotus ที่ใช้เทคโนโลยี Nano Cloud-Fiber เส้นใยที่มีความละเอียด พร้อมหุ้มด้วย Microtex ให้ความรู้สึกนุ่ม เย็นสบาย ระบายอากาศได้ดี และมีน้ำหนักเบา สามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายโดยเครื่องซักผ้าไม่ทำให้เสียรูปทรง พร้อมแถบ Elastic Corner Skirt รัดมุมที่นอนทั้ง 4 ด้าน มีให้เลือก 7 สี 4 ขนาด ได้แก่ 3 ฟุต, 3.5 ฟุต, 5 ฟุต และ 6 ฟุต ความหนา 4 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 1,990-2,990 บาท
3. ท็อปเปอร์ Siam Latex รุ่น Designate
ภาพจาก : สยามลาเท็กซ์
ท็อปเปอร์ Siam Latex ท็อปเปอร์ขนเป็ดเทียม หุ้มผ้า Super Soft ให้สัมผัสนุ่มละเอียด ดีไซน์ลายเดินเส้นด้ายแบบไขว้ประสาน เพื่อให้รองรับสรีระทั้งหลัง เอว ก้น และน่อง มาพร้อมสายรัดทั้ง 4 มุม ลดการปวดหลัง มี 3 สี ได้แก่ สีขาว น้ำตาล สีเทาอ่อน และสีเทาเข้ม มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต, 5 ฟุต และ 6 ฟุต ความหนา 4 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 1,999-2,099 บาท
4. ท็อปเปอร์ Welcare รุ่น Hollow Conjugate
ภาพจาก : welcare.co.th
ท็อปเปอร์ Welcare เส้นใย Hollow Conjugate นุ่ม เบา สบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น ป้องกันการสะสมของไรฝุ่น หุ้มด้วยผ้า Poly-Soft ให้สัมผัสนุ่ม สบาย มีความยืดหยุ่น ป้องกันการอับชื้นและเชื้อรา ซักทำความสะอาดได้ง่าย มี 1 สี คือ สีขาว มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต, 5 ฟุต และ 6 ฟุต ความหนา 2.6 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 2,499-3,299 บาท
5. ท็อปเปอร์ Siamlatex รุ่น Kocho
ภาพจาก : central.co.th
ท็อปเปอร์ขนห่านเทียมคัดเกรดพิเศษ สัมผัสนุ่ม นิ่มสบาย หุ้มด้วยผ้าคอตตอน ให้ความรู้สึกอ่อนโยนและปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง เดินตะเข็บแน่น ป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของเส้นใย มาพร้อมสายรัดมุม 4 ข้าง รัดแน่น รองรับได้ทุกท่านอน มี 1 สี คือ สีขาว และมี 1 ขนาด ได้แก่ 6 ฟุต ความหนา 4 นิ้ว ราคา 4,299 บาท
6. ท็อปเปอร์ Ikea รุ่นทูซเซย
ภาพจาก : ikea
ท็อปเปอร์เมมโมรี่โฟม นุ่มสบาย หุ้มด้วยผ้ายืด เพื่อให้สามารถปรับตัวตามสรีระได้ดีขึ้นในขณะเปลี่ยนท่านอน ดูแลรักษาทำความสะอาดง่าย ความหนา 8 เซนติเมตร มี 3 ขนาด คือ 90x200 ซม., 150x200 ซม. และ 180x200 ซม. ราคา 3,990-8,990 บาท
7. ท็อปเปอร์ Dunlopillo
ภาพจาก : dunlopillo.co.th
ท็อปเปอร์ยางพารา สามารถปรับเปลี่ยนรูปตามแนวโค้งให้เหมาะสมกับสรีระ ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของโลหิต หุ้มด้วยผ้าคอตตอนนำเข้าจากประเทศอังกฤษ ระบายอากาศได้ดี แข็งแรงทนทาน มี 1 สี คือ สีขาว มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต, 5 ฟุต และ 6 ฟุต ความหนา 2, 3 และ 4 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 12,129-25,700 บาท
ถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ควรมีไว้ในห้องนอนจริง ๆ เอาเป็นว่าใครอยากหลับสบาย ผ่อนคลายร่างกาย ก็ลองศึกษาข้อมูลเหล่านี้ แล้วตามไปหาซื้อกันดูนะคะ
