สร้างบ้านมินิมอลชั้นเดียว ท่ามกลางธรรมชาติ สวย สบาย สุดชิลริมทุ่งนา

          เอาล่ะค่ะ มาเริ่มเรื่องกันได้เลย เกี่ยวกับความเป็นมาที่อิฉันต้องมาสร้างบ้านหลังที่สอง และคงจะเป็นหลังสุดท้ายที่จะใช้ชีวิตในบั้นปลายแล้ว บ้านที่กรุงเทพก็ยังมี ให้ลูกสาวทีเรียนจบและทำงานแล้วอยู่ หลังนี้ก็ของนางเหมือนกัน แต่นางยังไม่มีเวลามาดู

          หลังจากที่โควิดมา กลางปีที่แล้วเราจึงคิดว่า สถานการณ์คงยืดเยื้อ กิจการที่พักคือกิจการที่ได้รับผลกระทบอันดับแรก ตอนนั้นมีคุณแม่ที่เริ่มชราและเป็นอัลไซเมอร์ที่อิฉันต้องดูแลคนเดียว คุณสาก็ใกล้จะเกษียณแล้ว เราจึงตกลงกันว่าเราจะไม่ไปต่อในกิจการโฮสเทลแล้ว เรามาสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ที่เชียงใหม่กันดีกว่า ไม่ต้องทำอะไรให้เครียดอีกแล้ว  

          อีกอย่างเราได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนของเราคู่หนึ่ง ที่ซื้อที่ปลูกบ้านอยู่กลางทุ่งนาที่แม่ริม จะมาอยู่บ้านทุ่งเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาก็ทำงานในเมือง เราก็ขับรถตระเวนหาซื้อที่แถวนอกเมือง เพราะอากาศดีกว่าในเมืองอยากจะปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ ถ้าได้ที่ริมทุ่งนาก็จะดี ดังนั้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 เราก็ขับรถตระเวนหาที่ ๆ จะมาปลูกบ้าน ไล่ตั้งแต่สันกำแพง หางดง ดอยสะเก็ด จนมาถึงที่ตรงนี้ อ.สันทราย

          - ที่ดินตรงนี้ อยู่ที่อำเภอสันทราย ใกล้โรงพยาบาลสันทรายประมาณกิโลกว่า ๆ ถนนหนทางก็สะดวกสบาย มีถนนตัดใหม่ 4 เลนจากแม่ริมมาแม่โจ้ และถนนสายเชียงใหม่-พร้าว ก็กำลังสร้างสี่เลน เลยไปอีกหน่อยก็จะเป็นถนนวงแหวนรอบสี่ยิ่งแก่ตัวมา เราได้ดูแลคุณแม่ที่ป่วย เราก็ต้องเผื่อตัวเราเวลาแก่ไปด้วย ว่าจะต้องหาที่ปลูกบ้านที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล  

          ชีวิตก่อนหน้าไม่รู้จักคำว่าติดเตียง ไม่รู้จักคำว่าอัลไซเมอร์ จนได้มาเจอกับคุณแม่เราเอง ก็ต้องดูแลนางให้ดีที่สุด ถึงนางยังไม่ติดเตียงก็ตาม เมื่อแรกได้เข้ามาจอดรถเราก็พบว่าที่ ๆ เขาขายเป็นที่เปล่า จัดสรรเพียง 8 แปลงเท่านั้นยังไม่มีใครจอง ที่ดินติดกับทุ่งนา มีวิวทุ่งนาและภูเขา ตอนนั้นเขาเพิ่งเกี่ยวข้าว อากาศก็กำลังดี เราเลยตกลงจอง ไว้เลย 2 แปลงรวมกัน 150 ตารางวา การจะซื้อที่ถ้าไปยืนแล้วรู้สึกเย็น ไม่ร้อน เซ้นของเราจะบอกเองว่าใช่หรือไม่ใช่

          หลังจากเราทำการจองแล้ว ทางเจ้าของหมู่บ้านก็จะทำคันกั้นระหว่างที่เรากับที่นาเป็นแนวยาว ถนนของหมู่บ้านกว้าง 8 เมตร มีที่ 8 แปลง มีบ้านที่สร้างแล้ว 2 หลัง และกำลังสร้างอีก 1 หลัง ถนนยกให้เป็นสาธารณะแล้ว เราได้ทำเรื่องให้เทศบาลแม่โจ้ มาทำถนนและท่อระบายน้ำ เพราะถ้าฝนตก แปลงที่ยังไม่ได้ถมที่น้ำก็จะขังเพราะยังไม่มีท่อระบายน้ำ แต่คงอีกนานเพราะมีขั้นตอนและกระบวนการอีกมากมาย

          - ระหว่างนั้นเราก็จะจ้างช่างมาทำรั้วแนวหลังบ้านให้เรา หลังบ้านเป็นสวนที่เจ้าของปลูกกล้วยไว้เต็มพื้นที่ ทุกวันเราก็จะมาดูคนงานทำรั้ว จากนั้นก็จะทำการถมที่ขึ้นมาอีก 50 เซนติเมตร ด้วยรถขนดินประมาณ 70 คัน เอาดินดำสำหรับปลูกต้นไม้โปะ

ไว้ข้างบน ค่าถมดินตกลำละ 750 บาท ส่วนดินดำลำละ 1,500 บาท จะแพงกว่าดินที่เอาถมเกือบเท่าตัว จ้างรถไถมาไถ ปรับที่ดินให้เรียบ ก็จะดูกว้างขึ้นเยอะ หลังจากที่เราจองที่แล้ว หมู่บ้านแจ้งเราว่ามีคนมาจองหลังจากเราจนหมดแล้วทั้ง 6 แปลง

          ส่วนรั้วด้านทุ่งนาอิฉันขอเป็นรั้วคาวบอย อิฉันใฝ่ฝันมากเลยว่าถ้ามีบ้านอยากจะมีรั้วสีขาว แบบรั้วคาวบอย และตอนนี้ฝันของอิฉันก็กำลังจะเป็นจริง  เรานั่ง Search หารั้วคาวบอย จนมาเจอเวปรั้วคาวบอยดอทคอม เราก็เลยสั่งแบบ 4 คาน มีคานทึบอยู่ข้างล่าง สั่งวันนี้อีก 3 วันมาส่ง 

          ในวันที่รั้วมาส่ง มีคนโทร. มาบอกมาส่งรั้วคาวบอย ตอนนี้ถึงตากแล้ว อาจจะไปถึงเชียงใหม่ประมาณห้าโมงเย็น เราก็เฮ้ย ถามน้องขับมาจากไหน เพราะตอนสั่งเขาเขียนว่ารั้วคาวบอยเชียงใหม่ นึกว่าผลิตที่เชียงใหม่ คนขับบอกว่ามาจากกาญจนบุรีตั้งแต่ตีสี่ โรงงานอยู่ที่กาญจนบุรี แต่จัดส่งทั่วประเทศ วันนี้มีมาส่งสองที่ ขับมาส่งที่เชียงใหม่เป็นประจำ ใครสนใจรั้วแบบนี้ก็สั่งได้นะคะ ทำให้บ้านดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมามาก แต่ต้องดูสถานที่ทำเลด้วย ของอิฉันติดฝั่งทุ่งนา ก็ไม่มีใครปีนขึ้นมาเพราะคันกั้นก็สูงพอสมควร แนวรั้วก็สูงท่วมหัว แค่เสามาติดตั้ง รั้วยังไม่เสร็จก็เห่อแล้ว ยังไม่มีบ้านก็ขอมาถ่ายกับรั้วทุกวัน พอรั้วเสร็จเพื่อน ๆ มาเห็นก็ขอแวะมาถ่ายรูปด้วย ยิ่งบรรยากาศเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ทุ่งนาเริ่มปลูกข้าวแล้ว บรรยากาศฟินสุด ๆ

          - ภาพวาดจากกระดาษยกมาตั้งไว้บนดิน

          บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อิฉันและคุณสา มีแนวคิดแบบมินิมอล ออกแนวมูจิคือเป็นห้องโถงโล่ง ๆ เพดานสูง ๆ ที่ใช้ดูทีวี กินข้าว รับแขกรวมอยู่ในนี้ โดยไม่ต้องกั้นห้อง รูปทรงเป็นรูปตัวแอล มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ ไม่เน้นเฟอร์นิเจอร์ หรือของประดับตกแต่งอะไรมากมาย เราประหยัดงบประมาณไปได้เยอะจาก ค่าเหล็ก ค่าไม้ ที่นอน แอร์ ที่เราเอามาจากการปิดกิจการโฮสเทลมาใช้ในการสร้างบ้านหลังนี้ พื้นที่ใช้สอย 100 ตารางเมตร ในพื้นที่ 85 ตารางวา (ตอนนี้เรากำลังสร้างหลังเล็กอีกหลัง ในพื้นที่ติดกัน 65 ตารางวา เพื่อให้คุณย่ามาอยู่รวมกันในบั้นปลาย)

          หลังจากมีประสบการณ์ในการคุมงานรีโนเวทตึกด้วยตัวเอง เมื่อห้าปีที่แล้ว เราจึงวางแผนไว้ว่า เราจะซื้อของเองทั้งหมดเป็น การประหยัดงบประมาณได้ 30% ดีกว่าจ้างผู้รับเหมา เพราะเรามีเวลาดูเองทุกขั้นตอน  โดยจ้างทีมแรงงาน และมี Inspector คอยควบคุมคุณภาพอีกที

          - ส่วนประตูหน้าบ้านและวงกบ ที่เราถือตามหลักตี่ลี่ฮวงจุ้ย เราสั่งทำประตูพิเศษขนาด 107 เซนติเมตร บานเปิดเข้าจากร้านสุขสวัสดิ์ร้านขายไม้ เจ้าใหญ่ของเชียงใหม่ ไม้จะสวยอยู่แล้ว เป็นบานไม้สักเซาะร่อง ส่วนบานไม้สองข้างของประตู วงกบ และไม้หน้าต่างหน้าบ้าน 6 บาน และวงกบห้องนอน ห้องน้ำ เราสั่งทำจากช่างไม้ที่แม่ออน เป็นไม้เก่าที่ตากแดด ตากฝนมา 3 ปี ต้องสั่งทำล่วงหน้าเหมือนกันค่ะ (คิดราคาเฉพาะไม้วงกบและบานหน้าต่าง ไม่รวมค่าทำสี และติดตั้ง และค่าขนส่งจากแม่ออนมาสันทราย)

          - พองานฐานรากเสร็จ ทีมทำโครงหลังคาก็มาทำงานต่อเลย เราออกแบบหลังคาให้ยื่นออกมาจากชายคา 120 เซนติเมตร เพื่อกันฝนสาด ระหว่างสร้างบ้านเราพักอยู่ในหมู่บ้านของโครงการใหญ่ แต่ชายคาของแต่ละบ้านยื่นออกมาเพียงเมตรเดียว ทำให้ทุกบ้านเมื่อเจอฝน สาดประตูหน้าต่างรอบบ้านก็จะผุเสียหายถ้าไม่ติดกันสาดเพิ่ม

          ดังนั้นเราจึงออกแบบให้เพิ่มชายคาออกมา 120 เซนติเมตร ด้านหน้าระเบียงบ้าน150 เซนติเมตร จึงต้องมีเสาอีก 3 ต้นคอยรับน้ำหนักหลังคาด้านหน้าระเบียง จากตอนแรกที่คิดจะสร้างบ้าน เห็นบ้านแบบนอร์ดิกแล้วก็จะเอาแบบนี้ มันสวยดี แต่คิดไปคิดมาในระยะยาว บ้านทรงจั่วทรงหมาแหงน ยังต้องมีกันสาด กันแดดกันฝนเลย แต่นอร์ดิกหลังคากุด ๆ เน้นติดกระจกเพดานสูง คงต้องติดแอร์มากกว่าบ้านปกติ เพราะกระจกก็เปิดไม่ได้ แสงต้องสาด ลมไม่เข้า เพราะมันไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเมืองร้อนแบบเมืองไทย อาจจะดูสวยแต่รับรองปัญหา ต้องเพิ่มออปชั่นทั้งม่าน มูลี่ แอร์ อาจจมีน้ำรั่วถ้าซีลหลังคาไม่ดี (ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ นะคะ ) ในการที่อิฉันไม่เลือกบ้านแบบนอร์ดิก ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเห็นแบบก็ปลื้มค่ะ

          ใครที่ปลูกแบบนี้ ชอบแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับแนว สไตล์ของแต่ละคน ขนาดบ้านเราหลังคาด้านหน้ายื่น 150 เซนติเมตร เวลาเจอลมเจอฝนแรง ๆ ฝนยังสาดเข้ามาถึงหน้าประตูเลยค่ะ ไม่อยากคิดถึงนอร์ดิกเลย จะให้ปิดม่านตลอดเวลาไม่เห็นวิวเลยก็เสียดายวิว สร้างบ้านขอเน้นให้ดูทิศทางลม มีลมพัดเข้าจากหน้าบ้านหลังบ้านจะช่วยประหยัดไฟไม่ต้องเปิดแอร์ บ้านของเราเช้าๆสามารถนั่งรับลม ดิ่มกาแฟที่ระเบียงได้ถึงบ่าย ๆ ไม่ร้อน แสงจะเริ่มส่องมาตรงช่องหน้าต่างและระเบียงช่วงสามโมงถึงห้าโมง เราจึงทำกันสาดแบบมือหมุนขึ้นลงเวลาจะชมวิวก็หมุนเก็บขอบชายคา เวลาบ่ายก็หมุนลงมาบังแดด เย็นๆก็หมุนขึ้นไม่บังวิว

          - ตั้งแต่การออกแบบบ้าน อิฉันมีรีเควสตรงมุมด้านทุ่งนาซึ่งเป็นทิศตะวันตก ขอมีมุมนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตก และมุมจิบการแฟชิล ๆ ยามเช้าจะเป็นวิวทุ่งนาและภูเขา โดยขอทำที่นั่งเป็นกรอบไม้ ซึ่งไม้แผ่นเป็นไม้ยางพาราประสานที่เราเอามาจากการทำเตียงสองชั้นขนาด 120x200 เซนติเมตร ที่โฮสเทลเรามีเหลือเยอะ 18 แผ่น สามารถเอามาทำเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ที่นั่งกรอบไม้ เตียง สามารถประหยัดเงินไปได้อีกหลายบาท โดยจ้างช่างไม้ที่ทำหน้าต่างให้เราจากแม่ออนมาทำให้ เพราะอุปกรณ์ของเขามีครบ งานไม้ เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ช่างไม้ต้องมานอนที่ไซส์งานของเราถึงสิบกว่าวัน เพราะอุปกรณ์ของเขามีเยอะและราคาแพงมากต้องนอนเฝ้ากันเลยทีเดียว

          - ส่วนเรื่องหนักใจของเราก็คืองานของช่างไฟ ซึ่งไม่ได้อยู่ในสัญญาค่าแรง มีคนแนะนำช่างไฟมาให้หลายเจ้า  ซึ่งแต่ละเจ้าทำให้เราต้องร้อง โอ้แม่เจ้า ช่วงนั้นใกล้ปีใหม่ ช่างก่อฉาบต้องการให้เดินท่อสายไฟให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับมาฉาบหลังปีใหม่ บางเจ้าเรียกค่าติดตั้งไฟเป็นดวง เช่นไฟของอีเกียที่มีไฟสี่ดวง อยู่ในรางเดียว เขาไม่คิด 1 จุดแต่เขาคิดเป็นดวง ดวงละ 750 บาท คูณสี่เข้าไปซิคะ

          ตอนแรกก็งงว่า ไฟเรามียี่สิบกว่าจุด แต่ทำไมเขาคิดไปร่วมสี่สิบจุด ทั้งหมด เจ็ดหมื่นสี่ เฉพาะค่าเดินสาย เดินท่ออย่างเดียวนะคะ โอ้แม่เจ้า...เจ้าแรกผ่านไป เจ้าที่สองมาคิดว่าจะถูกกว่า หนักกว่าเดิมคือแปดหมื่นหก ไม่รวมค่าติดตั้งวงจรปิดอีกสองหมื่น แสนกว่าโอ้แม่เจ้า ถ้าไม่เคยเรียนไฟฟ้ามาก่อนว่า เดินสายไฟจุดหนึ่งก็มีแค่สองสาย ขั้วบวก ขั้วลบ เท่านั้นก็คงยอมจ่ายไปแล้ว หรือคนที่จ้างผู้รับเหมา โดยไม่ดูรายละเอียดก็คงจะโดนขูดไปแล้ว ในที่สุดเราก็ได้ทีมช่างบ้าน ๆ ที่มีใบอนุญาต มาทำให้ก่อนปีใหม่แบบหวุดหวิด งานก็เรียบร้อยดีไม่เรียกราคาเวอร์วังอลังการ สรุปได้ในราคาสามหมื่นสองรวมท่ออีกต่างหาก ส่วนอุปกรณ์ไฟเราได้ร้านที่มีเพื่อนแนะนำ

          - เริ่มปีใหม่งานฉาบก็มา พร้อมเจ้าปูนเสือมอร์ต้าอีก 1 กองใหญ่ ๆ อุปกรณ์ก่อสร้างเช่นปูน กระเบื้องหลังคา อุปกรณ์มุงหลังคาสีทาบ้าน เราใช้บริการของวีระวิศวการ ซึ่งมีทีมงานที่พร้อมบริการดีมาก สะดวก รวดเร็ว สั่งทางไลน์ และมาส่งถึงบ้าน โดยไม่ต้องเข้าไปที่ร้าน ก่อนซื้อของทุกอย่าง เราต้องเปรียบเทียบไม่ต่ำกว่า สี่ร้าน ร้านไหนถูกสุดและบริการดีที่สุดเราก็จะซื้อร้านนั้น

          แต่ลืมเล่าให้ฟังเรื่องที่คิดว่ามันไม่ชอบมาพากล คือเราสั่งเหล็กหลังคาจากร้านที่มีแบรนด์ และถูกกว่าร้านอื่น ๆ ที่เปรียบเทียบมา ภ ร้านในวันที่นัดส่งของก็ผิดนัด และพอของมาส่งเหล็กไซส์ใหญ่และเล็กขาดไปอย่างละ 5 เส้นจาก Order รวมที่ขาดไปทั้งหมด 10 เส้น

          ดีที่หัวหน้าคนงานของเราจะรอบคอบเวลารับของ ก็จะนับตามจำนวนตาม Order ซึ่งอิฉันคิดว่ามันไม่น่าจะขาด มีเหตุผลอะไรที่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาส่งให้อีกรอบ คิดในแง่ร้ายๆตามที่ Inspector ของเราเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เวลาเราสั่งอะไรเยอะ ๆ ให้มาส่งหน้างาน คนส่งอาจจะแวะเอาของไปลงที่บ้านหรือที่อื่นบางส่วน ถ้ามาเจอคนงานที่ไม่รอบคอบหน้างานหรือคนงานที่อ่านหนังสือไม่ออก แล้วเซนต์รับของไว้โดยไม่ได้ตรวจนับ เราก็ไปเรียกร้องอะไรไม่ได้ถ้าตรวจพบภายหลัง เพราะเซนต์รับไปแล้ว  ดีที่คนงานของเราเป็นคนรอบคอบ ดังนั้นก็อยากจะแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ด้วย เวลาสั่งของมาเยอะ ๆ ให้ตรวจนับให้เรียบร้อยด้วยนะคะ

          - นั่ง Search Pinterest เราก็ไปปิ๊งกับอิฐแดงช่องลมจากเวียตนาม ซึ่งน่าจะสวยกว่าไม้ระแนงเทียม เราต้องสั่งจากตัวแทนจำหน่าย ซึ่งต้องสั่งมาจากโรงงานนำเข้าที่สงขลา และต้องใช้เวลาเป็นเดือนเพราะต้องรอร้านมี Order ไปรับอิฐจากสงขลาถึงจะพ่วงมาด้วยกันได้  ผนังของเราทำเผื่อไว้ใสไม้ระแนง ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนเป็นอิฐแดงช่องลมต้องให้ช่างก่ออิฐคำนวนช่องความห่างระหว่างอิฐให้พอดีกับผนัง และก็เรียงได้แถวละ 9 ก้อนพอดีอย่างสวยงาม พอทำเสร็จแล้วต่างก็มีคนชื่นชมว่าสวย ใช้ยาแนวสีแดงเช็ดลงแนวปูนและอิฐ  ทา A100 เคลือบก็สวยแล้วค่ะ และเป็นมุมถ่ายรูปของบ้านเราอีกด้วย

          มาต่อกันนะคะ เมื่อบ้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง การตกแต่งงานสถาปัตย์เริ่มแล้ว Inspector ของเราคุณก้องก็คือผู้รับเหมาตอนรีโนเวทตึกตอนทำโฮสเทล ที่เคยตั้งฉายาอิฉันว่า สถาปนึก วิศวะกะ มัณฑนาเกิน มาแล้ว พอมาถึงหลังนี้แกบอกว่าเริ่มไว้ใจในเรื่องการออกแบบแล้ว ชอบทำอะไรที่ชาวบ้านเขาไม่ค่อยทำกัน แต่พอออกมาแล้วดูดี ดูโอเคมาก

          งานที่ยากที่สุดน่าจะเป็นงานไม้ เราแบ่งช่างเป็นสองช่าง คือช่างไม้ที่เป็นคนทำวงกบ และหน้าต่าง 6 บานหน้าบ้าน และประตูข้างประตูหน้าบ้านสองบาน ที่ติดกระจก บ้านของเราไม่ติดเหล็กดัด หน้าบ้านเราเลยใช้บานคู่ประกบกับประตูหน้าบ้านเพื่อเพิ่มช่องแสงด้วยการติดกระจกสีเขียวใสกรองแสงอีกที

          - อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทิ้งเงินไปหลายบาทคือสีที่ทาฝ้าเพดาน จากตอนแรกเราไปซื้อสีที่สำเร็จที่มีชาร์ทของสี เราเลือกสีไม้สักทองมาให้ช่าง แต่ ๆ เผลอไปตลาดแป้บเดียวกลับมาต้องร้อง สต็อปปปป เพราะมันออกสีส้มแปร๋นมาเลย หายนะมาเยือนโดยแท้ 555 เลยต้องไปสั่งผสมสีให้เข้ากับสีของกระเบื้องพื้นระเบียงหน้าบ้าน ได้สีที่เข้ากันด้วยความพอใจ แต่ต้องทาสีขาวลบอีสีส้มแปร๋นออกไปก่อน แล้วถึงจะทาสีอีกสี่รอบถึงจะได้ตามที่เห็นนี่แหละค่ะ เป็นคำเตือนเลยว่าอย่าไปเชื่อสีตัวอย่างจากกระดาษ เพราะมันอาจจะทำให้เราเสียตังค์โดยใช่เหตุ

          - ห้องน้ำสองห้องของเราใช้กระเบื้องสีไม่เหมือนกัน สีเขียวของห้องรับแขก ส่วนสีฟ้าเป็นห้องน้ำในห้องนอนที่อิฉันต้องนอนกับคุณนายแม่ เพื่อดูแลนางอย่างใกล้ชิด เราก่อผนังกั้นระหว่างที่อาบน้ำกั้นส่วนเปียกส่วนแห้ง มีสเต็ปลงตรงหน้าประตูห้องน้ำ 1 สเต็ป และลงตรงส่วนอาบน้ำอีก 1 สเต็บ มีที่เช็ดเท้าหลังจากอาบน้ำแล้ว เท้าเราจะแห้งออกมาจากห้องน้ำเลยค่ะ อิฉันไม่ชอบเท้าเปียกออกจากห้องน้ำดังนั้นเราต้องแยกเป็นสองส่วน เพื่อให้ห้องน้ำของเราสะอาด และดูสวยงาม

          - บ้านของเรามีของแถมคือวิวพระอาทิตย์ตกไม่ซ้ำกันทุกวัน อนาคตไม่แน่เราอาจจะทำโฮมสเตย์ รับแขกในฤดูหนาว รับเป็นคู่แบบแพ็คเกจรับส่งสนามบิน พาเที่ยวถ่ายรูป พักที่บ้านเรา มีอาหารเหนือ และอาหารเช้าบริการ แต่เพื่อนบางคนขอกางเตนท์นอนที่สนามหญ้า หรือไม่ก็ระเบียงหน้าบ้าน

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก คุณ x-file Happy Makers