ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า มีวิธีอย่างไร มาดูวิธีซักผ้าด้วยเครื่องฝาหน้าและฝาบน พร้อมวิธีดูสัญลักษณ์การซัก และการเลือกโปรแกรมซักผ้าให้ถูกต้อง
เครื่องซักผ้า ของใช้ในบ้านที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการซักผ้าแทนการซักมือ ทั้งนี้ ก่อนใช้เราควรรู้วิธีการใช้เครื่องซักผ้า ทั้งสัญลักษณ์ต่าง ๆ โปรแกรมซักผ้า และขั้นตอนการซัก เพื่อจะได้ถนอมผ้าและรักษาเครื่องซักผ้าให้อยู่กับเราได้นานที่สุด
สัญลักษณ์เครื่องซักผ้า
รอบการซักปกติ
ซักผ้าแบบลดรอยยับ
ซักแบบถนอมผ้า
ซักผ้าด้วยน้ำเย็น
ซักผ้าด้วยน้ำอุ่น
ซักผ้าด้วยน้ำร้อน
ซักผ้าด้วยน้ำอุณหภูมิ
ไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส
ซักผ้าด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิ
ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส
ซักผ้าด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิ
ไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส
ซักผ้าด้วยมือ
ไม่ควรซัก
วิธีเลือกโปรแกรมซักผ้า
การใช้โปรแกรมซักที่ถูกต้องจะช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูคำอธิบายการตั้งค่าเครื่องซักผ้าต่าง ๆ ด้านล่างเพื่อช่วยให้เลือกโปรแกรมซักที่ถูกต้องทุกครั้ง
Delicate
ซักแบบถนอมผ้า (Delicate) ควรใช้กับผ้าที่บอบบาง เช่น ชุดชั้นใน ชุดลูกไม้ และผ้าไหม มีความเร็วในการปั่นที่ช้ากว่าโหมดปกติ และระยะเวลาการซักสั้นลง จะช่วยป้องกันการยืดและการฉีกขาดของผ้า
Rapid Wash / Speed Wash
ซักแบบด่วน (Rapid Wash, Speed Wash) การตั้งค่านี้เหมาะกับรอบการซักที่สั้นและปั่นหมาดด้วยความเร็วสูง ไม่เหมาะกับผ้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และผ้าที่จะนำไปซักในโหมดนี้ไม่ควรเป็นผ้าที่สกปรกมาก ไม่อย่างนั้นผ้าอาจจะไม่สะอาดเท่าที่ควร ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือน้อยกว่า
Permanent Press
ซักสำหรับผ้ารีดสำเร็จ (Permanent Press) เป็นการซักด้วยความเร็วปานกลาง ปั่นหมาดด้วยความเร็วต่ำ และพักเครื่องเพื่อลดรอยยับ สำหรับเสื้อผ้าสีเข้ม ผ้าสี ผ้าใยสังเคราะห์ ผ้าผสม และเสื้อผ้ารีดถาวร
Normal
Rinse and Spin
ซักน้ำเปล่าและปั่นหมาด (Rinse and Spin) รอบนี้ไม่ใช้ผงซักฟอก เพียงล้างน้ำเปล่าแล้วปั่นความชื้นออกจากเนื้อผ้าเท่านั้น
Heavy Duty
ซักแบบหนัก (Heavy Duty) มีรอบการซักที่ยาวนานขึ้นด้วยการซัก หมุน และปั่นหมาด ด้วยความเร็วสูง เพื่อขจัดความชื้นให้ได้มากที่สุด เหมาะสำหรับผ้าเช็ดตัวและผ้าที่มีความทนทาน เช่น ยีน นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับสิ่งของที่สกปรกมากอีกด้วย
Bulky
ซักผ้าขนาดใหญ่ (Bulky) บางเครื่องมีปุ่มการตั้งค่าสำหรับผ้าห่มและสิ่งของชิ้นใหญ่อื่น ๆ เช่น ผ้านวม พรม และหมอน จะเริ่มต้นด้วยการแช่น้ำผสมผงซักฟอกก่อนเพื่อให้ซึมเข้าสู่เนื้อผ้า ใช้การซักปานกลางและปั่นหมาดเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เครื่องซักผ้าสั่นหรือไม่สมดุล
Sheet
ซักผ้าปูที่นอน (Sheet) หากเครื่องมีปุ่มตั้งค่าสำหรับผ้าปูที่นอนแยกต่างหาก ควรใช้กับผ้าปูที่นอนหรือผ้าชิ้นใหญ่ เนื่องจากมีการตั้งค่าไว้โดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของชิ้นใหญ่พันกันเป็นก้อนกลม ถ้าไม่มีโปรแกรมนี้ให้เลือกโปรแกรมซักแบบปกติ
White
ซักผ้าขาว (White) หากเครื่องมีปุ่มซักผ้าขาวจะมีช่องให้ใส่น้ำยาซักผ้าขาวชนิดคลอรีน รอบการซักผ้าขาวจะมีรอบการซักและปั่นหมาดด้วยความเร็วสูง
Steam
ซักด้วยไอน้ำ (Steam) เครื่องซักผ้าระดับบนสุดหลายรุ่นมีฟังก์ชันซักด้วยไอน้ำ เพื่อขจัดรอยยับอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ช่วยทำความสะอาดอย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับเสื้อเชิ้ต
Soil Level
ระดับความสกปรก (Soil Level) เครื่องซักผ้าบางรุ่นสามารถตั้งค่าระดับความสกปรกที่เปลี่ยนแปลงได้ หากเลือกตั้งค่าความสกปรกต่ำ เวลาปั่นจะสั้นลงและเพิ่มขึ้นเมื่อการตั้งค่าเปลี่ยนไป
Spin Speed
ความเร็วการปั่นหมาด (Spin Speed) หากเครื่องซักผ้ามีการตั้งค่าความเร็วของการปั่นหมาดได้ ให้เลือกความเร็วการปั่นหมาดที่ต่ำลงสำหรับผ้าที่บอบบาง เพื่อลดรอยยับ การพันกัน และความเสียหายที่อาจเกิดกับเส้นใยผ้า แล้วเลือกความเร็วปั่นครั้งสุดท้ายที่สูงขึ้น จะดึงน้ำออกมามากขึ้น ลดเวลาการอบแห้ง
วิธีซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า
ในการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า ควรทำตามขั้นตอนในการซักเสื้อผ้าดังต่อไปนี้
1. แยกสีเสื้อผ้า
ไม่ควรซักเสื้อผ้าสีขาวหรือสีอ่อนรวมกับเสื้อผ้าสีสันสดใสหรือผ้าสีเข้ม เครื่องซักผ้าบางยี่ห้อมีฟังก์ชันซักผ้าขาวต่างหาก หรืออาจเรียงเสื้อผ้าซ้อนกันตามสีและเนื้อผ้าก่อนนำเข้าเครื่อง
2. เลือกโปรแกรมการซัก
การเลือกโปรแกรมการซักที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลเสื้อผ้า ถ้าเป็นเสื้อผ้าเนื้อบอบบางต้องเลือกโหมดการซักแบบถนอม หรืออาจดูป้ายการดูแลผ้าของเสื้อผ้าเพื่อตัดสินใจเลือกโปรแกรมการซัก เพื่อทำให้เสื้อผ้าสะอาดพร้อมทั้งปกป้องเนื้อผ้าไปพร้อมกันด้วย
3. ตั้งอุณหภูมิของน้ำ
ควรเลือกอุณหภูมิของน้ำให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า เช่น ถ้าต้องการใช้น้ำร้อน สามารถใช้ได้กับผ้าเช็ดตัว เครื่องนอน ผ้าที่ทนทาน ผ้าเช็ดในครัว และผ้าสกปรกมาก เป็นต้น ควรใช้น้ำอุ่นกับผ้าที่สกปรกปานกลาง ผ้าสีเข้ม และผ้าที่ต้องรีด นอกจากนี้เมื่อซักผ้าที่บอบบางหรือเสื้อผ้ามัดย้อม ให้ใช้น้ำเย็นในรอบที่ละเอียดอ่อน
4. ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม
สิ่งสำคัญคือต้องอ่านคู่มือเครื่องซักผ้าก่อนเติมผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ปริมาณผงซักฟอกจะแตกต่างกันไปตามประเภทของเครื่องซักผ้าและขนาดผ้า ดังนั้น ให้ดูที่กล่องผงซักฟอกและฉลากเครื่องซักผ้าเพื่อดูว่าควรใช้ปริมาณเท่าใด
5. ใส่เสื้อผ้าลงไป
ใส่เสื้อผ้าลงในเครื่องซักผ้า การใส่เสื้อผ้าลงในเครื่องมากเกินไปอาจทำให้เสื้อผ้าไม่ได้รับการซักอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาในการทำงานและทำให้เครื่องเสียหายได้ เครื่องซักผ้าบางรุ่นมีการระบุปริมาณของเสื้อผ้าที่ควรบรรจุในถังซัก ดังนี้
- ผ้าน้อย ประมาณ 1/3 ของถัง
- ผ้าปานกลาง ประมาณ 1/2 ของถัง
- ผ้ามาก ประมาณ 3/4 ของถัง
6. ปิดเครื่องซักผ้า
ปิดฝาเครื่องซักผ้าฝาบนหรือฝาหน้า แล้วกดปุ่ม Start เครื่องซักผ้าบางเครื่องมีการเตือนว่าประตูปิดสนิทหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีการเตือนควรตรวจสอบก่อนซักทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
7. นำเสื้อผ้าออกมา แล้วทำความสะอาดเครื่องซักผ้า
หลังจากเครื่องซักผ้าทำงานเสร็จแล้วให้เปิดประตู เพื่อให้อากาศถ่ายเทและไม่ให้เชื้อราเจริญเติบโต ทั้งนี้ ควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำด้วยน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา เพราะหากไม่สะอาด เครื่องซักผ้าก็จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
เห็นไหมว่าการใช้เครื่องซักผ้าสำหรับซักผ้ามีขั้นตอนที่ง่ายมาก ถ้าหากเรารู้ความหมายของสัญลักษณ์และเลือกโปรแกรมการซักได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ควรหมั่นทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำเพื่อเป็นการถนอมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ ด้วย
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วิธีซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า :
- 10 สูตรซักผ้าขาวให้เหมือนใหม่ หมองแค่ไหนก็กลับมาขาวจั๊วะ
- 8 วิธีใช้เครื่องซักผ้าเลี่ยงไว้ก็ดี ทำแบบนี้พังเร็วขึ้นแน่ ๆ !
- รู้ไว้ใช่ว่า...สัญลักษณ์สากลในการดูแลรักษาเสื้อผ้า ที่ควรจำเอาไว้ให้แม่น !
- 6 วิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ให้ผ้านุ่มหอมนาน พร้อมช่วยถนอมชุดโปรด
- 7 วิธีซักผ้าให้หอม ติดทนนาน เหมือนออกมาจากร้านซักรีด
ขอบคุณข้อมูลจาก : love2laundry.nl, thespruce.com และ croma.com