วิธีซักผ้าโดนน้ำท่วม ผ้าสกปรกเลอะดินโคลนทำความสะอาดอย่างไร ใช้น้ำยาซักผ้าแบบไหน ผ้าแต่ละชนิดซักอย่างไร มีอะไรที่ควระวังบ้าง
หลังน้ำท่วมก็ได้เวลามาเคลียร์บ้านแล้ว โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่โดนน้ำท่วม ถ้าเสียหายหนักก็ต้องทิ้งไป แต่ถ้าพอจะซักได้ก็นำมาซักเถอะ จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อใหม่ วันนี้เราก็มีวิธีซักผ้าโดนน้ำท่วมมาฝาก ทั้งประเภทน้ำยาซักผ้าที่ควรใช้ และการซักผ้าให้เหมาะสมตามชนิดผ้า เพื่อให้เสื้อผ้ากลับมาสะอาด ใส่ได้ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ
อันตรายจากคราบน้ำท่วม
คราบน้ำท่วมช่วงแรกอาจดูไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหากทิ้งไว้นานคราบดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากอาจปนเปื้อนสารเคมีและจุลินทรีย์ก่อโรคที่อาจแพร่กระจายโรคติดเชื้อได้
นอกจากนี้เสื้อผ้าถูกน้ำท่วม การซักผ้าตามปกติอาจไม่เพียงพอที่จะฆ่าแบคทีเรียและเชื้อราที่เกิดขึ้นจากคราบน้ำท่วมได้ เนื่องจากแบคทีเรียสามารถมีชีวิตอยู่ในเนื้อผ้าได้ แม้จะซักด้วยผงซักฟอกและน้ำตามปกติแล้ว รวมทั้งสปอร์เชื้อราก็ทำให้เสื้อผ้าเสียหายได้เช่นกัน
ประเภทน้ำยาซักเสื้อผ้า
เนื่องจากน้ำยาซักผ้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคที่เจริญเติบโตบนเสื้อผ้าได้ทั้งหมด แบคทีเรียและไวรัสบางชนิดสามารถอยู่รอดได้แม้ว่าจะซักผ้าด้วยน้ำร้อนก็ตาม แต่การใช้น้ำร้อนซักเสื้อผ้าติดต่อกันเป็นเวลานานก็ไม่แนะนำเช่นกัน เพราะอาจทำให้สีซีดจางและเสื้อผ้าเสียหายได้
ทั้งนี้ มีน้ำยาซักผ้าที่ออกแบบมาเพื่อฆ่าแบคทีเรียบางชนิดบนเสื้อผ้าที่เสียหายจากน้ำท่วมได้หมด แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าการจัดการกับคราบน้ำท่วมนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ควรให้ร้านซักแห้งมืออาชีพทำหน้าที่แทน เพราะเขาจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเสื้อผ้าหรือน้ำยาซักผ้าที่ฆ่าแบคทีเรีย เช่น
1. คลอรีน บลีช
คลอรีน บลีช (Chlorine Bleach) หรือโซเดียมไฮโปคลอไรต์ หรือสารฟอกขาว มักใช้เพื่อขจัดคราบน้ำท่วมที่ฝังแน่น ความเข้มข้น 5.25 - 6.15% ถือว่ามีประสิทธิภาพเมื่อซักผ้าโดยใช้น้ำร้อน น้ำอุ่น หรือน้ำเย็น ทั้งนี้ ก่อนใช้ควรเจือจางด้วยน้ำสะอาดก่อนใส่ลงในเครื่องซักผ้าเสมอ และน้ำยาฟอกขาวไม่เหมาะสำหรับการซักผ้าสแปนเด็กซ์ ผ้าไหม และผ้าขนสัตว์ ขณะที่การเทลงบนผ้าโดยตรงอาจทำให้เกิดความเสียหายถาวรได้
2. น้ำยาฆ่าเชื้อในกลุ่มฟีนอล
น้ำยาฆ่าเชื้อในกลุ่มฟีนอล (Phenolic Disinfectants) น้ำยาฆ่าเชื้อกลุ่มนี้เป็นทางเลือกแทนสารฟอกขาวคลอรีน เนื่องจากมีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสและแบคทีเรีย และมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อซักผ้ากับน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น
3. น้ำยาฆ่าเชื้อน้ำมันสน
น้ำยาฆ่าเชื้อน้ำมันสน (Pine Oil Disinfectants) การใส่น้ำมันสนลงไปซักพร้อมกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส, อีโคไล, ซาลโมเนลลา เป็นต้น แนะนำให้เติมน้ำมันสนในช่วงเริ่มต้นรอบการซักโดยใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่น
วิธีซักผ้าหลังน้ำท่วม
1. แยกเสื้อผ้า
แยกเสื้อผ้าที่เปียกน้ำออก และพิจารณาว่าจะเก็บชิ้นไหนไว้บ้าง หากเสื้อผ้าเปียกน้ำและเสียหายจากน้ำท่วมมากเกินกว่าจะซักแล้วให้ตัดสินใจทิ้งไปซะ เพราะเสื้อผ้าเหล่านั้นจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ จากนั้นแยกว่าแบบไหนจะซักด้วยเครื่องซักผ้า แบบไหนซักด้วยมือ แบบไหนสำหรับซักแห้งเท่านั้น และวางกองเสื้อผ้าแยกออกมาจากเสื้อผ้าทั่วไป
2. แยกเสื้อผ้าสีขาวออกจากเสื้อผ้าสี
เสื้อผ้าสีอาจสีตกเมื่อซัก ดังนั้น ให้แยกเสื้อผ้าสีขาวออกจากเสื้อผ้าสีเพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าสีทำลายเสื้อผ้าสีขาว ระหว่างขั้นตอนการแยกเสื้อผ้าอย่าใส่เสื้อผ้าในถุงพลาสติก เนื่องจากเชื้อราจะยังคงเติบโตต่อไปเพราะไม่มีการระบายอากาศ ควรวางไว้ที่ที่มีอากาศถ่ายเทเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราเติบโต
3. ทำการล้างน้ำครั้งแรก
อย่าล้างน้ำครั้งแรกในเครื่องซักผ้า หากมีเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงให้ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อขจัดคราบโคลนที่เกาะอยู่บนเสื้อผ้าก่อน หรือใช้สายยางฉีดน้ำออกก่อนได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญคือต้องขจัดคราบโคลนและตะกอนอื่น ๆ ที่แทรกซึมผ่านเส้นใยของเสื้อผ้าเพื่อให้กระบวนการซักง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคราบโคลนที่เกาะอยู่ค่อนข้างยากในการขจัดออก ควรแช่เสื้อผ้าที่เปื้อนในน้ำเย็นผสมกับผงซักฟอกข้ามคืน
4. ซักผ้าให้เหมาะสม
นอกจากการเลือกวิธีซักผ้าให้เหมาะกับเนื้อผ้าแต่ละประเภทแล้วว่าควรซักด้วยมือ เครื่องซักผ้า หรือซักแห้ง อย่าลืมเช็กอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสมด้วย ดังนี้
-
ผ้าฝ้าย : ผ้าฝ้ายเป็นวัสดุที่นิยมใช้ทำเสื้อเชิ้ตมากที่สุด ควรซักด้วยมือและใช้น้ำเย็นเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าหดตัว และตากให้แห้ง
-
ผ้าลินิน : ควรซักผ้าลินินด้วยมือในน้ำเย็นและตากให้แห้ง การรีดผ้าลินินทันทีหลังซักหรือในขณะที่ผ้ายังชื้นอยู่เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการป้องกันไม่ให้ผ้ายับ
-
พอลิเอสเตอร์ : เนื่องจากพอลิเอสเตอร์เป็นผ้าที่ทนทาน สามารถซักและทำให้แห้งได้อย่างง่ายดายโดยใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้น้ำอุ่นในการซักเส้นใยผ้าชนิดนี้ได้อีกด้วย
-
ผ้าไหม : ผ้าไหมสีอาจซีดได้ง่าย ดังนั้น ควรซักด้วยมือเสมอ สำหรับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นให้ใช้น้ำเย็นและผงซักฟอกสำหรับดูแลผ้าไหมโดยเฉพาะ
-
ผ้าขนสัตว์ : ผ้าขนสัตว์ ผ้าแคชเมียร์ และผ้าเมอริโน อาจมีการขึ้นขน ซึ่งเกิดขึ้นจากเส้นใยพันกันหลังจากการซัก ดังนั้น ควรซักด้วยมือและตากผ้าที่ทำจากผ้าขนสัตว์
5. ตากผ้าให้แห้งเพื่อซักแห้ง
เสื้อผ้าที่ต้องซักแห้งควรนำไปที่ร้านซักแห้งเท่านั้น หลังจากเอาคราบโคลนออกแล้วให้แขวนผ้าให้แห้ง จากนั้นเมื่อแห้งแล้วให้รีบนำไปที่ร้านซักรีดทันที
6. ตรวจสอบคราบสกปรก
ในบางกรณีคราบโคลนและคราบน้ำท่วมยังคงอยู่แม้จะซักแล้ว ให้ซักเครื่องหรือซักมืออีกรอบเมื่อคราบยังมีอยู่ โดยใช้สารฟอกขาวเพื่อขจัดคราบเหล่านี้ออกจากเนื้อผ้าให้หมด มีสารฟอกขาวอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ โซเดียมไฮโปคลอไรต์ (Sodium Hypochlorite) ใช้กับเสื้อผ้าสีขาวและมีประสิทธิภาพดีมากในการขจัดคราบทุกประเภท และออกซิเจนฟอกขาว ออกซิเจน บลีช (Oxygen Bleach) มีความอ่อนโยนกว่าและใช้กับเสื้อผ้าสี นอกจากนี้การใช้เบกกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู และกรดซิตริก ยังช่วยขจัดคราบน้ำท่วมได้อีกด้วย
เรื่องที่ควรทำและห้ามทำในการซักผ้าโดนน้ำท่วม
-
น้ำท่วมสร้างความเสียหายให้กับเสื้อผ้า ทำให้เสื้อผ้าเลอะดินหรือโคลน ต้องใช้น้ำฉีดคราบสกปรกออก และใช้คลอรีน บลีช (Chlorine Bleach) ช่วยในการทำความสะอาด
-
ไม่ควรเอาเสื้อผ้าน้ำท่วมใส่ถุงพลาสติกใบใหญ่หรือถุงขยะ เนื่องจากเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดี
พอน้ำลดเราก็ต้องเข้าไปทำความสะอาดบ้าน และต้องเคลียร์เสื้อผ้าที่เลอะโคลนดิน ใครอยากซักผ้าลองนำวิธีซักผ้าหลังน้ำท่วมที่เรานำมาฝากกันวันนี้ไปใช้นะคะ