วิธีปลูกมะยงชิด ผลไม้มากประโยชน์ รสหวานอมเปรี้ยว

วิธีปลูกมะยงชิด ผลไม้หน้าร้อน รสชาติหวานอมเปรี้ยว ต่างจากมะปรางยังไง ปลูกยังไงให้รอด โตไวและลูกดก ตามไปดูกันเลย

มะยงชิด

เรียกว่าในช่วงหน้าร้อน มะยงชิด กลายเป็นผลไม้ยอดฮิตที่หลายคนตามหา ด้วยรสชาติเปรี้ยวอมหวานที่กินแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นคลายร้อน แถมยังทำได้หลายเมนู อีกทั้งราคาก็พุ่งขึ้นไม่น้อย ทำให้หลายคนอยากลองปลูกดูบ้าง วันนี้เลยขอนำวิธีปลูกมะยงชิดมาฝากกัน พร้อมทริกปลูกยังไงให้รอด โตไว มีลูกดก และช่วยให้ร่มเงากับบ้าน

ลักษณะต้นมะยงชิด

มะยงชิด

มะยงชิด (Marian Plum) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bouea Oppositifolia (Roxb.) เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ลำต้นสีน้ำตาลแก่ สูงได้ถึง 30 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นทรงพุ่ม ใบสีเขียวอ่อนปนน้ำตาล และเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มเมื่อแก่ ความยาวประมาณ 10-12 ซม. กว้าง 3-5 ซม. ผิวเป็นเงามัน ดอกสีขาวคล้ายดอกมะปราง ขนาดประมาณ 0.5 ซม. เมื่อบานเต็มที่ ผลกลมยาวรีคล้ายไข่เป็ด เมื่ออ่อนมีสีเขียวอ่อน แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีกระดังงา และกลายเป็นสีเหลืองปนส้มเมื่อสุกงอมเต็มที่ มีกลิ่นหอม ในแต่ละผลมี 1 เมล็ด เนื้อในของเมล็ดมีสีม่วง สายพันธุ์ที่นิยมปลูกขายได้ราคาดี ได้แก่ มะยงชิดพันธุ์เพชรกลางดง พันธุ์ทูลเกล้า และพันธุ์บางขุนนนท์

มะยงชิด VS มะปราง

มะยงชิด

หากดูเผิน ๆ อาจจะคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้ว มะยงชิด มีจุดที่แตกต่างจากมะปราง โดยส่วนใหญ่ผลของมะปรางจะมีขนาดเล็กกว่ามะยงชิด ผลดิบของมะปรางจะออกสีเขียวซีด มีรสมัน แต่ผลมะยงชิดจะมีสีเขียวจัด รสเปรี้ยว จะสังเกตความแตกต่างง่ายขึ้นเมื่อผลสุก เพราะผลมะปรางจะออกสีเหลืองนวลอ่อน มีรสหวานถึงหวานจืด บางสายพันธุ์มียาง กินแล้วอาจทำให้รู้สึกคันคอ ในขณะที่ผลของมะยงชิดเมื่อสุกจะมีสีเหลืองอมส้ม รสหวานอมเปรี้ยว ไม่มียาง กินแล้วรู้สึกระคายคอน้อยกว่ามะปราง

วิธีปลูกมะยงชิด

ต้นมะยงชิด

ต้นมะยงชิดปลูกง่าย โตไว ปลูกได้ในทุกสภาพภูมิอากาศ และให้ผลผลิตนาน ปลูกด้วยการเพาะเมล็ดได้ แต่ส่วนใหญ่จะขยายพันธุ์ด้วยการทาบกิ่งเพราะจะไม่กลายพันธุ์ สำหรับมะยงชิดปลูกใหม่ควรพรางแสงให้โดนแดดรำไร ป้องกันไม่ให้ใบอ่อนถูกเผา โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน แต่เมื่อต้นโตควรปลูกในที่ที่มีแดดตลอดวัน โดยมะยงชิดจะออกดอกเมื่ออายุได้ประมาณ 2-3 ปี ช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม และออกผลช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม หรือหลังออกดอกประมาณ 75-80 วัน 

ควรเริ่มปลูกมะยงชิดช่วงต้นฤดูฝนหรือประมาณเดือนพฤษภาคม โดยนำกิ่งพันธุ์ปลูกในดินผสมปุ๋ย ขนาดหลุมปลูกประมาณ 50x50x50 ซม. ดินที่ใช้ควรเป็นดินร่วนหรือที่ระบายน้ำได้ดี ไม่เป็นพื้นที่น้ำท่วมขัง ปักไม้หลักและผูกเชือกยึดกับต้น แล้วทำที่พรางแสงเพื่อลดแสงแดดในช่วงแรก ใช้ฟางหรือหญ้าคลุมโคนต้นช่วงฤดูร้อนเพื่อช่วยรักษาความชื้น พร้อมกับรดน้ำบริเวณโคนต้นอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ 2-3 วันต่อครั้ง แต่ไม่แฉะเกินไปเพราะจะทำให้โคนแน่น หลังปลูกไปแล้วประมาณครึ่งเดือนให้เติมปุ๋ยรอบโคนต้น และเมื่อต้นโตให้ใส่ปุ๋ยทุก 6 เดือน

วิธีปลูกมะยงชิดในกระถาง

  • นำดินดำ 1 ส่วน ต่อแกลบ 2 ส่วน และมูลสัตว์ 1 ส่วน มาผสมให้เข้ากัน 

  • นำดินที่ผสมแล้วมาเทในกระถางขนาด 12 นิ้วขึ้นไป โดยใส่ 2 ส่วน 3 ของกระถาง

  • นำกิ่งพันธุ์ที่ได้จากการทาบกิ่งมาปลูกลงไป แล้วนำดินที่เหลือมากลบ เกลี่ยหน้าดินให้เรียบร้อย

  • กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น แล้วปักไม้ยึดไว้ด้านข้าง นำเชือกมาผูกเข้ากับกิ่งให้แน่นแล้วรดน้ำให้ชุ่ม

ทั้งนี้ ในช่วงแรกควรหมั่นรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ หรือประมาณ 3-5 วันต่อครั้ง เมื่อต้นมะยงชิดอายุได้ประมาณ 3-6 เดือน ค่อยเปลี่ยนมารดน้ำ 7-10 ครั้งต่อเดือน และรดน้ำอย่างสม่ำเสมออีกครั้งช่วงแตกใบอ่อนหลังติดดอกอีกครั้ง

ประโยชน์ของมะยงชิด

ลูกมะยงชิด

มะยงชิด นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการ ได้แก่ มีสารเบต้าแคโรทีนและมีวิตามินสูง ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน บำรุงสายตา พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้มีความแข็แรง ไม่เจ็บป่วยง่าย

แถมยังสามารถนำไปทำเมนูได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นของหวานหรือเครื่องดื่ม อาทิ น้ำมะยงชิดโซดา มะยงชิดชีสพาย แยมมะยงชิด เค้กมะยงชิด ฯลฯ

เรียกได้ว่ามะยงชิดเป็นผลไม้ยอดนิยมในช่วงหน้าร้อน ไม่เป็นรองผลไม้หน้าร้อนชนิดอื่นกันเลย แต่หากอยากปลูกมะยงชิดต้องพิจารณาพื้นที่ในการปลูกและวิธีการดูแลกันด้วยนะคะ

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ มะยงชิด :

ขอบคุณข้อมูลจาก : dss.go.th, BIOTHAI, เกษตรกรก้าวหน้า และ svppijit.com 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิธีปลูกมะยงชิด ผลไม้มากประโยชน์ รสหวานอมเปรี้ยว อัปเดตล่าสุด 20 มีนาคม 2568 เวลา 09:56:26 65,729 อ่าน
TOP
x close