ความปลอดภัยในห้องครัวเป็นประเด็นที่ควรใส่ใจมากพอ ๆ กับความปลอดภัยของบ้าน เพราะเราใช้ห้องครัวกันแทบทุกวัน แถมหลายคนก็เคยเกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ อย่างลื่นล้มในห้องครัว หรือตั้งกระทะทิ้งไว้จนเกือบทำให้ไฟไหม้บ้านกันมาแล้ว และถ้าคุณก็เป็นอีกคนที่มักจะเกิดความชุลมุนเหล่านี้ในห้องครัวบ่อย ๆ คงจะดีไม่น้อยหากจะมาสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในห้องครัวกันบ้าง ซึ่งหากใครยังนึกไม่ออกว่าต้องสร้างความปลอดภัยให้ห้องครัวยังไง ก็ลองศึกษาได้จากวิธีต่อไปนี้เลยจ้า
1. เช็ดคราบน้ำที่เลอะเทอะในทันที
เป็นเรื่องธรรมดาที่ระหว่างประกอบอาหารในห้องครัว จะเกิดอุบัติเหตุอย่างน้ำหกเลอะเทอะ หรือเครื่องปรุงรสกระเด็นเปื้อนพื้น ซึ่งหากเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น คุณก็ควรจัดการเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำที่เปรอะเปื้อนโดยทันที เช็ดทำความสะอาดให้เกลี้ยงและแห้งสนิทเลยนะจ๊ะ จะได้ไม่มีใครเผลอลื่นล้มก้นจ้ำเบ้า
2. ตรวจสอบการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า
หากคุณมีเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องครัวหลายชนิด ทั้งไมโครเวฟ เตาอบ กระทะไฟฟ้า หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ ก็ควรต้องตรวจสอบการใช้งานของอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้เสมอ โดยเฉพาะสายไฟ และปลั๊กต่อพ่วงต่าง ๆ เพราะหากเกิดความชำรุดตรงจุดไหนขึ้นมารับรองว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะไม่เล็กแน่นอนนะคะ
3. เลี่ยงบันได หรืออุปกรณ์ที่ปีนป่ายได้
ในกรณีที่บ้านคุณมีเด็กเล็ก ๆ ภายในห้องครัวก็ไม่ควรมีบันได หรือโต๊ะสูง ๆ ที่เด็กวัยกำลังซนพอจะปีนป่ายขึ้นไปเล่นได้ อีกทั้งเก้าอี้เล็ก ๆ ที่เด็กจะปีนขึ้นไปเหยียบและเล่นซนที่เตาแก๊ส หรือปลั๊กได้ ก็ควรต้องไม่มีในห้องครัวด้วยเช่นกัน เพราะอุปกรณ์เหล่านี้อาจจะเป็นช่องโหว่ที่นำอันตรายมาถึงเจ้าตัวเล็กผู้เป็นที่รักของเราได้นะจ๊ะ
4. ติดตั้งระบบดับเพลิง
ห้องครัวเป็นส่วนที่ต้องใช้ฟืนไฟสำหรับประกอบอาหาร ซึ่งก็แน่นอนว่า ย่อมเสี่ยงจะเกิดอุบัติเพลิงไหม้ได้ ดังนั้นคุณควรติดตั้งระบบดับเพลิงเอาไว้ในห้องครัวบ้าง สำหรับบ้านใหม่ที่กำลังสร้างอาจจะติดตั้งหัวฉีด และระบบดับเพลิงบนเพดานห้องครัวไปเลย ส่วนบ้านไหนที่ไม่อยากเสียงบประมาณในส่วนนี้ อาจจะซื้อถังดับเพลิงมาติดเพดานไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินก็ได้จ้า
5. สวมรองเท้าพื้นยางทำครัว
อาจจะฟังดูไม่เข้าท่าเท่าไร แต่การใส่รองเท้าพื้นยางในห้องครัวก็สามารถช่วยเซฟคุณได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ มีดหรือของมีคมหล่นใส่เท้า และไหนจะช่วยป้องกันเหตุลื่นล้มได้อย่างดีเยี่ยมอีกต่างหาก
6. เสริมอุปกรณ์ป้องกันเด็ก
สำหรับบ้านที่มีเด็กวัยกำลังซน ควรเสริมอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยให้ลูกน้อยอย่างล็อกกันเด็ก (childproof locks) หรือเสริมพลาสติกสำหรับคลุมเหลี่ยมมุมของตู้ด้วย เด็ก ๆ จะได้ไม่สามารถเปิดตู้เก็บของ หรือเล่นซนในจุดที่อันตรายกับเขาได้ค่ะ
7. เก็บผ้าหรือวัตถุไวไฟให้ห่างเตา
เวลาทำครัวควรใส่เสื้อผ้าที่พอดีตัว ทะมัดทะแมง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอย่างชายผ้าติดไฟบนเตา เกิดเพลิงไหม้วุ่นวายใหญ่โต นอกจากนี้ก็ควรเก็บผ้าขี้ริ้ว ทิชชู รวมทั้งวัตถุไวไฟทุกชนิดไว้ห่าง ๆ เตาไฟด้วยนะ
8. ยาสามัญประจำบ้านต้องครบครัน
ภายในห้องครัวควรมีกล่องยาสามัญประจำบ้านติดไว้บ้าง และในกล่องยาสามัญประจำบ้านก็ต้องมีอุปกรณ์ทำแผลครบครัน ทั้งพลาสเตอร์ยา แอลกอฮอล์ล้างแผล น้ำเกลือล้างแผล ยาแดง ยาใส่แผลสด รวมทั้งเจลประคบร้อน-เย็น และเจลทาแผลพุพองด้วย เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน มีใครได้รับบาดแผลจะได้บรรเทาอาการเบื้องต้นได้ทันท่วงที
9. กำจัดวัสดุหักบิ่น หรือแตกร้าว
หากคุณยังคงใช้ถ้วย หรือจานชามที่หักบิ่น หรือยังไม่ได้เปลี่ยนกระจกตรงส่วนเคาน์เตอร์ที่มีรอยร้าวเป็นทางยาว ก็ควรต้องรีบจัดการตำหนิที่แสนอันตรายเหล่านี้ให้เรียบร้อย เพราะความเสียหายเล็ก ๆ ที่คุณมองข้ามเหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดอันตรายกับคนในบ้านได้ทุกเมื่อเลยล่ะค่ะ
10. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งที่ไม่ใช้งาน
ทุกครั้งหลังทำครัวเสร็จ หรือจะออกจากบ้าน คุณควรแวะเข้ามาตรวจสอบปลั๊กไฟในห้องครัวให้ถี่ถ้วน เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนที่ไม่ได้ใช้งานแล้วก็ควรถอดปลั๊กออกให้เรียบร้อย อย่าเสียบปลั๊กทิ้งไว้โดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ อ้อ ! แล้วก็เปลืองไฟโดยใช่เหตุด้วยจ้า
11. ระมัดระวังความร้อนจากไอน้ำและหม้อต้ม
ควันที่พวยพุ่งออกมาจากหม้อต้มที่ร้อนจัด ดูสวยงามเหมือนหมอกจาง ๆ ก็จริง แต่ถ้าโดนไอน้ำพุ่งใส่ผิวแบบจะจะ สักที รับรองว่า งานนี้มีเข็ดไปจนตายเลยเชียวล่ะ ฉะนั้นเวลาที่คุณทำครัว ไม่ว่าจะตั้งหม้อต้มซุป หรือนำอาหารเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟก็ตาม ควรใช้ความระมัดระวังในการเปิดหม้อต้ม และเปิดฝาครอบภาชนะด้วยนะจ๊ะ
งานในครัว และการทำอาหารทุกครั้ง ก็มีช่องโหว่ที่อาจสร้างอันตรายให้เราได้ไม่น้อยเลย ฉะนั้นเราก็ควรเตรียมมาตรการสร้างความปลอดภัยภายในห้องครัวให้ตัวเองกันสักหน่อยเนอะ สมาชิกในบ้านทุกคนจะได้ปลอดภัยไร้กังวลอีกต่อไปค่ะ