รวมสายพันธุ์ดอกไม้สวย ๆ ที่นิยมปลูกเป็นทุ่งดอกไม้ตามแหล่งท่องเที่ยว อยากมีสวนดอกไม้สวย ๆ แบบนั้นที่บ้านบ้าง ตามไปดูลิสต์ดอกไม้ไว้จัดสวนเองกันเลย กระแสการถ่ายรูปคู่กับทุ่งดอกไม้ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นที่นิยมในช่วงหน้าหนาว แต่ถ้าใครไม่สะดวกเดินทางไปเที่ยวชมดอกไม้ตามสถานที่ต่าง ๆ เราสามารถจัดสวนให้เป็นทุ่งดอกไม้เติมชีวิตชีวาให้กับบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นสวนหน้าบ้าน สวนหลังบ้าน หรือสวนข้างบ้าน ทำให้เราได้มุมนั่งเล่นเพิ่มและได้ถ่ายรูปแชร์ลงโซเชียลหรือเก็บเป็นความทรงจำด้วย ส่วนจะมีสายพันธุ์ดอกไม้อะไรที่น่าสนใจบ้างนั้นตามมาชมกันเลย ลักษณะ : ดอกทานตะวัน (Sunflower) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helianthus annuus L. มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ ลักษณะเป็นพืชล้มลุกอายุสั้น 1 ปี มีทั้งสายพันธุ์สูงและสายพันธ์ุเตี้ย ลำต้นตั้งตรงสูงได้ถึง 4 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวทรงรีใหญ่ออกตรงข้ามกัน ปลายใบแหลม ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย กลีบดอกวงนอกและวงในสีเหลืองอ่อน เมื่อดอกบานจะหันไปทางทิศตะวันออก เลยเป็นที่มาของชื่อดอกทานตะวัน ผลแห้งรูปรี แบนนูน ด้านหนึ่งมนอีกด้านแหลม เติบโตได้ทุกฤดูกาลโดยเฉพาะปลายฤดูฝนและฤดูแล้ง วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ควรปลูกในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี แต่ไม่ชอบน้ำขังและดินเป็นกรด รดน้ำพอให้ดินชุ่ม ไม่ควรปล่อยให้ดินแห้งเกินไป ชอบบริเวณที่มีแสงแดดตลอดวันหรือแสงแดดจัด ปลูกในกระถางหรือลงแปลงก็ได้เช่นกัน แหล่งท่องเที่ยว : ทุ่งดอกทานตะวันที่น่าสนใจ เช่น ไร่จำรัส ทุ่งทานตะวันเขาโด่ และทุ่งทานตะวันบ้านหัวดง จังหวัดลพบุรี ทุ่งทานตะวันไร่พราวตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ทุ่งทานตะวันเป๋าตุงฟาร์ม จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น ลักษณะ : ดอกทิวลิป (Tulip) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tulipa Hybrids มีถิ่นกำเนิดจากแถบเอเชีย เมดิเตอร์เรเนียน และตุรกี เป็นไม้ดอกมีหลายสีและหลายขนาดขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เช่น สีแดง เหลือง ชมพู ขาว เป็นต้น กลีบดอกชั้นเดียวแบบซ้อนกัน มีทั้งมีกลิ่นหอมและไม่มีกลิ่น ออกดอกในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นประมาณเดือนธันวาคมถึงมีนาคม หรือในที่อุณหภูมิเฉลี่ย 18-20 องศาเซลเซียส วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยวิธีแยกหัว ปลูกด้วยน้ำ โดยนำหัวทิวลิปวางในขวด เติมน้ำแค่พอถึงก้นหัว แล้วนำไปแช่เย็นช่องธรรมดา ถ้าน้ำมีสีเหลืองให้เปลี่ยนน้ำ พอมีใบงอกครบ 2 ใบ และมีดอก สามารถนำออกมาวางไว้ในห้องแอร์ได้ หรือปลูกในกระถางใช้ดินผสมทรายหรือขุยมะพร้าวล้วน แล้วนำหัวลงปลูกในกระถางที่รดน้ำเย็นจนชุ่ม แหล่งท่องเที่ยว : สถานที่ท่องเที่ยวที่มีดอกทิวลิปที่น่าสนใจ เช่น Miracle of Natural ฟาร์มดอกไม้เมืองหนาว ณ อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา PTTLNG ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ลักษณะ : ดอกคัตเตอร์ (Cutter Flower) หรือพีค็อก (Aster Peacock) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Symphyotrichum ericoides (Aster ericoides) มีถิ่นกำเนิดจากทวีปอเมริกาเหนือ ลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงได้ถึง 1 เมตร ใบรูหอก ก้านสั้น ดอกออกเป็นช่อ มีหลายสีตามสายพันธุ์ เช่น ขาว น้ำเงิน เหลือง ชมพู เป็นต้น วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยหน่อ ต้นกล้า หรือเมล็ด ชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดด ชอบความชุ่มชื้นแต่ไม่ชอบน้ำขัง ควรให้ปุ๋ยคอกหรือชีวภาพ 1-2 ครั้งต่อเดือน ปลูกได้ทุกสภาพอากาศ แหล่งท่องเที่ยว : เนื่องจากสายพันธุ์ที่ปลูกในไทยสามารถเติบโตได้ในอุณหภูมิปกติของประเทศไทย สามารถไปเที่ยวทุ่งดอกคัตเตอร์ได้ที่ I Love Flower Farm และ Flower Lovers.CNX จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะ : ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) หรือดอกสามเดือน ดอกหกเดือน ดอกสามสี มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hydrangea macrophylla (Thunb.) Ser. มีถิ่นกำเนิดมาจากจีนและญี่ปุ่น ลักษณะเป็นไม้ดอกทรงพุ่ม สามารถสูงได้ถึง 2 เมตร ใบเป็นรูปไข่ ปลายแหลม โคนมน ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อมีดอกย่อยเล็ก ๆ ดอกมีหลายสีตามสายพันธุ์ ทั้งสีขาว สีชมพู สีแดง สีฟ้า เป็นต้น จุดเด่นของไฮเดรนเยียนั้นอยู่ที่ดอกสามารถเปลี่ยนสีได้ตามค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน กับปริมาณของฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ดังนั้นถ้าอยากให้ดอกมีสีน้ำเงินก็ต้องทำให้ดินปลูกมีสภาพเป็นกรด แต่ถ้าหากอยากได้ดอกสีชมพูหรือสีม่วงก็ทำให้ดินมีค่าเป็นด่าง ส่วนดอกที่มีสีครีมซีดจะเกิดจากดินที่มีสภาพเป็นกลางนั่นเอง วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ต้นกล้าด้วยวิธีปักชำ โดยนำกิ่งไฮเดรนเยียที่ยังไม่ออกดอก ความยาวประมาณ 5-6 นิ้ว ปักก้านลงไปในขุยมะพร้าว ประมาณ 2-3 สัปดาห์ย้ายลงดิน ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี เลือกปลูกในตำแหน่งที่อากาศถ่ายเทสะดวก อย่าวางหรือปลูกในตำแหน่งที่มีแสงแดดจัดตลอดวัน ยิ่งอากาศเย็นยิ่งออกดอกมาก ควรเลือกตำแหน่งปลูกที่มีร่มเงาและมีแสงแดดรำไรครึ่งวัน แหล่งท่องเที่ยว : ถ้าอยากชมทุ่งดอกไฮเดรนเยียสวย ๆ ในช่วงหน้าหนาวนี้ก็มีหลายแห่งเลย ไม่ว่าจะเป็นโครงการหลวงขุนแปะกับดอยม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะ : ดอกเก๊กฮวย (Chrysanthemum) หรือดอกเบญจมาศสวน หรือดอกเบญจมาศหนู มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ชื่อวิทยาศาสตร์ของเก๊กฮวยดอกขาว คือ Dendranthema morifolium (Ramat.) Tzvel. หรือ Chrysanthemum morifolium Ramat. ชื่อวิทยาศาสตร์ของเก๊กฮวยดอกเหลือง คือ Dendranthema indicum L. หรือ Chrysanthemum indicum L. ลักษณะเป็นไม้ล้มลุก สูงได้ถึง 150 เซนติเมตร เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่อากาศหนาว ดอกเก๊กฮวยเป็นดอกขนาดเล็ก กลีบดอกเป็นชั้นหนา ออกดอกได้ดีในช่วงฤดูหนาว โดยส่วนใหญ่จะนิยมเก็บดอกมาตากแห้ง นึ่ง หรืออบแห้ง แล้วนำมาทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำ ช่วง 7 วันแรกต้นกล้าจะยังไม่ค่อยแข็งแรง ต้องรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ต่อจากนั้นรดน้ำเพียง 1 ครั้งต่อวัน (ช่วงเช้า) ใช้ดินร่วนระบายน้ำได้ดี สำหรับปุ๋ยใช้ปุ๋ยหมัก 1 ลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ปลูกลงกระถางหรือลงแปลงดินก็ได้ แหล่งท่องเที่ยว : พบกับทุ่งดอกเก๊กฮวยได้ที่บ้านอมลอง อำเภอสะเมิง หรือสวนแม่ขิฟาร์มสเตย์ จังหวัดเชียงใหม่ หรือเลิฟเวอร์ฟลาวเวอร์ฟาร์ม จังหวัดนครราชสีมา ลักษณะ : ดอกบัวตอง (Mexican Sunflower Weed) หรือดาวเรืองญี่ปุ่น หรือทานตะวันหนู มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tithonia diversifolia (Hemsl.) A.Gray. มีถิ่นกำเนิดจากแถบเม็กซิโก เป็นไม้ดอกสีเหลืองคล้ายดอกทานตะวันแต่มีขนาดเล็กกว่า สามารถสูงได้ถึง 5 เมตร ดอกออกเป็นช่อเดี่ยวบริเวณปลายกิ่ง กลีบดอกเรียวมีประมาณ 12-14 กลีบ ดอกจะสวยต้องปลูกบนที่สูงประมาณ 600 เมตรขึ้นไป โดยจะออกดอก 1 ครั้งในช่วงหน้าหนาว หรือในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด โดยนำเมล็ดที่อยู่ในดอกแห้งมาโรยลงกระถางแล้วรดน้ำชุ่ม ๆ พองอกเป็นต้นก็เอาไปปลูกลงดิน สามารถเติบโตได้ในดินทุกประเภท ถ้าในช่วงฤดูฝนจะแตกกิ่งหนาแน่นมาก เติบโตได้ง่ายมากโดยไม่ต้องรดน้ำ อาศัยเพียงน้ำฝนก็พอแล้ว ถ้าต้องการให้ออกดอกควรปลูกในที่อากาศเย็นและมีแสงแดดจัด แหล่งท่องเที่ยว : มักพบอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคเหนือ โดยเฉพาะทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ลักษณะ : ดอกมาร์กาเร็ต (Marguerite) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Argyranthemum frutescens ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกเลื้อยตามพื้นดินอายุหลายปี สูงได้ถึง 60 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยวมีขนละเอียด รูปใบหอก ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก ดอกเป็นดอกเดี่ยวมีทั้งชั้นเดียวและสองชั้น ช่อดอกมีหลายสี เช่น สีม่วง สีน้ำเงิน สีชมพู สีขาว เป็นต้น วิธีปลูก : นิยมปลูกด้วยเมล็ด และขยายพันธุ์ได้จากหน่อหรือกอ ชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี ใส่ปุ๋ยคอกร่วมด้วยได้ ชอบอากาศหนาวหรืออากาศเย็น แหล่งท่องเที่ยว : สามารถชมทุ่งดอกมาร์กาเร็ตได้ที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ หรือ The Village Farm To Cafe จังหวัดกาญจนบุรี ลักษณะ : บัวแดง (Red Indian Water Lily, Red Lotus Sea) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Nymphaea lotus L. มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ลักษณะเป็นไม้น้ำหรือพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน ชูก้านใบและดอกบนผิวน้ำ ใบมีลักษณะกลมใหญ่ ผิวเรียบ สีเขียว ดอกเป็นกลีบซ้อนกันหลายชั้น มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เช่น สีชมพู สีขาว และม่วงอมแดง ดอกจะบานในช่วงหน้าหนาวเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด แต่ไม่นิยมเนื่องจากยุ่งยาก หรือแยกเหง้าปลูกลงดิน เมื่อเติบโตจึงนำลงปลูกในแหล่งที่ต้องการ โดยเฉพาะบริเวณที่มีน้ำไหลและมีแสงแดดเต็มวันอาจเป็นแดดอ่อนหรือแดดจัด ควรปลูกในดินเหนียวหรือดินนา ไม่ควรปลูกในกระถางหรือพื้นที่จำกัด ควรปลูกในแหล่งน้ำที่กว้างหรือบ่อขนาดใหญ่ แหล่งท่องเที่ยว : พบได้ในแหล่งท่องเที่ยวที่บึงหนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ลักษณะ : ดอกนางพญาเสือโคร่ง (Wild Himalayan Cherry) หรือซากุระเมืองไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus Cerasoides ลักษณะเป็นไม้ต้นผลัดใบ มีความสูงได้ถึง 20 เมตร มีกิ่งก้านแตกแขนงเป็นจำนวนมาก ดอกออกเป็นช่อกระจุกใกล้ปลายกิ่ง ดอกมีสีชมพู สีขาว สีแดง เป็นต้น โดยดอกจะบานในช่วงหน้าหนาวเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ มีผลเป็นทรงกลมหรือไข่ ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร ผลสุกมีสีแดงรสเปรี้ยวกินได้ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบกลมหรือสอบแคบ วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดสุก โดยนำมาฝังในดิน แต่ระวังอย่าให้ดินแฉะเพราะเมล็ดจะเน่าและโตช้า ถ้ามีต้นอ่อนงอกสามารถนำลงดินร่วนซุยได้ทันที ใส่ปุ๋ยเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยใช้ปุ๋ยคอก ช่วงแรกที่ลงดินรดน้ำวันละ 2 ครั้ง แต่ถ้าผ่านไปประมาณ 15 วัน รดน้ำวันเว้นวันได้ หรือนาน ๆ รดน้ำทีหนึ่งก็ได้ แหล่งท่องเที่ยว : พบได้ในสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เช่น ดอยอ่างขาง ขุนวาง ขุนช่างเคี่ยน ขุนแม่ยะ เป็นต้น จังหวัดเลย เช่น ภูลมโล เป็นต้น จังหวัดเชียงราย เช่น หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว อุทยานภูชี้ฟ้า เป็นต้น ลักษณะ : ดอกซีโลเซีย (Celosia) หรือหงอนไก่ไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Celosia argentea L. ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกอายุ 1 ปี ลำต้นตั้งตรง มีทั้งสีแดงและสีเขียวตามสายพันธุ์ ดอกมีสีสันสดใสคล้ายหงอนไก่ มีทั้งสีแดง สีส้ม สีเหลือง และสีชมพู วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ชอบดินร่วนซุยระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดจัด ทนแล้งได้ดี รดน้ำเพียงวันละครั้ง ไม่ต้องรดบ่อย หรือถ้าดินแห้งค่อยรดก็ได้ อย่ารดน้ำโดนดอก เพราะถ้าดอกชื้นอาจทำให้เกิดโรคได้ สามารถใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ แหล่งท่องเที่ยว : พบทุ่งดอกซีโลเซียได้ที่ไร่เมล๋อน ชากังราว ตำบลเขาคีริส อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร และ Sixflower Garden ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะ : ดอกดุสิตา หรือหญ้าข้าวก่ำน้อย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Utricularia delphinioides Thorel ex Pellegr. เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กประจำเขตร้อน สามารถดักจับแมลงกินป็นอาหารได้ ลักษณะเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ปลายใบกลม ขอบและผิวใบเกลี้ยง มีเส้นกลางใบ 1 เส้น เมื่อโตได้ระยะหนึ่งใบจะเปลี่ยนเป็นม้วนกลมเพื่อดักจับแมลง ดอกออกเป็นช่อสีม่วง แต่ละช่อมี 3-5 ดอก ดอกไม้จะเริ่มบานในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ผลเป็นรูปทรงแบนรี เมื่อผลแก่แห้งแล้วจะแตกออก ภายในมีเมล็ดรูปไข่สีดำอมน้ำตาลขนาดเล็กจำนวนมาก วิธีปลูก : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ชอบความชื้นสูงและอากาศเย็น แสงแดดเต็มวัน สามารถปลูกเป็นไม้กระถางขนาดเล็ก แต่ควรรดน้ำให้ชุ่มชื้นตลอดเวลา แหล่งท่องเที่ยว : สามารถไปเที่ยวทุ่งดอกดุสิตาได้ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี ลักษณะ : ดอกหงอนนาค หรือน้ำค้างกลางเที่ยง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Murdannia giganteum (Vahl.) Br. ลักษณะเป็นพืชล้มลุก มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นตั้งตรงสูงได้ถึง 1-2 เมตร ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบดอกมี 3 กลีบ ดอกมีหลายสีตามสายพันธุ์ เช่น สีม่วง สีขาว สีชมพู เป็นต้น ออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนหรือประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม ดอกจะดกมาก ทั้งนี้ ดอกจะบานเมื่อมีแสงแดด วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปลูกได้ในดินร่วนระบายน้ำดี ชอบน้ำ ชอบแสงแดดตลอดวัน แหล่งท่องเที่ยว : สามารถไปเยี่ยมชมทุ่งดอกหงอนนาคได้ที่สวนศักดิ์สุภา รีสอร์ท อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี และอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ ใครอยากจัดสวนดอกไม้เป็นทุ่งสวย ๆ ในบ้าน ลองมาเลือกสายพันธุ์ดอกไม้ที่ชอบกันเลย แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมของบ้านไม่เหมาะที่จะปลูกก็สามารถแวะเวียนไปเที่ยวทุ่งดอกไม้ที่เราแนะนำกันได้เลย ขอบคุณข้อมูลจาก : panmai.com (1), (2), royalparkrajapruek.org, rhs.org.uk, arda.or.th, qsbg.org (1), (2), (3), doae.go.th, ku.ac.th, kpru.ac.th และ rspg.or.th (1), (2), (3)
แสดงความคิดเห็น