x close

6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น

6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น
6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น

6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น (DG)

          ห้องนั่งเล่นเป็นส่วนสำคัญของบ้านที่เกิดกิจกรรมขึ้นหลากหลาย การตกแต่งห้องนั่งเล่นให้สวยงามน่าอยู่นอกจากจะเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของเจ้าของบ้านได้อีกด้วย

          "ห้องนั่งเล่นของคุณเป็น Farnley หรือ Formal Living Room" เป็นโจทย์ที่ต้องตอบก่อนเริ่มการตกแต่ง

          Farnley Room เหมาะกับการตกแต่งแบบสบาย ๆ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ซึ่งอาจต้องคำนึงถึงสมาชิกในครอบครัวที่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ แล้วจึงนำความต้องการของคนในครอบครัวมาใช้ตกแต่งห้อง ส่วน Formal Living Room เหมาะกับบ้านที่มีแขกมาเยี่ยมบ่อย ๆ เช่น บ้านที่เป็นโฮมออฟฟิศ เป็นต้น


1. Preparation

          เข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการ ซึ่งสำคัญมากในการตกแต่งห้องทุกห้อง

6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น
ภาพจาก Butler Armsden Architects

Floor

          จะตกแต่งห้องใหม่ทั้งทีถือโอกาสนี้ซ่อมแซมพื้นที่แตกร้าวไม่สวยงามเลยดีไหม วัสดุปูพื้นมีหลายประเภทยิ่งในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งของแท้จากธรรมชาติ และวัสดุทดแทนสร้างมาให้สวยและแข็งแรงไม่แพ้ของจริง เช่น หินแกรนิตและกระเบื้องแกรนิตได้ หรือจะเป็นกระเบื้องยาง ลายไม้ที่ปูง่าย สีสวย มีรอยนูนตรงลายไม้ให้ความรู้สึกนุ่มเท้าราวกับได้เดินบนพื้นไม้ธรรมชาติ

          การเปลี่ยนจากพื้นปูกระเบื้องหรือแกรนิตไปปูด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบากว่า เช่น ไม้หรือกระเบื้องยาง ไม่เป็นปัญหาด้านโครงสร้างที่รับน้ำหนัก แต่ในทางกลับกันถ้าต้องการเปลี่ยนจากพื้นไม้ไปเป็นกระเบื้อง คุณอาจต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสำรวจโครงสร้างของบ้านเสียก่อน

สีเก่าหรือยัง

          เป็นคำถามที่พบบ่อย ๆ จากเจ้าของบ้าน วิธีตรวจสอบว่าสีเก่าแล้วหรือยังให้ใช้มีอลูบผนัง ถ้ามีผงสีติดมือออกมาด้วยนั่นหมายความว่าควรทาสีใหม่ได้แล้ว แม้จะมีน้ำยาลอกสีขายในท้องตลาดแต่ไม่จำเป็นต้องใช้ เพียงแค่ชัดผนังด้วยกระดาษทรายเบอร์หยาบเอาส่วนที่ไม่เรียบออกไป เช่น หยดสีที่แห้งเป็นก้อนก่อนจะใช้ผ้านุ่ม ๆ หรือฟองน้ำสะอาดชุบน้ำบิดให้หมาดแล้วเช็ดคราบสกปรกและฝุ่นเสียยกทั่วทั้งผนัง

ต้องทาสีรองพื้นหรือเปล่า

          สีรองพื้นทำหน้าที่เหมือน "กาว" ช่วยให้สีที่ต้องการยึดติดกับผนังได้ดียิ่งขึ้น และช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน การตัดสินใจว่าควรจะทาหรือไม่นั้น มี 2 กรณีคือ ถ้าเป็นบ้านใหม่เพิ่งทาสีได้ 1-2 ปีและเป็นสีอ่อนไม่จำเป็นต้องทาสีรองพื้น แต่สามารถใช้สีที่ต้องการทาทับได้เลย แต่สำหรับบ้านที่มีอายุหลายปีแล้วสีรองพื้นเดิมเสื่อมสภาพ ก็ควรจะทาใหม่เพื่อความสวยทนนาน ถ้าผนังเดิมมีสีเข้มแล้วต้องการทาใหม่ด้วยสีอ่อนกว่าเดิมก็ควรทาสีรองพื้นด้วยเช่นกัน เพราะจะช่วยให้สีใหม่สวยสดใสไม่ผิดเพี้ยน

 Note

          สีอะครีลิค 1 แกลลอน มีปริมาณ 3 ลิตร ใช้ทาผนังขนาด 15 ตารางเมตร ได้ถึง 2 รอบ


6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น
ภาพจาก Robert Petril

ฝ้าเพดาน

          ตรวจตราฝ้าเพดานว่ามีร่องมีรูที่ต้องซ่อมแซมหรือไม่ และอาจได้เวลาเปลี่ยนฝ้าเพดานสำหรับบ้านที่เก่ามากแล้ว รวมถึงบ้านที่มีปัญหาน้ำรั่วอยู่เสมอ ฝ้าเพดานมี 2 ชนิด ได้แก่ ฝ้าแบบทีบาร์ และฝ้าแบบฉาบเรียบ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไปดังนี้

ฝ้าฉาบเรียบ

          ข้อดี คือพื้นผิวเรียบสวยงาม ตอบสนองความต้องการด้านการออกแบบได้ เช่น ฝ้าหลุม โค้งและเล่นระดับ

          ข้อเสีย คือก่อนการติดตั้งควรมีแผนการสำหรับงานระบบและไฟฟ้าแสงสว่างทั้งหมด เพราะถ้าหากต้องการเปลี่ยนแปลงหลังจากทำฝ้าฉาบเรียบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องทำผ่านช่องเซอร์วิสซึ่งมีขนาดเล็ก ไม่สะดวก

ฝ้าทีบาร์

          ข้อดี คือซ่อมแซมง่าย ถ้าเสียหายก็สามารถเปลี่ยนเฉพาะจุดได้สามารถเปิดได้ทุกช่อง จึงดูแลรักษางานระบบที่เดินไว้บนฝ้า เช่น สายไฟ และสายโทรศัพท์ ได้สะดวกอีกด้วย

          ข้อเสีย คือเห็นรอยต่อชัดเจนจึงอาจดูไม่สวยงาม และไม่สามารถทำฝ้าเพดานโค้งได้

Wall

          ไม่ว่าจะทาสี ติดกระเบื้องหรือวอลเปเปอร์ ขั้นตอนการเตรียมผนังนั้นสำคัญที่สุด ควรซ่อมแซมอุดรูและรอยแตก ทำความสะอาดผนังรอให้แห้งสนิทอย่างน้อย 1 วัน ก่อนจะเติมสีสันใหม่ลงไปบนผนัง แต่หากมีรอยร้าวขนาดใหญ่ยาวไปจนถึงโครงสร้างหลัก เช่น เสา และคาน ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมมาตรวจสอบก่อนจะดำเนินการต่อไป

อยากติดวอลเปเปอร์
         
          มีขั้นตอนการเตรียมผนังเหมือนกันกับการทาสี แต่ถ้าที่บ้านมีวอลเปเปอร์ติดอยู่ก่อนแล้วก็ควรลอกออกให้หมด ทำความสะอาดรอจนผนังแห้งสนิทแล้วจึงติดวอลเปเปอร์ลงไป ที่ต้องทำตามขั้นตอนนี้อย่างเคร่งครัดเป็นเพราะเราใช้กาวในการติด ถ้าผนังยังคงมีความชื้นจะทำให้วอลเปเปอร์พองตัวออกมาภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์


6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น
ภาพจาก Sealy Design

2. Electric of Contrast


          "Eclectic" สไตล์ที่ชื่อไม่คุ้นหูนี้อาจถูกหยิบยกขึ้นมาในวงการออกออกแบบได้ไม่นาน เป็นที่นิยมในหมู่คนรักงานศิลปะและนักสะสมบางกลุ่ม แต่ต้นกำเนิดของการตกแต่งประเภทนี้ย้อนกลับไม่ไกลถึงสมัยการล่าอาณานิคม เมื่อมีการเดินทางและการค้าขายกับต่างทวีป ข้าวของเครื่องใช้แปลกตาที่ชาวต่างชาตินำเข้ามาแลกเปลี่ยนถูกนำไปวางตกแต่งห้อง เกิดเป็นสไตล์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวผสมผสานของที่มีอยู่เดิมเข้ากับของใหม่ มีทั้งความสดใสด้วยสีสันจัดจ้านแบบเอเชีย สร้างบรรยากาศห้องให้อบอุ่นสบายตาด้วยโทนสี Neutral และนำเฟอร์นิเจอร์เก่ารูปทรงคลาสสิคแบบยุโรปที่ไม่มีวันตกยุคมาใช้ในสเปซเดียวกัน

          เนื่องจากเป็นการนำสไตล์จากหลายวัฒนธรรมมารวมกัน Eclectic จึงเป็นการตกแต่งบ้านที่มีอิสระมากที่สุด และเรามีทิปดี ๆ ที่จะทำให้การตกแต่งห้องนั่งเล่นสไตล์นี้ประสบผลสำเร็จมาฝาก

 Old, New and Unique

          เอกลักษณ์สำคัญของสไตล์ Eclectic ก็คือการผสมผสานของเก่าเข้ากับของร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้มรดกตกทอดจากคุณตาคุณยาย ผลงาน DIY ไปจนถึงหมอนอิงลวดลายกราฟิกแบบอินเดีย ก็สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้แบบไม่รู้สึกขัดแย้ง

Clutterless

          ลดฉากกั้นหรือผนังในห้องเพื่อโชว์ความตกแต่งของเฟอร์นิเจอร์ เท็กซ์เจอร์ รูปทรง สีสัน ลวดลาย และแพทเทิร์นที่เรานำมาผสมผสานเข้าด้วยกัน

Make a Decision

          หากคุณมีสไตล์ที่ชอบหลากหลายจนไม่รู้จะใช้แบบไหน นั่นไม่เป็นปัญหากับการตกแต่งแบบ Eclectic เพียงคุณเลือกออกมา 3-4 สไตล์แล้วยึดไว้เป็นหลักตลอดการตกแต่ง

Light Background
         
          ใช้สี Neutral ได้แก่ สีโทนขาว ครีม ไปจนถึงเทาอ่อน เป็นสีหลักบนผนัง เพราะนำไปใช้ร่วมกับสีอื่น ๆ ได้ง่าย และสไตล์ Eclectic นี้มีของตกแต่งหลากหลายอยู่แล้ว การใช้ผนังสีอ่อนจะช่วยทำให้ห้องไม่ดูแน่นและอึดอัดจนเกินไป

Expect the Unexpected

          การวางของตกแต่งที่ดูแปลกที่แปลกทางในห้องจะทำให้ที่นี่ดูน่าตื่นเต้นเสมอ และถ้าคุณสะสมงานศิลปะหรือทำงาน DIY ละก็ อย่าพลาดโอกาสโชว์ผลงานชิ้นโปรดที่จะกลายเป็นเอกลักษณ์ของห้องอีกด้วย


6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น
ภาพจาก Elizabeth Holmes Design

3.  Modern Electric

          หากคุณต้องการเติมลวดลายและสีสันให้กับห้องสไตล์โมเดิร์นเรียบเท่ ของตกแต่งแบบ Electric ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ การตกแต่งแบบนี้มักผสมผสานเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นที่มีการลดทอนรายละเอียดและลวดลาย มีผิวสัมผัสเรียบเงา เช่น หนัง อะลูมิเนียม และกระจก เมื่อนำมาจับคู่กับของเก่าที่ทำมาจากไม้ หิน ผ้าชนิดต่าง ๆ ที่มีสีสันและลวดลายอันน่าตื่นตาตื่นใจ ความต่างของสไตล์ทั้งสองยิ่งจะช่วยกันขับให้เอาเอกลักษณ์ของตกแต่งบ้านแต่ละชิ้นออกมาโดดเด่นมากขึ้นอีกด้วย


6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น
ภาพจาก Urrutia Design 

4. Inspiration

          แรงบันดาลใจเป็นจุดเริ่มต้นของการตกแต่งที่ดี ใครมีสไตล์ที่ชอบอยู่แล้วก็ปล่อยจินตนาการของตัวเองให้โลดแล่นได้อย่างเต็มที่ในการตกแต่งห้องนี้ แต่ถ้ายังไม่มีแผนว่าจะตกแต่งออกมาเป็นแนวไหนละก็ การอ่านนิตยสารหนังสือ และเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการตกแต่งบ้านให้มากเข้าไว้ ก็จะช่วยให้เข้าใจสไตล์เทรนด์และค้นพบความชอบส่วนตัว นำมาต่อยอดตกแต่งห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน หรือจะนำมาผสมหลาย ๆ สไตล์เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจ้าของบ้านได้


5. Working at Home

          ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันการนำงานกลับไปทำที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติของหลาย ๆ คนไปแล้ว บ้างก็เปิดโฮมออฟฟิศนั่งทำงานอยู่ที่บ้านไปเสียเลย การจัดมุมสงบ ๆ น่านั่งจึงเป็นเคล็ดลับของการทำงานที่บ้านได้อย่างมีความสุข

สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการจัดมุมทำงาน ได้แก่

           Desk/Table โต๊ะต้องมีขนาดใหญ่พอสำหรับวางเอกสาร สมุดสเก็ตช์ เครื่องเขียน และคอมพิวเตอร์ อาจปรับเปลี่ยนรับประทานอาหารใช้แทนโต๊ะทำงานก็ได้

           Storage การทำงานที่บ้านก็อาจทำให้ห้องต่าง ๆ รกรุงรังไปด้วยเอกสาร การจัดเก็บที่ดีควรมีตู้ ชั้น และกล่องสำหรับเก็บข้าวของอย่างเรียบร้อย

           Brightness ความสว่างในมุมทำงานก็สำคัญ แสงที่เพียงพอจะช่วยลดปัญหาสุขภาพตาและช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น


6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น
ภาพจาก Holly Marder

6. Lighten Up


          อย่ายึดติดกับหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเดิม ๆ ที่น่าเบื่อ โคมไฟไม่เพียงแค่ให้แสงสว่าง แต่ยังเป็นของตกแต่งชิ้นหนึ่งที่โดดเด่นในห้องนั่งเล่นด้วย เลือกโคมแขวนที่มีขนาดพอดีกับห้อง ไม้ใหญ่หรือเล็กเกินไป หรืออาจจะใช้โคมเล็กแต่ติดตั้งหลายจุดแทนก็ได้

           โคมไฟแบบ Industrial เท่ ๆ เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่มาก มีหลายแบบให้เลือกใช้ตามความสูงของฝ้าเพดาน มีตั้งแต่ขนาดใหญ่มากไปจนถึงเล็กจิ๋ว หรือแบบที่มีแค่โครงเหล็กเพื่อใช้ในพื้นที่เล็ก ๆ ดูไม่อึดอัด

           แชนเดอเลียร์และโคมปลาหมึก (โคมที่มีก้านยื่นออกมาตั้งแต่ 6 ก้านขึ้นไป) เป็นโคมขนาดใหญ่เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่มาก เพดานค่อนข้างสูง ติดตั้งเพียงชิ้นเดียวก็ใช้เป็นเซ็นเตอร์พีซของห้องได้เลย ถ้าชอบแบบเรียบหรูก็เลือกแชนเดอเลียร์ที่รายล้อมด้วยคริสตัล แต่ถ้าอยากให้ห้องดูสนุกสนานแนะนำว่า เดี๋ยวนี้มีการออกแบบโคมปลาหมึกเก๋ ๆ ออกมาเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว

           โคมติดผนัง ให้ความสว่างแบบนุ่มนวลตามทางเดินภายในบ้าน และยังช่วยหลอกสายตาช่วยให้พื้นที่ทางดินแคบ ๆ ดูกว้างขึ้นได้

           โคมไฟเฉพาะจุด (Pendant) เป็นโคมส่องสว่างเฉพาะมุมใดมุมหนึ่ง เพราะมีขนาดเล็ก นิยมติด 3-4 ดวง เหนือโต๊ะทานอาหารในห้องครัว รวมไปถึงห้องนั่งเล่นที่มีพื้นที่น้อย

           โคมตั้งพื้นและโคมตั้งโต๊ะ เปรียบเสมือนงานศิลปะเลือกได้อย่างอิสระ แค่ควรดูเรื่องขนาดให้เหมาะสมกับห้อง



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

DG DECORATION GUIDE
Vol.13 No.142 กรกฎาคม 2557




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
6 เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือแต่งมุมนั่งเล่น อัปเดตล่าสุด 3 ตุลาคม 2557 เวลา 11:00:23 3,395 อ่าน
TOP