ปลูกไม้ดอกสะพรั่งบาน นานตลอดปี (Home & Lifestyle)
คอลัมน์ : myhome
เรื่อง : สงฟาง
ธรรมชาติของดอกไม้ย่อมโรยราไปตามฤดูกาล แต่ไม่ได้หมายความว่าสวนสวยของคุณจะต้องขาดสีสันตามไปด้วย เพราะการมีดอกไม้บานสะพรั่งสวนตลอดทั้งปีนั้น ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เราจึงเอาใจคนรักไม้ดอกด้วยการแนะนำพันธุ์ไม้ที่มีช่วงเวลาบานแตกต่างกันออกไปพร้อมวิธีการบำรุงรักษา เพื่อให้สวนของคุณมีดอกไม้บานสวยได้ไม่ว่าฤดูกาลใด
สำคัญที่เจ้าของบ้าน
การปลูกดอกไม้อาจไม่ใช่เรื่องยาก เพียงซื้อเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าพร้อมปลูกของไม้ดอกที่ชอบ จับลงดินหรือกระถางให้เรียบร้อย พรวนดิน รดน้ำ ใส่ปุ๋ยตามพอดี เพียงแค่นี้ก็จะได้ดอกไม้สวย ๆ มาชื่นชม แต่หากจะวางแผนการปลูกดอกไม้ให้บานไล่กันไปตลอดทั้งปีนี้แล้วล่ะก็คงต้องทำการบ้านกันสักเล็กน้อย
หลายคนอาจรู้จักชื่อของ อ.ธีรยุทธ บุญมี ในฐานะนักคิดนักเขียน และนักวิชาการ แต่น้อยคนที่จะทราบว่าบ้านของอาจารย์ที่เขาใหญ่นั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ผลัดกันบานชนิดไม่ว่างเว้นแม้สักเดือนเดียว อ.ธีรยุทธ จึงได้ชื่อว่าเป็นนักปลูกดอกไม้มือดีคนหนึ่ง ที่มีประสบการณ์เรื่องการปลูกดอกไม้ตามฤดูกาลมายาวนาน และบอกเราได้ว่าการบ้านที่คนรักไม้ดอกต้องทำนั้นมีอะไรบ้าง
“ก่อนอื่นเลย คนปลูกต้นไม้ควรจะต้องเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเจ้าของบ้านจะรู้ข้อจำกัดของบ้านเป็นอย่างดีว่าตรงไหนสามารถปลูกอะไรได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญหากต้องการปลูกต้นไม้หลาย ๆ ชนิด” อ.ธีรยุทธ แนะนำ
ทั้งนี้ข้อจำกัดของบ้าน ได้แก่
ดูแดดดูร่ม : ดอกไม้ส่วนใหญ่นั้นชอบแดด บางชนิดหากขาดแดดไปจะทำให้สีของดอกซีดลง ในขณะที่บางชนิดถ้าโดนแดดมากก็อาจตายได้ ผู้ที่ปลูกดอกไม้จึงจำเป็นต้องรู้ว่าในบ้านของตัวเองนั้นพื้นที่ตรงไหนมีร่มเงา มีแดดรำไร หรือมีแดดจัด
ดูพื้นที่ : การเตรียมพื้นที่ก่อนเลือกชนิดต้นไม้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะเกี่ยวเนื่องกับการเลือกชนิดของไม้ที่จะปลูก เช่น ไม้เลื้อยใช้พื้นที่น้อยไม้ยืนต้นใช้พื้นที่มาก เป็นต้น นอกจากนี้ควรคำนึงถึงเฉดสีของดอกไม้ด้วยเมื่อกำหนดพื้นที่ปลูก ไม่ใช่นำมาสุมกันเฉย ๆ เพราะหากนำดอกไม้ที่สีเข้ากันมาวางเคียงกัน ก็จะทำให้ดูสวยยิ่งขึ้นเมื่อดอกบาน
ดูอากาศ : สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย เช่น แดดดี ไม่ร้อนจัด และความชื้นพอเหมาะ ย่อมทำให้ดอกไม้ขึ้นงาม แต่ถ้าอากาศร้อนและแห้งอย่างในกรุงเทพฯ อาจจำเป็นต้องหาต้นไม้ใหญ่มาปลูกในบริเวณสวนเพื่อให้ร่มเงาและเป็นการกักเก็บความชื้น
ดอกไม้ตามฤดู
เมื่อรู้ข้อจำกัดของบ้านแล้ว ก็ได้เวลาเลือกดอกไม้ ซึ่งพันธุ์ไม้ที่นำมาฝากกันนี้เป็นเพียงตัวอย่างเพื่อการนำไปปรับใช้โดยเลือกเฉพาะดอกไม้ที่ปลูกง่าย หาได้ทั่วไป ที่สำคัญคือมีช่วงเวลาที่ดอกบานแตกต่างกัน
ภาพจาก clgc.rdi.ku.ac.th
กระเทียมเถา
ช่วงที่ออกดอก : ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์)
ลักษณะ : ไม้เลื้อย
เป็นหนึ่งในไม้เลื้อยที่เหมาะสำหรับปลูกตามรั้วหรือกำแพงบ้าน แต่เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้วจะไม่เลื้อยขึ้นไม้อื่น จึงควรผูกนำก่อนในช่วงแรก กระเทียมเถาเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงจัด จึงควรปลูกในบริเวณที่มีแดดตลอดวัน ชื่อกระเทียมเถาได้มาจากกลิ่นของดอกไม้ ซึ่งหากนำไปขยี้แล้วจะมีกลิ่นคล้ายกระเทียม ตัวดอกเป็นรูปแตร ซึ่งแรกปลูกจะเป็นสีชมพูอ่อน แต่พอเวลาผ่านไปดอกจะเป็นสีม่วงเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นต้นไม้ที่โตได้ดีในดินร่วนซุย ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำวันละสองครั้ง เช้า - เย็น
ภาพจาก orchids-flowers.com
เหลืองชัชวาลย์
ช่วงที่ออกดอก : ฤดูร้อน (มีนาคม - พฤษภาคม)
ลักษณะ : ไม้เลื้อย
อาจเรียกอีกอย่างได้ว่า เล็บวิฬาร์ หรือแค็ทส์คลอว์ เพราะช่วงที่ดอกบานเต็มที่นั้น ตัวดอกจะย้อมทั้งต้นให้เป็นสีเหลืองอร่ามสมชื่อเลยทีเดียว ที่บ้านของ อ.ธีรยุทธ เองก็ใช้ไม้ชนิดนี้เลื้อยขึ้นไปบนหลังคาแล้วปล่อยระย้าลงมาเป็นม่านไม้ ใช้บังแดดได้เป็นอย่างดี เหลืองชัชวาลย์เป็นไม้ที่แข็งแรงและโตได้ดีในอากาศร้อน แต่ก็มีกรณีที่โตมากเกินไปจนไปรบกวนต้นไม้อื่น จึงแนะนำให้ปลูกใต้ร่มไม้ที่มีแสงรำไรเพื่อจำกัดการโต ควรรดน้ำพอให้ดินชุ่ม สามารถขึ้นได้ดีทั้งดินเหนียวและดินทราย แต่ก็ไม่เกี่ยงดินประเภทอื่นเช่นกัน
ภาพจาก maipradabonline.com
บานบุรีสีม่วง
ช่วงที่ออกดอก : ฤดูฝน (มิถุนายน - สิงหาคม)
ลักษณะ : ไม้เลื้อยกึ่งพุ่ม
บานบุรีนั้นส่วนใหญ่จะมีสีเหลือง แต่พันธุ์สีม่วงก็มีให้เห็นเช่นกัน โดยจะโตได้ดีเฉพาะหน้าฝน ยิ่งฝนชุกยิ่งดอกดก จึงเหมาะกับการนำมาประดับไว้ในสวน เพราะฤดูฝนเป็นฤดูที่ต้นไม้ส่วนใหญ่ว่างเว้นจากการให้ดอก การดูแลบานบุรีสีม่วงนั้นออกจะยุ่งยากกว่าบานบุรีทั่วไป เนื่องจากเป็นดอกที่ต้องการความชื้นตลอดเวลา ทั้งยังต้องการแสง และชอบอยู่กลางแจ้งอีกด้วย จึงยากต่อการรักษาความชุ่มชื้นของดิน แนะนำว่าให้ปลูกพืชรากสั้นคลุมหน้าดินไว้บริเวณโคนต้น จะช่วยให้ต้นไม้ผ่านพ้นหน้าแล้งไปได้
ภาพจาก th.wikipedia.org
เฟื่องฟ้า
ช่วงที่ออกดอก : ฤดูแล้ง (กันยายน - พฤษภาคมของปีถัดไป)
ลักษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง
นอกจากจะปลูกง่ายแล้ว เฟื่องฟ้ายังให้ดอกดกและหลากสี ทั้งม่วง แดง ชมพู ขาว ฯลฯ ซึ่งเป็นโทนสีที่ไปกันได้ดี อ. ธีรยุทธ แนะนำว่าให้ลองปลูกเฟื่องฟ้าหลาย ๆ สีในบริเวณเดียวกัน เพราะเมื่อดอกบานสะพรั่ง จะเป็นทิวทัศน์ที่วิจิตรอยู่ไม่น้อย เฟื่องฟ้าเป็นต้นไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินร่วน และดินทราย ต้องการแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน ทั้งยังมีความทนทานต่ออากาศแล้ง จึงไม่ต้องการน้ำมาก หากรดน้ำมากเกินไปจะทำให้ไม่มีดอก
ภาพจาก th.wikipedia.org
แพรเซี่ยงไฮ้
ช่วงที่ออกดอก : ทุกฤดู
ลักษณะ : ไม้คลุมดิน
ด้วยความที่เป็นพืชคลุมดิน แพรเซี่ยงไฮ้จึงมีลักษณะหลาย ๆ อย่างคล้ายวัชพืช ซึ่งรวมถึงความทนทานเป็นพิเศษ เพราะเพียงมีแสงแดดก็โตได้ดีไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมากนัก แพรเซี่ยงไฮ้สามารถกระจายไปทั่วบริเวณได้ จึงเหมาะกับการปลูกคลุมดินที่รกร้างหากต้องการให้ดอกเยอะ ควรหมั่นตัดกิ่งที่เคยให้ดอกไปแล้ว จะช่วยให้มีกิ่งใหม่ที่ดอกดกมากขึ้นดอกแพรเซี่ยงไฮ้จะเป็นกลีบซ้อนกันหลายชั้นคล้ายกุหลาบ ดอกบางคล้ายผ้าแพร เดิมมีแต่สีแดงเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการผสมพันธุ์จนได้สีต่าง ๆ มากมาย
โดยทั่วไปนั้น การปลูกต้นไม้หวังดอกมักใช้เวลาประมาณสามปี ผู้ปลูกจึงจะได้เชยชมกับผลผลิตอันงดงาม “ถ้าอยากให้ต้นไม้มีดอกบานสะพรั่ง ต้องเข้าใจต้นไม้ เข้าใจดอกไม้ และต้องทุ่มเทใจให้จริง ๆ” อ. ธีรยุทธทิ้งท้ายกับเคล็ดลับของการดูแลต้นไม้ให้มีดอกสวยที่พิสูจน์กันมานักต่อนักแล้ว ว่าจริงแท้แน่นอน!
พื้นที่เล็กอยากปลูกไม้ดอก
สำหรับเจ้าของบ้านที่มีพื้นที่ไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม คุณก็สามารถเป็นเจ้าของสวนดอกไม้เล็ก ๆ ที่ออกดอกสวยให้ชื่นชมตลอดทั้งปีได้เช่นกัน ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
เลือกพันธุ์ไม้
ควรเป็นต้นที่มีลักษณะเล็กน่ารักและโตได้ดีในที่ร่ม อย่าง แอฟริกันไวโอเล็ต บีโกเนีย หรือกล็อกซิเนีย ถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดปลูก ควรเลือกซื้อต้นกล้าพร้อมปลูกมาลองก่อน เพราะต้นไม้เติบโตแข็งแรงพอสมควรแล้วจึงดูแลได้ง่ายกว่า แต่ถ้าใครอยากได้อารมณ์ตื่นเต้นชวนลุ้น จะซื้อหาเมล็ดพันธุ์มาเพาะเองก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
เลือกดิน
เนื่องจากพื้นที่จำกัด ชนิดและความสมบูรณ์ของดินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรเลือกดินให้เหมาะกับต้นไม้ ซึ่งอาจเป็นดินร่วนโปร่ง ดินผสมทราย หรือดินคลุกปุ๋ย ก่อนซื้อดินควรถามผู้ขายให้แน่ใจว่า เป็นดินที่มีธาตุอาหารที่พืชต้องการ เพราะบางครั้งอาจจำเป็นต้องผสมแกลบ ขุยมะพร้าว มูลสัตว์ ทราย หรือเปลือกถั่วเพิ่ม
เลือกกระถาง
อย่าดูแค่ความสวย แต่ควรเลือกกระถางที่มีความกว้างและความสูงเหมาะกับทรงของต้นไม้ เผื่อขนาดให้ต้นไม้ได้เติบโตบ้าง เลือกวัสดุที่เก็บความชื้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี มีจานรองน้ำ ที่สำคัญควรมีน้ำหนักเบา เพื่อความสะดวกหากจะต้องย้ายหลบแดด
ขั้นตอนที่เหลือก็คือ ให้น้ำและปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสม จากนั้นก็รอคอยให้ต้นไม้น้อยผลิดอกออกมาให้คุณได้ชื่นใจ
แบบบ้านสวย ตกแต่งบ้าน สินเชื่อบ้าน ฮวงจุ้ยบ้าน สวนสวยๆ คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก