เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ธปท. ตามติดภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าการที่ราคาพุ่งสูงขึ้นจะก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่จริงหรือไม่ ขณะที่หลายฝ่ายรุมค้านการออกมาตรการเพิ่มดาวน์บ้านหลังที่ 2 เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อผู้ซื้อ
เมื่อวันที่ 9 เมษายน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. ได้ติดตามสถานการณ์ราคาอสังหาริมทรัพย์ในบางพื้นที่ซึ่งมีสัญญาณว่าราคาเพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด ซึ่งทาง ธปท. กำลังดูว่า การขึ้นราคาดังกล่าวเกิดจากปัจจัยใด เช่น การขยายเส้นทางรถไฟฟ้า ความต้องการที่อยู่อาศัยจริง หรือเกิดจากการเก็งกำไร ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำธนาคารพาณิชย์ให้น้ำหนักกับคุณภาพสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่และอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรง
ทั้งนี้ ทาง ธปท. สังเกตเห็นสัญญาณการแข่งขันด้านสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ที่รุนแรง ต้องดูแลให้อยู่ในระดับที่พอประมาณและให้ธนาคารระมัดระวังในการแข่งขัน ซึ่งขณะนี้สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตอยู่ในกรอบและระดับปกติที่ 10% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก ดังนั้น ธปท. จะเดินสายหารือกับธนาคารพาณิชย์ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นายประสาร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การที่มีข้อเสนอให้เพิ่มมาตรการวงเงินสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) สำหรับการซื้อบ้านหลังที่ 2 นั้น ทาง ธปท. กำลังติดตามดูอยู่ ซึ่งต้องดูตามความเหมาะสม เพราะไม่ต้องการให้กระทบผู้ประกอบการ อีกทั้งการจะดำเนินมาตรการใดนั้นต้องดูให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
ขณะที่ นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า การที่มีผู้ออกมาเรียกร้องให้มีการเพิ่มเกณฑ์แอลทีวีเพิ่มขึ้นนั้น ทาง ธปท. จะดำเนินการต่อเมื่อสถานการณ์มีทิศทางเกิดฟองสบู่อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันพบว่า มาตรฐานการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลายลงมาอย่างเห็นได้ชัด และการเติบโตของสินเชื่อยังอยู่ในระดับปกติ ดังนั้นจะยังไม่มีการออกมาตรการเพิ่มเกณฑ์แอลทีวีอย่างที่บางกลุ่มเรียกร้องเข้ามา
ส่วน นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะปรับเพิ่มมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่ อาศัยต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) หรือเพิ่มการวางเงินดาวน์สำหรับบ้านหลังที่ 2 เพราะปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่ออยู่แล้ว ซึ่งหากจะปรับขึ้นจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและควรนิยามความหมายของบ้านหลังที่ 2 ให้ชัดเจน เช่น ขายบ้านหลังแรกแล้วไปซื้อหลังใหม่จะนับเป็นหลังที่ 2 หรือไม่ เพราะกรณีนี้ สรรพากรก็ยกเว้นภาษีให้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม นายธำรงค์ ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่มีภาวะฟองสบู่ เพราะเอ็นพีแอลอยู่ในระดับต่ำเพียง 1-2% จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มมาตรการแอลทีวี แต่การที่มีสมาคมบางแห่ง เสนอว่าควรจะปรับแอลทีวีส่วนของคอนโดมิเนียมจากเดิมที่วางเงินดาวน์ 10% เพิ่มเป็น 20% และบ้านจาก 5% เพิ่มเป็น 15% การเสนอเช่นนี้เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่จะซื้อบ้าน โดยเฉพาะคนที่มีรายได้น้อย กว่าที่จะหาเงินดาวน์ได้ตามกำหนด ราคาบ้านก็ปรับขึ้นไปอีก ทำให้หมดโอกาสที่จะซื้อบ้านทันที
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก