ปกป้องบ้านไม่ให้สกปรกด้วยเทคนิคง่าย ๆ

ปกป้องบ้านไม่ให้สกปรกด้วยเทคนิคง่าย ๆ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          การทำความสะอาดบ้านชุดใหญ่ให้บ้านสะอาดสะอ้านหมดจดนี่เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยใช่ไหมคะ ยิ่งถ้าต้องคอยทำบ่อย ๆ เพราะบ้านสกปรกเลอะเทอะทุกวันก็คงจะเพลียน่าดู อย่างนี้แทนที่จะต้องเหนื่อยซ้ำซ้อนเพราะการทำความสะอาด ก็ลองมาดูวิธีป้องกันบ้านจากความสกปรกที่เรานำมาฝากกันก่อนดีกว่า จะได้รักษาบ้านให้อยู่ในสภาพที่สะอาดไปได้นาน ๆ

1. สกัดความสกปรกตั้งแต่หน้าประตู

          บ้านจะมีฝุ่นและความสกปรกได้มากที่สุดก็จากเท้าของเรานี่แหละ เพราะเราเดินออกไปไหนต่อไหนกับรองเท้าคู่โปรดตั้งหลายแห่ง ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงว่าฝุ่นและเศษสกปรกจากพื้นที่อื่นจะติดมากับรองเท้าและเท้าของเราได้ ดังนั้นเรามาป้องกันความสกปรกเบื้องต้นตั้งแต่ก้าวแรกที่จะเข้าบ้านเลยดีกว่า โดยวางพรมเช็ดเท้าทั้งที่หน้าประตูด้านนอก และหน้าประตูด้านใน ก่อนจะเข้าบ้านก็ถอดรองเท้าเก็บเข้าที่ แล้วเช็ดเท้ากับพรมด้านนอกก่อน เข้ามาในบ้านก็เช็ดกับพรมเช็ดเท้าที่วางไว้อีกผืน เท่านี้ก็น่าจะช่วยกรองเศษสกปรกและฝุ่นไม่ให้เข้าบ้านได้ระดับหนึ่งแล้วล่ะ

2. เลือกประเภทพรมเช็ดเท้าให้ถูก

          ขนาดของพรมเช็ดเท้าควรมีความยาวและความกว้างมากพอที่จะวางเท้าทั้ง  2 ข้างได้สบาย ๆ เพื่อให้ใครก็ตามที่กำลังจะเดินเข้าบ้านได้ซับความสกปรกกับพรมเช็ดเท้าก่อน และควรเลือกพรมเช็ดเท้าไวนิลหรือพรมเช็ดเท้าชนิดยางวางไว้ตรงประตูหน้าบ้านด้านใน เพราะพรมทั้ง 2 แบบนี้ง่ายต่อการสะบัดฝุ่นหรือดูดฝุ่นออก แต่สำหรับประตูบ้านด้านนอก พรมเช็ดเท้าที่เหมาะที่สุดควรจะเป็นพรมเช็ดเท้าชนิดพื้นยาง และหากบ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีดินโคลน ก็ควรต้องวางผ้าผืนใหญ่ไว้ใต้พรมเช็ดเท้าด้วย เพื่อจะได้ใช้เช็ดโคลนออกจากเท้าก่อนจะเดินเข้าบ้านจ้า

3. สะบัดพรมไล่ฝุ่น

          เราวางพรมเช็ดเท้าเพื่อให้เป็นปราการปกป้องฝุ่นและความสกปรกชั้นแรก ดังนั้นในพรมจึงมีฝุ่นและเศษดินเศษทรายอยู่เต็มไปหมดแน่ ๆ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องทำความสะอาดพรมอยู่เสมอ โดยนำพรมออกไปสะบัดฝุ่นด้านนอก หรือดูดฝุ่นด้วยเครื่องดูดฝุ่น จนแน่ใจว่าพรมสะอาดไร้ฝุ่นแล้วจริง ๆ ค่อยนำกลับมาวางไว้ที่เดิม อย่าลืมกวาดและทำความสะอาดพื้นบริเวณที่วางพรมก่อนด้วยล่ะ

4. ล้างพรมเช็ดเท้าด้วยน้ำสบู่

          สำหรับพรมพื้นยาง หรือพรมที่สามารถซักทำความสะอาดได้ ก็ควรล้างด้วยน้ำเปล่าก่อนอันดับแรก แล้วตามด้วยการขัดด้วยน้ำสบู่ หรือจะใช้แชมพูทำความสะอาดเบาะก็ได้เช่นกัน ขัดทำความสะอาดเสร็จแล้ว ก็ล้างน้ำเปล่า และนำไปตากให้แห้ง แนะนำว่าควรตากให้แห้งสนิทก่อนจะนำกลับมาใช้อย่างเดิมทุกครั้ง เพราะพื้นพรมที่เปียกชื้น จะเป็นแหล่งกำเนิดของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งหากนำไปวางและใช้ตามปกติ ก็อาจจะเป็นการแพร่กระจายเชื้อโรคไปทั่วบ้านก็ได้

5. ปิดการเข้าออกบางจุด

          หากที่บ้านมีประตูให้เข้าออกได้หลายทิศทาง ก็เลือกปิดการใช้งานในบางประตูที่จะเป็นตัวนำความสกปรกเข้าบ้านอย่าง ประตูสู่ทางออกไปสวนหลังบ้าน หรือประตูออกไปสระว่ายน้ำ เพื่อเป็นการปิดโอกาสที่คนจะเดินย่ำน้ำ หรือโคลนเข้ามาในบ้านให้น้อยลง จะได้ไม่ต้องเหนื่อยคอยเช็ดถูอยู่ตลอด

ปกป้องบ้านไม่ให้สกปรกด้วยเทคนิคง่าย ๆ

6. สร้างโซนปลอดรองเท้า

          ภายในบ้านคงไม่มีปัญหาเท่าไร เพราะก็คงถอดรองเท้าเดิน หรือใส่สลิปเปอร์กันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่สำหรับพื้นที่หน้าประตูบ้าน หรือบริเวณทางเดินไปยังสวน ที่ไม่อยากให้เลอะไปด้วยรอยพื้นรองเท้า หรือเศษดินทราย ก็กำหนดให้เป็นเขตปลอดรองเท้าเพิ่มขึ้นอีกจุดในบ้านก็ได้ โดยลงทุนซื้อรองเท้าสำหรับเอาไว้ใส่เปลี่ยนมาวางแทนก็ดีจ้า

7. ตกแต่งด้วยวัสดุที่ไม่เก็บฝุ่น

          บ้านที่กำลังคิดจะปรับปรุงใหม่ หรือสร้างห้องใหม่ก็ควรเลือกวัสดุที่ช่วยปกป้องความสกปรกได้ หรือเลือกใช้วัสดุที่ทำความสะอาดง่าย อย่างพื้นลามิเนตกับพื้นไม้แข็ง ที่มีคุณภาพและลักษณะใกล้เคียงกันมาก แต่แตกต่างกันตรงที่การดูแล เพราะพื้นไม้ต้องขัดถูและลงแว็กซ์ให้เงางาม ในขณะที่พื้นลามิเนตแค่ดูดฝุ่นก็เพียงพอ หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงพื้นกระเบื้องขนาดเล็ก เพราะมีร่องกระเบื้องถี่ ซึ่งอาจจะมีความสกปรกเข้าไปฝังตัวอยู่ได้

8. ปิดประตูกันฝุ่น

          ฝุ่นเป็นละอองที่สามารถล่องลอยไปได้ทุกหนแห่ง ดังนั้นเราก็ควรป้องกันด้วยการอย่าเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ หรือถ้ากลัวอากาศจะไม่ถ่ายเท ก็สามารถใช้มูลี่หรือพลาสติกมาปิดกันฝุ่นที่ประตูก็ได้ รวมไปถึงควรปิดลิ้นชัก และประตูตู้เก็บของให้สนิทด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ไรฝุ่นเข้าไปแอบในนั้นค่ะ

9. ดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดี

          สำหรับบ้านที่มีเจ้าสี่ขา เช่น สุนัข หรือแมว อาจจะต้องปวดหัวกับหลายปัญหาเรื่องความสกปรกที่มีต้นเหตุมาจากสัตว์เลี้ยงแสนรักเหล่านี้ได้ ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้าเราจะป้องกันเอาไว้ก่อนด้วยการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิด หากเขาออกไปวิ่งเล่นข้างนอก ก็คอยระวังอย่าให้เขาวิ่งเข้ามาในบ้าน หรือหากมีปัญหาขนสัตว์เกาะติดอยู่ตามโซฟา ก็สามารถแก้ได้ง่าย ๆ โดยการเช็ดด้วยฟองน้ำหรือผ้าเปียกหมาด ๆ หรือจะใช้ถุงมือยางปาดไปมาบนโซฟาก็ได้เช่นกัน เพราะทั้ง 2 วิธีนี้จะช่วยดูดขนสัตว์ออกจากโซฟาได้เป็นอย่างดี แต่หากจะใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด ก็ควรเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นเหมาะกับการทำความสะอาดขนสัตว์ เพราะถ้าเป็นเครื่องดูดฝุ่นธรรมดา ขนสัตว์เหล่านี้อาจจะเข้าไปอุดตัน ทำให้เครื่องดูดฝุ่นขัดข้องได้


          ก่อนที่บ้านจะสกปรกให้ต้องเหนื่อยเช็ดล้าง ก็ลองนำเทคนิคที่เรานำมาฝากนี้ไปใช้กันดู เท่านี้คุณก็จะสามารถป้องกันความสกปรกให้บ้านได้แล้ว และไม่ต้องเหนื่อยบ่อย ๆ อีกต่อไปค่ะ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปกป้องบ้านไม่ให้สกปรกด้วยเทคนิคง่าย ๆ อัปเดตล่าสุด 7 มิถุนายน 2556 เวลา 11:08:36 4,683 อ่าน
TOP
x close