เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เหตุผลหลัก ๆ ที่เราทำความสะอาดบ้าน นอกจากเพื่อให้บ้านมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัยแล้ว ก็ยังเพื่อสร้างสุขอนามัยที่ปลอดภัยกับคนในบ้านด้วย ยิ่งสำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสุนัข หรือน้องเหมียว คงต้องเพิ่มความสะอาด และความปลอดภัยในบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ด้วย ซึ่งหากว่าคุณยังไม่รู้จะจัดการทำความสะอาดบ้านยังไง ให้ปลอดภัยกับทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ก็ลองมาดูเคล็ดไม่ลับเหล่านี้ แล้วนำไปใช้ให้ถูกวิธีกันนะคะ
1. เลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่ผสมน้ำมันหอมระเหย
แม้ว่าน้ำยาทำความสะอาดสูตรธรรมชาติ จะไร้สารเคมี และดูปลอดภัยกับสุขภาพของคน แต่กลับมีอันตรายกับสัตว์เลี้ยงสี่ขาของเราพอสมควร โดยเฉพาะน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) กลิ่นส้ม ไซรตรัส และกลิ่นผลไม้ชนิดอื่น ๆ ดังนั้นทำความสะอาดบ้านครั้งต่อไป ก็พยายามหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดประเภทนี้ด้วยนะคะ
2. ใช้น้ำยาถูพื้นที่ไม่มีฤทธิ์รุนแรง
มีหลายต่อหลายเสียงที่บอกว่า บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงไม่ควรใช้น้ำยาถูพื้น เนื่องจากหากน้องหมา น้องแมว เผลอไปเลียพื้นที่เพิ่งถูเสร็จหมาด ๆ อาจโดนพิษของสารเคมีในน้ำยาถูพื้นทำอันตรายเอาได้ แต่จริง ๆ แล้วทางผู้เชี่ยวชาญ (Pet Poison Helpline) ก็เผยว่า ยังไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดสักรายว่า น้ำยาถูพื้นส่งผลให้น้องหมาน้องแมวเจ็บป่วยถึงแก่ชีวิต แต่เราควรเลือกแบบที่ไม่มีสารรุนแรงในน้ำยาจะดีกว่านะคะ
3. เก็บน้ำยาทำความไว้ในที่ปลอดภัย
ไม่ว่าจะเป็นคน หรือสัตว์ หากกลืน หรือดมกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดสารพัดชนิดในปริมาณที่เข้มข้น ก็มีสิทธิ์เวียนหัว อาเจียน และท้องร่วงได้ ดังนั้นหลังจากทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ควรเก็บน้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาถูพื้น น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ไว้ในที่ปลอดภัย ห่างจากเด็ก และไม่มีโอกาสตกแตก หรือรั่วไหลเด็ดขาดด้วยนะจ๊ะ
4. แขวนกรงนกไว้ให้ห่างตัวบ้าน
ลักษณะทางกายภาพของนกค่อนข้างแตกต่างจากสัตว์เลี้ยง เช่น หมา หรือแมว เพราะนกเป็นสัตว์ปีกที่สามารถบินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ ที่สำคัญในตัวนกเองก็ไม่มีปอด แต่จะมีถุงลม (Air Sac) ทำหน้าที่แทนปอด ซึ่งถุงลมที่ว่านี้ไม่มีความสามารถมากพอจะคัดกรองสารพิษที่นกสูดดมได้ ดังนั้นบ้านไหนที่เลี้ยงนก ควรจะขยับกรงนกออกไปให้ห่างตัวบ้าน เพื่อให้นกปลอดภัยจากกลิ่นสี กลิ่นน้ำยาทำความสะอาด และกลิ่นเผาไหม้จากกระทะเทฟรอนในระหว่างที่คุณทำอาหารด้วย
5. เก็บเครื่องปรุงรสในภาชนะที่มีฝาปิด
หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า เครื่องปรุงรสอย่างกระเทียม หัวหอม ถั่ว และผลไม้อย่างองุ่น และลูกเกด สามารถก่อให้เกิดโรคไตวายในสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมและหัวหอม ที่ส่งผลให้สัตว์เลี้ยงเกิดโรคโลหิตจางขั้นรุนแรงได้เลย รวมทั้งถั่วทุกชนิดก็อาจทำให้น้องหมา น้องแมวเกิดภาวะอัมพาตชั่วคราวได้ด้วย ฉะนั้นคุณจึงต้องเก็บอาหาร และเครื่องปรุงรสเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง หากสามารถบรรจุไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดแน่นหนาได้ก็จะดีมาก
6. แยกเก็บอาหารและยาของสัตว์เลี้ยง ให้ชัดเจน
กรณีหยิบอาหารและยาผิดประเภท หรือสลับกันกินเคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นความสะเพร่าที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว เนื่องจากหากคุณหยิบยาสำหรับสัตว์เลี้ยงมาให้ลูกรักกิน หรือหยิบยาของคนไปป้อนหมา และแมว โอกาสที่เด็ก และสัตว์เลี้ยงจะแพ้ยาก็มีสูงมาก แถมบางรายยังอาจถึงขั้นหายใจหอบ รวมทั้งขนหลุดร่วงหมดตัวได้เลยนะ และเพื่อเลี่ยงเหตุผิดพลาดเช่นนี้ ก็ควรจัดเก็บยาของสัตว์เลี้ยงและคนแยกออกจากกันอย่างชัดเจนที่สุด
7. อย่าให้สุนัขเฉียดใกล้ต้นปาล์ม
สำหรับบ้านที่มีสวน และปลูกต้นปาล์มไว้หลายต้น อาจจะต้องสร้างรั้วกั้นสุนัขไม่ให้มาวิ่งเล่นเพ่นพ่านแถวต้นปาล์มสักหน่อยแล้วล่ะ เพราะว่าต้นปาล์มกับสุนัขไม่ค่อยถูกกันเท่าไร หากน้องหมาของเราเผลอไปเคี้ยวลูกปาล์มขึ้นมา อาจจะเสี่ยงเป็นโรคตับล้มเหลวได้เลยทีเดียว
8. ระวังน้องแมวอย่าให้เล่นดอกลิลลี่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ดอกลิลลี่เป็นดอกไม้ที่สวยมาก ๆ แต่หากบ้านคุณมีเจ้าเหมียวอาศัยอยู่ด้วย ก็ไม่ควรปลูกดอกลิลลี่ หรือนำดอกลิลลี่มาปักแจกันแต่งบ้านโดยเด็ดขาด เนื่องจากในดอกลิลลี่มีสารพิษชนิดหนึ่งที่สามารถฆ่าน้องเหมียวของเราให้สิ้นชีพได้ง่าย ๆ ขนาดแค่แมวกินน้ำในแจกันที่ปักดอกลิลลี่อยู่ ก็อาจทำอันตรายถึงชีวิตได้เลยล่ะค่ะ
9 .ตรวจเช็กถังซักผ้าก่อนปั่นน้องแมวไปด้วย
ทาสแมวทุกคนน่าจะรู้ดีว่า เจ้าเหมียวของเราโปรดปรานพื้นที่อุ่น ๆ มากแค่ไหน ยิ่งมีที่กำบังด้วยแล้วยิ่งชอบใจมาก ๆ แม้แต่ในถังซักผ้าของเครื่องซักผ้าเองก็ไม่เว้น ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบโยนเสื้อผ้าใส่แล้วลงไปค้างไว้ในเครื่องซักผ้าเสมอ ๆ ก่อนเดินเครื่องซักผ้าก็น่าจะต้องใช้มือควาน ๆ ลงไปในถังซักสักนิด เพื่อตรวจสอบว่า มีเจ้าเหมียวนอนซุกตัวอยู่ในถังซักผ้าบ้างหรือเปล่า ไม่เช่นกันอาจเกิดเหตุสลดใจ ปั่นซักน้องเหมียวไปด้วย
10. ดูดฝุ่นพรมบ่อย ๆ ป้องกันภูมิแพ้
น้องหมา น้องแมว เห็นพื้นพรมเป็นไม่ได้ ต้องเข้ามานอนเกลือกกลิ้งผืนพรมบ่อย ๆ โดยเฉพาะแมวที่ชอบฝนเล็บกับพรม และโซฟาของเรามาก ๆ ฉะนั้นหากคุณเองก็มีลูกน้อยวัยกำลังคลาน ก็ควรต้องทำความสะอาดพื้นพรม และโซฟาบ่อย ๆ โดยดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ได้ หรือถ้าขยันหน่อยจะดูดฝุ่นทุกวันก็ยิ่งดีค่ะ เด็ก ๆ จะได้ไม่เสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้จากขนสัตว์
สัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของเราเช่นกัน ดังนั้นเราก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด และหากว่าคุณเองก็มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน ก็อย่าลืมดูแลบ้านให้ปลอดภัยทั้งกับคนและสัตว์เลี้ยงด้วยนะจ๊ะ