เทคนิคแต่งห้องนอนเป็นห้องออกกำลังกาย ฟิตสุขภาพ เฟิร์มหุ่นให้สุดเป๊ะ เรื่องง่าย ๆ แค่นี้คุณก็ทำได้เอง ไม่ต้องไปรื้อทุบโครงสร้างบ้านให้เสียหาย หรือเปลืองเงินเลยล่ะค่ะ
ใคร ๆ ก็รู้ว่าการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพและรูปร่างของเรามากแค่ไหน แต่อุปสรรคขัดขวางไม่ให้เราออกกำลังกายได้บ่อย ๆ นอกจากจะเป็นความขี้เกียจของเราเองแล้ว ประเด็นเรื่องสถานที่ออกกำลังกายก็มองข้ามไม่ได้เหมือนกันนะคะ ยิ่งบ้านไหนที่มีพื้นที่ไม่กว้างพอจะแบ่งไว้เป็นห้องออกกำลังกายอย่างจริงจังด้วยแล้ว อย่างนี้คงไม่ค่อยได้ออกกำลังกายกันเท่าไรแน่ ๆ เลย แต่ครั้นจะให้เดินทางไปฟิสเนส หรือสวนสาธารณะบ่อย ๆ คงไม่คุ้มค่าน้ำมันและค่าเสียเวลาหรอกเนอะ ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าเรามาแปลงโฉมห้องนอนให้กลายเป็นห้องออกกำลังกายส่วนตัวที่บ้าน ด้วยวิธีต่อไปนี้กันดีกว่าจ้า
1. จัดพื้นที่ให้เหมาะสม ก่อนอื่นเราต้องลองคำนวณคร่าว ๆ ว่าเราต้องการใช้พื้นที่มากน้อยแค่ไหน โดยดูจากกิจกรรมการออกกำลังกายของเรา ซึ่งถ้าห้องนอนมีขนาดไม่กว้างนัก อุปกรณ์ออกกำลังกายที่เราสามารถใช้ได้อาจจะมีแค่ลู่วิ่ง ม้านั่งซิทอัพ ลูกบอลเล่นโยคะ หรือจักรยานไฟฟ้าสำหรับออกกำลังกายขา เท่านั้น หมดสิทธิ์ใช้เครื่องออกกำลังกายชิ้นใหญ่ ๆ
แต่ทั้งนี้ควรเคลียร์พื้นที่ให้โล่งและเหมาะสมกับการเป็นพื้นที่สำหรับออกกำลังกายด้วยนะคะ อย่างเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ควรจัดชิดเข้ามุม ถ้าเป็นไปได้ควรจัดให้ตั้งในแถบเดียวกัน เพื่อเปิดพื้นที่ในห้องให้กว้างขวางขึ้น รวมทั้งต้องคอยระวังอย่าตั้งอุปกรณ์กีฬาชิดประตู หน้าต่าง ราว และตู้มากเกินไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเราเหวี่ยงไปโดนเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ในขณะที่ออกกำลังกาย
2. เปลี่ยนพื้นห้องเพิ่มความปลอดภัย สำหรับใครที่ต้องการใช้ห้องนอนเป็นพื้นที่ออกกำลังกายไปด้วยในตัวอย่างถาวร เพื่อความปลอดภัยอาจจะต้องใส่ใจเรื่องพื้นห้องเป็นพิเศษ เช่น ถ้าตอนนี้พื้นห้องเป็นปูน หรือกระเบื้องธรรมดาอาจจะปูพรมผืนหนาเพิ่ม เพื่อลดแรงกระแทกในเบื้องต้น หรือกรณีที่นิยมออกกำลังกายที่ต้องนอนราบกับพื้นเป็นส่วนใหญ่ เช่น ซิทอัพ วิดพื้น รวมทั้งบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ โดยการใช้พื้นเป็นหลัก แนะนำให้ปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง หรือแผ่นยางปูพื้นสำหรับห้องออกกำลังกายโดยเฉพาะ เพราะวัสดุปูพื้นประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากแรงกระแทกเมื่อออกกำลังกายมาอย่างดี แต่สำหรับคนที่ออกกำลังกายด้วยเครื่องออกกำลังกายเป็นส่วนใหญ่ ใช้พื้นห้องเป็นหลักในบางครั้ง กรณีนี้แค่เพียงหาเบาะรองนั่ง หรือผ้ายางที่ใช้รองเวลาเล่นโยคะมาปูเมื่อต้องการออกกำลังกายแทนก็น่าจะใช้ได้แล้วล่ะค่ะ
3. ตกแต่งเหมาะสม ช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจ การออกกำลังกายก็ต้องใช้พลังใจบวกกับแรงบันดาลใจไม่น้อยเลยเหมือนกัน ฉะนั้นนอกจากความเหมาะสมของพื้นที่แล้วเราก็ควรต้องใส่ใจเรื่องการตกแต่งห้องออกกำลังกายด้วย โดยสีที่แนะนำให้ใช้ในการตกแต่งคือ สีส้ม ช่วยกระตุ้นความคึกคัก สีฟ้า ผ่อนคลายเหมาะกับการเล่นโยคะ สีเขียว สดชื่นช่วยลดความเหน็ดเหนื่อย และสีชมพูอ่อน ซึ่งเป็นสีที่ช่วยให้บรรยากาศในการออกกำลังกายดูนุ่มนวลและสบาย ๆ
นอกจากนี้หากมีงบประมาณเพียงพอ อาจจะลงทุนติดตั้งกระจกเป็นผนังห้องไปด้วยเลย เพื่อให้ภาพสะท้อนในกระจกช่วยขยายมุมมองของห้องให้กว้างขวางขึ้น อีกทั้งเมื่อเราเห็นการเคลื่อนไหวของตัวเองในกระจก ก็จะทำให้เรารู้สึกสนุกกับการออกกำลังกายมากกว่าเดิม แถมยังมีโอกาสได้ตรวจสอบลักษณะการเคลื่อนไหวของตัวเองด้วยว่า ถูกต้องกับท่าออกกำลังกายต้นแบบหรือเปล่าด้วยนะจ๊ะ
หากอยากจะเปลี่ยนห้องนอนเป็นห้องออกกำลังกายที่เหมาะสมครบถ้วนอาจจะต้องใช้พื้นที่มากหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าห้องนอนแคบ ๆ จะแปลงโฉมให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายไม่ได้นะคะ เพราะเอาเข้าจริง ๆ แล้วถ้าคุณมีความตั้งใจจะออกกำลังกายจริง ๆ มีแค่พื้นที่ส่วนโถงปลายเตียงกับฮูลาฮุป 1 ห่วง เบาะรองเล่นโยคะ ชุดออกกำลังกาย และรองเท้าผ้าใบ แค่นี้ก็สามารถออกกำลังกายฟิตเฟิร์มสุขภาพได้ตั้งหลายอย่างแล้วจ้า
