เหตุผลที่ทำให้ธนาคารปฏิเสธการขอสินเชื่อบ้าน ถ้าอยากให้การขอสินเชื่อเป็นเรื่องง่าย เลี่ยง 3 ปัญหานี้ไว้เลย ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอีกคนที่โดนธนาคารปฏิเสธ
หลายคนวาดฝันเรื่องบ้านไว้อย่างดี วางแผนไว้หมดแล้วว่าจะทำอะไรบ้าง แต่แผนกลับสะดุดเมื่อโดนธนาคารปฏิเสธสินเชื่อบ้าน หลายคนคงงงว่าทำไมถึงโดนปฏิเสธ วันนี้เว็บไซต์ Terrabkk ก็จะมาเฉยให้ฟัง ถึง 3 อุปสรรคสำคัญที่ธนาคารปฏิเสธสินเชื่อบ้าน สำหรับใครที่ไม่อยากมีปัญหาระหว่างการขอสินเชื่อก็เลี่ยงการก่อปัญหาเหล่านี้ไว้เลย
3 อุปสรรคสำคัญที่ธนาคารปฏิเสธสินเชื่อบ้าน (Terrabkk)
ในขณะที่กำลังวาดฝันวางแผนจะซื้อบ้านสักหลัง กลับต้องพังครืนลงมาเพราะ "ธนาคารไม่อนุมัติ" หลายคนจึงมองว่า ขั้นตอนการติดต่อธนาคารนี่แหละ เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด ซึ่ง TerraBKK Research บอกได้เลยว่าไม่เสมอไป เพราะหากคุณมีการเตรียมตัวที่ดี ศึกษาข้อมูลมากพอ วันนี้ TerraBKK Research จะมาบอก 3 อุปสรรคที่ธนาคารจะปฏิเสธสินเชื่อบ้านเรา ใครที่กำลังมีแผนว่าจะซื้อบ้าน ระวัง 3 สิ่งต่อไปนี้
1. เปลี่ยนงาน
อย่าเพิ่งสงสัยว่าทำไมแค่เปลี่ยนงาน ธนาคารถึงกับไม่ให้กู้เลย ซึ่งจริง ๆ แล้วการเปลี่ยนงานถือเป็นเรื่องสำคัญมากของการยื่นกู้ เพราะมันหมายถึงความมั่นคงของรายได้ ไม่มีอะไรมาการันตีว่าเราจะผ่านทดลองงานหรือไม่ ? ไม่มีอะไรมาการันตีว่าเราจะอยู่ที่ใหม่ได้นานแค่ไหน? ซึ่งนั่นแปลว่าธนาคารต้องเสี่ยงปล่อยกู้ให้กับคนที่ไม่มีความมั่นคงอะไรเลย ดังนั้นพึงระลึกไว้เสมอว่า อย่าเพิ่งเปลี่ยนงานในขณะที่กำลังยื่นกู้บ้าน
2. หนี้ล้นพ้นตัว
หากคุณผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต ฯลฯ อยู่แล้ว และอยากจะผ่อนบ้านเพิ่มอีก อย่าเพิ่งรีบบึ่งไปที่ธนาคารเพื่อให้เขาตอบกลับมาว่าหนี้เกินตัว กลับมาคำนวณปริมาณหนี้สินก่อนว่า มากเกินไปที่จะกู้เพิ่มหรือเปล่า ?
โดยวิธีการคำนวณสัดส่วนหนี้ต่อรายได้คือ (รวมหนี้สินทั้งหมด/รายได้ทั้งหมด)x100 = สัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ เรียกว่า DTI (Debt to Income) ถ้าเกิน 36% ก็มีโอกาสที่จะกู้ไม่ผ่าน ทางแก้ก็คือ ต้องไปลดสัดส่วนหนี้สินลง ไม่ว่าจะเป็นปิดบัตรเครดิต ผ่อนรถให้หมด เป็นต้น
3. ประวัติการชำระหนี้ไม่ดี
ใครที่เคยติดหนี้ค้างชำระบัตรเครดิตหรือการผ่อนชำระต่าง ๆ ก็จะถูกจัดให้เป็นบุคคลติดหนี้เครดิตบูโร ซึ่งเมื่อคุณไปยื่นขอสินเชื่อเพื่อกู้บ้านใหม่อีกครั้ง ธนาคารก็จะเรียกดูรายงานข้อมูลเครดิตจากบริษัท หากพบว่าคุณเคยมีประวัติการชำระที่ไม่ดีมาก่อน การขอสินเสื่อครั้งนี้มีสิทธิ์ที่จะโดนปฏิเสธสูงมาก ซึ่งเราก็ไม่สามารถไปแก้ไขประวัติอะไรได้แล้ว แต่ไม่ต้องตกใจไป ไม่ได้แปลว่าชีวิตนี้คุณจะกู้อะไรไม่ได้อีก เพราะข้อมูลเหล่านี้จะอยู่ในระบบไม่เกิน 3 ปี หลังจากนั้นก็สามารถขอสินเชื่อตามปกติได้ แต่อย่าลืมว่าหากคิดจะซื้อบ้านก็อย่าเพิ่งไปสร้างหนี้เพิ่ม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก