มาทำความรู้จัก ความหมายของไม้ดอกไม้ประดับ วิธีแยกประเภทต้นไม้ พร้อม 12 สายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวย ๆ ที่นิยมนำมาปลูกติดบ้านกัน
เชื่อว่าทุกคนหากได้มีบ้านสักหลังก็คงอยากให้บ้านของตัวเองร่มรื่นน่าอยู่ ด้วยการปลูกต้นไม้ต่าง ๆ เอาไว้ติดสวน แต่บางคนอาจไม่ชอบต้นไม้ใหญ่ จึงมีความคิดที่จะปลูก ไม้ดอกไม้ประดับ ไว้เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยตกแต่งสวนในบ้านให้ออกมาสวยงามบ้างเหมือนกัน อีกทั้งไม้ดอกไม้ประดับยังเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก ปลูกง่าย เลี้ยงง่าย อีกด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับไม้ดอกไม้ประดับ และมีไม้ดอกไม้ประดับที่คนนิยมปลูกมาฝากกันด้วยค่ะ
ไม้ดอก หมายถึง พรรณไม้ทุกชนิดที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากความสวยงามของดอก มีดอกสวยงาม ดอกดก บานทน นิยมปลูกไว้ให้บานสวยงามอยู่กับต้นหรือตัดออกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ ไม้ดอกประดับ และไม้ตัดดอก
ไม้ดอกประดับ คือ พรรณไม้ดอกทุกชนิดที่ปลูกไว้เพื่อประดับบ้านเรือน อาคาร สถานที่ต่าง ๆ โดยให้ดอกบานติดอยู่กับต้น เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้สถานที่นั้นน่าอยู่อาศัยหรือน่าทำงาน ได้แก่ เข็มญี่ปุ่น, พิทูเนีย, แพงพวย, พุทธรักษา, บานชื่น, ปทุมมา, บัวสาย ฯลฯ ซึ่งหลายชนิดสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้
ดังนั้น ไม้ดอกไม้ประดับ จึงหมายถึงพรรณไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำให้เกิดความสวยงามทั้งภายในบริเวณบ้าน เช่น บริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายคาบ้าน และตั้งประดับไว้ตามส่วนต่าง ๆ ภายนอกตัวบ้านหรืออาคาร เป็นต้น
มีหลักพิจารณาและจำแนกต่างกัน แล้วแต่ความมุ่งหมายและความประสงค์ ซึ่งอาจแบ่งจำพวกพรรณไม้ดอกไม้ประดับเป็น 3 พวกใหญ่ ๆ คือ
1. การแบ่งพรรณไม้ดอกไม้ประดับตามความมุ่งหมายที่ใช้ หมายถึง การแบ่งพรรณไม้ตามความต้องการและมุ่งหมายที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ ดังนี้
- ไม้ตัดดอก (Cut flower plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูก ณ สถานที่ที่มีภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม เช่น สายลม แสงแดด อุณหภูมิ ดิน น้ำ ความชื้นสัมพัทธ์ การคมนาคม และระยะทางที่เหมาะสม เพื่อตัดเฉพาะส่วนดอกหรือช่อดอกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย เช่น แกลดิโอลัส, เบญจมาศ, เยอร์บีรา, หน้าวัว, กุหลาบ, ดาวเรือง, คาร์เนชั่น และบัวหลวง ไม้ดอกดังกล่าวจะถูกตัดออกจากต้นไปใช้ประโยชน์พร้อมทั้งก้านดอกด้วย ทั้งนี้ เพราะก้านดอกเป็นแหล่งสะสมอาหาร เมื่อดอกถูกตัดจากต้นเพื่อนำไปปักแจกันหรือจัดกระเช้า อาหารที่เก็บสะสมไว้ที่ก้านดอกจะถูกนำมาใช้ ช่วยให้ดอกไม้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ดังนั้น คุณลักษณะสำคัญของไม้ตัดดอก นอกจากดอกจะต้องสวยสดแล้ว ก้านดอกก็ต้องใหญ่ ยาว และแข็งแรง แต่ไม่เกะกะเก้งก้าง บรรจุหีบห่อได้ง่าย ขนส่งสะดวก มีน้ำหนักไม่มากนัก และเก็บรักษาได้นาน
ยังมีไม้ดอกอีกหลายชนิดที่มีก้านดอกสั้น กลวง และเปราะหักง่าย แต่ดอกสวยหรือมีกลิ่นหอม อายุการใช้งานทนนาน สามารถใช้ประโยชน์ได้ดีในวิถีชีวิตของคนไทย โดยการนำเฉพาะส่วนดอกไปร้อยมาลัย ทำอุบะ จัดพานพุ่ม หรือนำไปจัดแจกัน โดยใช้ก้านเทียมแทน เช่น รัก, มะลิ, พุด, จำปี, จำปา, แวนด้าโจคิม, บานไม่รู้โรย เป็นต้น
- ไม้ดอกกระถาง (Flowering pot plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกเลี้ยงในกระถางตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ดหรือย้ายต้นกล้า โดยการเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นลำดับให้เหมาะสมกับความสูงและการเจริญเติบโตของต้น เมื่อออกดอกจะนำไปใช้ประโยชน์ในการประดับทั้งต้นทั้งดอกพร้อมทั้งกระถาง ทำให้อายุการใช้งานทนนานกว่าไม้ตัดดอก เช่น บีโกเนีย, แพนซี, แอฟริกันไวโอเลต, กล็อกซิเนีย, อิมเพเชียน, พิทูเนีย เป็นต้น
ไม้ดอกที่นำมาปลูกเป็นไม้กระถางจึงต้องมีทรงพุ่ม ต้นกะทัดรัด ไม่เกะกะเก้งก้าง หรือมีต้นสูงใหญ่เกินกว่าที่จะนำมาปลูกเลี้ยงได้ในกระถางขนาดเล็กพอประมาณ เพื่อความสะดวกในการขนย้าย ที่สำคัญคือควรจะออกดอกบานพร้อมเพรียงกันเกือบทั้งต้นเพื่อความสวยงามในการใช้ประดับ ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มนุษย์สามารถปลูกเลี้ยงไม้ดอกหลาย ๆ ชนิดในกระถางขนาดเล็ก แม้จะมีขนาดต้นสูงใหญ่ โดยการใช้สารเคมีที่เรียกว่า สารชะลอการเจริญเติบโต โดยราดหรือพ่นเพื่อทำให้ไม้ดอกเหล่านั้นมีขนาดต้นเตี้ยลงตามความต้องการ ตลอดจนใช้เทคนิคบางประการในระหว่างการปลูกเลี้ยง เพื่อบังคับให้ไม้ดอกออกดอกพร้อมเพรียงกันทั้งต้นได้ โดยคงจำนวน ขนาด และสี ตลอดจนความสวยงามของดอก ให้ใกล้เคียงกับของเดิมทุกประการ
- ไม้ดอกประดับแปลง (Bedding plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกลงแปลง ณ บริเวณที่ต้องการปลูกตกแต่ง เพื่อประดับบ้านเรือน อาคาร สถานที่ ตลอดจนสวนสาธารณะ โดยไม่ตัดดอกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ประโยชน์ แต่ปล่อยให้ออกดอกบานสะพรั่งสวยงามติดอยู่กับต้นภายในแปลงปลูก เพื่อประโยชน์ในการประดับ จนกว่าจะร่วงโรยไป
2. การแบ่งพรรณไม้ดอกไม้ประดับตามลักษณะนิสัยของพรรณไม้ เช่น การแบ่งตามถิ่นกำเนิด แบ่งตามอายุความเจริญเติบโตของพรรณไม้ ตามลักษณะเนื้อไม้ ตามสิ่งแวดล้อม และตามลักษณะของลำต้น
3. การแบ่งพรรณไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตร์ มีความมุ่งหมายเพื่อจำแนกพรรณไม้ทั่ว ๆ ไปให้แน่ชัดในรูปร่าง ลักษณะนิสัยการดำรงชีพ และการสืบพันธุ์ของพรรณไม้ ให้อยู่เป็นกลุ่มที่แน่นอน ไม่ปะปนกัน
ไม้ดอกและไม้ประดับเป็นอวัยวะของพืชที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเมื่อมีการสูญเสียคุณภาพของก้าน ใบ หรือดอก จะไม่สามารถจำหน่ายได้ เพราะตลาดไม่ยอมรับ การสูญเสียคุณภาพมีสาเหตุมาจากหลายประการ เช่น การเหี่ยว การร่วงของใบหรือกลีบดอก การโค้งงอ เป็นต้น ในการคัดคุณภาพหรือจัดมาตรฐานไม้ดอกไม้ประดับนั้นต้องเข้าใจสาเหตุที่ทำให้คุณภาพของไม้ดอกไม้ประดับเสียไปด้วย ได้แก่
1. การเจริญเติบโตจนแก่ ทำให้คุณภาพเสื่อมลง และอาจทำให้เกิดการโค้งงอของก้านดอกได้
2. การเสื่อมสภาพ เป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้กำลังจะหมดอายุ ซึ่งคุณภาพจะต่ำลง
3. การเหี่ยว อายุการปักแจกันของดอกไม้และใบไม้ขึ้นอยู่กับการได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องและพอเพียง
4. การเหลืองของใบและอวัยวะอื่น ๆ ทำให้ดอกหมดอายุการใช้งาน
5. การร่วงของกลีบดอกและใบหรืออวัยวะอื่น ๆ จากสาเหตุต่าง ๆ
1. ดิน เป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับแรก เพราะดินจะช่วยพยุงลำต้น เป็นแหล่งให้น้ำ ให้อากาศ ตลอดจนแร่ธาตุต่าง ๆ ดินที่อุดมสมบูรณ์ พืชก็จะเจริญเติบโตได้ดี
2. ความชุ่มชื้นหรือน้ำ หมายถึง ความชุ่มชื้นที่อยู่ในดินและความชุ่มชื้นที่อยู่ในอากาศ ดินที่อุดมสมบูรณ์มีธาตุอากาศ หากขาดน้ำในดิน รากก็ไม่สามารถดูดไปใช้ได้ ความชุ่มชื้นในอากาศมีความจำเป็นต่อต้นไม้ เพราะจะช่วยให้ต้นไม้สดชื่นอยู่เสมอ
3. แสงสว่าง มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของต้นพืชนับตั้งแต่เมล็ดเริ่มงอก การสร้างฮอร์โมนในพืช การสร้างเม็ดสี ตลอดจนการออกดอกผลและอื่น ๆ พืชบางชนิดจะออกดอกเมื่อได้รับแสงสว่างเพียงพอ
4. อุณหภูมิ เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโต คุณภาพของดอกและปริมาณดอก
5. ปุ๋ย การเจริญเติบโตของพืชต้องการอาหารธาตุ ในการเจริญเติบโตจะได้รับอาหารธาตุเหล่านั้นจากดิน น้ำและอากาศ ในปัจจุบันธาตุในดินไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพื่อปรุงดินให้มีธาตุตามที่พืชต้องการ
6. โรคและแมลง โรคที่เกิดกับพืชมีทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย ส่วนแมลงนั้นมีมากมายหลายชนิด เช่น เพลี้ย หนอนต่าง ๆ เป็นต้น การฉีดยาป้องกันโรคและแมลงก่อนจะช่วยให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี
7. การตัดแต่ง จะมีผลต่อการเจริญเติบโต แตกกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ซึ่งจะช่วยในการกำหนดรูปร่างรูปทรงของพืชนั้น รวมทั้งการตัดกิ่งที่ไม่ต้องการออกด้วย
8. ตำแหน่งที่ปลูก มีผลต่อการเจริญเติบโตอีกประการหนึ่ง การเรียนรู้ลักษณะนิสัยของพืชนั้น ๆ จะทำให้สามารถเลือกสถานที่ที่จะปลูกพืชได้เหมาะสมเพื่อให้มีการเจริญเติบโตได้ดี
ไม้ดอกไม้ประดับ คืออะไร
ไม้ดอก หมายถึง พรรณไม้ทุกชนิดที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากความสวยงามของดอก มีดอกสวยงาม ดอกดก บานทน นิยมปลูกไว้ให้บานสวยงามอยู่กับต้นหรือตัดออกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ ไม้ดอกประดับ และไม้ตัดดอก
ไม้ดอกประดับ คือ พรรณไม้ดอกทุกชนิดที่ปลูกไว้เพื่อประดับบ้านเรือน อาคาร สถานที่ต่าง ๆ โดยให้ดอกบานติดอยู่กับต้น เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้สถานที่นั้นน่าอยู่อาศัยหรือน่าทำงาน ได้แก่ เข็มญี่ปุ่น, พิทูเนีย, แพงพวย, พุทธรักษา, บานชื่น, ปทุมมา, บัวสาย ฯลฯ ซึ่งหลายชนิดสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้
ดังนั้น ไม้ดอกไม้ประดับ จึงหมายถึงพรรณไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำให้เกิดความสวยงามทั้งภายในบริเวณบ้าน เช่น บริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายคาบ้าน และตั้งประดับไว้ตามส่วนต่าง ๆ ภายนอกตัวบ้านหรืออาคาร เป็นต้น
การจำแนกประเภทและแบ่งพรรณไม้
มีหลักพิจารณาและจำแนกต่างกัน แล้วแต่ความมุ่งหมายและความประสงค์ ซึ่งอาจแบ่งจำพวกพรรณไม้ดอกไม้ประดับเป็น 3 พวกใหญ่ ๆ คือ
1. การแบ่งพรรณไม้ดอกไม้ประดับตามความมุ่งหมายที่ใช้ หมายถึง การแบ่งพรรณไม้ตามความต้องการและมุ่งหมายที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ ดังนี้
- ไม้ตัดดอก (Cut flower plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูก ณ สถานที่ที่มีภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม เช่น สายลม แสงแดด อุณหภูมิ ดิน น้ำ ความชื้นสัมพัทธ์ การคมนาคม และระยะทางที่เหมาะสม เพื่อตัดเฉพาะส่วนดอกหรือช่อดอกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย เช่น แกลดิโอลัส, เบญจมาศ, เยอร์บีรา, หน้าวัว, กุหลาบ, ดาวเรือง, คาร์เนชั่น และบัวหลวง ไม้ดอกดังกล่าวจะถูกตัดออกจากต้นไปใช้ประโยชน์พร้อมทั้งก้านดอกด้วย ทั้งนี้ เพราะก้านดอกเป็นแหล่งสะสมอาหาร เมื่อดอกถูกตัดจากต้นเพื่อนำไปปักแจกันหรือจัดกระเช้า อาหารที่เก็บสะสมไว้ที่ก้านดอกจะถูกนำมาใช้ ช่วยให้ดอกไม้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ดังนั้น คุณลักษณะสำคัญของไม้ตัดดอก นอกจากดอกจะต้องสวยสดแล้ว ก้านดอกก็ต้องใหญ่ ยาว และแข็งแรง แต่ไม่เกะกะเก้งก้าง บรรจุหีบห่อได้ง่าย ขนส่งสะดวก มีน้ำหนักไม่มากนัก และเก็บรักษาได้นาน
ยังมีไม้ดอกอีกหลายชนิดที่มีก้านดอกสั้น กลวง และเปราะหักง่าย แต่ดอกสวยหรือมีกลิ่นหอม อายุการใช้งานทนนาน สามารถใช้ประโยชน์ได้ดีในวิถีชีวิตของคนไทย โดยการนำเฉพาะส่วนดอกไปร้อยมาลัย ทำอุบะ จัดพานพุ่ม หรือนำไปจัดแจกัน โดยใช้ก้านเทียมแทน เช่น รัก, มะลิ, พุด, จำปี, จำปา, แวนด้าโจคิม, บานไม่รู้โรย เป็นต้น
- ไม้ดอกกระถาง (Flowering pot plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกเลี้ยงในกระถางตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ดหรือย้ายต้นกล้า โดยการเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นลำดับให้เหมาะสมกับความสูงและการเจริญเติบโตของต้น เมื่อออกดอกจะนำไปใช้ประโยชน์ในการประดับทั้งต้นทั้งดอกพร้อมทั้งกระถาง ทำให้อายุการใช้งานทนนานกว่าไม้ตัดดอก เช่น บีโกเนีย, แพนซี, แอฟริกันไวโอเลต, กล็อกซิเนีย, อิมเพเชียน, พิทูเนีย เป็นต้น
ไม้ดอกที่นำมาปลูกเป็นไม้กระถางจึงต้องมีทรงพุ่ม ต้นกะทัดรัด ไม่เกะกะเก้งก้าง หรือมีต้นสูงใหญ่เกินกว่าที่จะนำมาปลูกเลี้ยงได้ในกระถางขนาดเล็กพอประมาณ เพื่อความสะดวกในการขนย้าย ที่สำคัญคือควรจะออกดอกบานพร้อมเพรียงกันเกือบทั้งต้นเพื่อความสวยงามในการใช้ประดับ ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มนุษย์สามารถปลูกเลี้ยงไม้ดอกหลาย ๆ ชนิดในกระถางขนาดเล็ก แม้จะมีขนาดต้นสูงใหญ่ โดยการใช้สารเคมีที่เรียกว่า สารชะลอการเจริญเติบโต โดยราดหรือพ่นเพื่อทำให้ไม้ดอกเหล่านั้นมีขนาดต้นเตี้ยลงตามความต้องการ ตลอดจนใช้เทคนิคบางประการในระหว่างการปลูกเลี้ยง เพื่อบังคับให้ไม้ดอกออกดอกพร้อมเพรียงกันทั้งต้นได้ โดยคงจำนวน ขนาด และสี ตลอดจนความสวยงามของดอก ให้ใกล้เคียงกับของเดิมทุกประการ
- ไม้ดอกประดับแปลง (Bedding plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกลงแปลง ณ บริเวณที่ต้องการปลูกตกแต่ง เพื่อประดับบ้านเรือน อาคาร สถานที่ ตลอดจนสวนสาธารณะ โดยไม่ตัดดอกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ประโยชน์ แต่ปล่อยให้ออกดอกบานสะพรั่งสวยงามติดอยู่กับต้นภายในแปลงปลูก เพื่อประโยชน์ในการประดับ จนกว่าจะร่วงโรยไป
2. การแบ่งพรรณไม้ดอกไม้ประดับตามลักษณะนิสัยของพรรณไม้ เช่น การแบ่งตามถิ่นกำเนิด แบ่งตามอายุความเจริญเติบโตของพรรณไม้ ตามลักษณะเนื้อไม้ ตามสิ่งแวดล้อม และตามลักษณะของลำต้น
3. การแบ่งพรรณไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตร์ มีความมุ่งหมายเพื่อจำแนกพรรณไม้ทั่ว ๆ ไปให้แน่ชัดในรูปร่าง ลักษณะนิสัยการดำรงชีพ และการสืบพันธุ์ของพรรณไม้ ให้อยู่เป็นกลุ่มที่แน่นอน ไม่ปะปนกัน
คุณภาพของไม้ดอกไม้ประดับ
ไม้ดอกและไม้ประดับเป็นอวัยวะของพืชที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเมื่อมีการสูญเสียคุณภาพของก้าน ใบ หรือดอก จะไม่สามารถจำหน่ายได้ เพราะตลาดไม่ยอมรับ การสูญเสียคุณภาพมีสาเหตุมาจากหลายประการ เช่น การเหี่ยว การร่วงของใบหรือกลีบดอก การโค้งงอ เป็นต้น ในการคัดคุณภาพหรือจัดมาตรฐานไม้ดอกไม้ประดับนั้นต้องเข้าใจสาเหตุที่ทำให้คุณภาพของไม้ดอกไม้ประดับเสียไปด้วย ได้แก่
1. การเจริญเติบโตจนแก่ ทำให้คุณภาพเสื่อมลง และอาจทำให้เกิดการโค้งงอของก้านดอกได้
2. การเสื่อมสภาพ เป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้กำลังจะหมดอายุ ซึ่งคุณภาพจะต่ำลง
3. การเหี่ยว อายุการปักแจกันของดอกไม้และใบไม้ขึ้นอยู่กับการได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องและพอเพียง
4. การเหลืองของใบและอวัยวะอื่น ๆ ทำให้ดอกหมดอายุการใช้งาน
5. การร่วงของกลีบดอกและใบหรืออวัยวะอื่น ๆ จากสาเหตุต่าง ๆ
ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ
1. ดิน เป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับแรก เพราะดินจะช่วยพยุงลำต้น เป็นแหล่งให้น้ำ ให้อากาศ ตลอดจนแร่ธาตุต่าง ๆ ดินที่อุดมสมบูรณ์ พืชก็จะเจริญเติบโตได้ดี
2. ความชุ่มชื้นหรือน้ำ หมายถึง ความชุ่มชื้นที่อยู่ในดินและความชุ่มชื้นที่อยู่ในอากาศ ดินที่อุดมสมบูรณ์มีธาตุอากาศ หากขาดน้ำในดิน รากก็ไม่สามารถดูดไปใช้ได้ ความชุ่มชื้นในอากาศมีความจำเป็นต่อต้นไม้ เพราะจะช่วยให้ต้นไม้สดชื่นอยู่เสมอ
3. แสงสว่าง มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของต้นพืชนับตั้งแต่เมล็ดเริ่มงอก การสร้างฮอร์โมนในพืช การสร้างเม็ดสี ตลอดจนการออกดอกผลและอื่น ๆ พืชบางชนิดจะออกดอกเมื่อได้รับแสงสว่างเพียงพอ
4. อุณหภูมิ เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโต คุณภาพของดอกและปริมาณดอก
5. ปุ๋ย การเจริญเติบโตของพืชต้องการอาหารธาตุ ในการเจริญเติบโตจะได้รับอาหารธาตุเหล่านั้นจากดิน น้ำและอากาศ ในปัจจุบันธาตุในดินไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพื่อปรุงดินให้มีธาตุตามที่พืชต้องการ
6. โรคและแมลง โรคที่เกิดกับพืชมีทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย ส่วนแมลงนั้นมีมากมายหลายชนิด เช่น เพลี้ย หนอนต่าง ๆ เป็นต้น การฉีดยาป้องกันโรคและแมลงก่อนจะช่วยให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี
7. การตัดแต่ง จะมีผลต่อการเจริญเติบโต แตกกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ซึ่งจะช่วยในการกำหนดรูปร่างรูปทรงของพืชนั้น รวมทั้งการตัดกิ่งที่ไม่ต้องการออกด้วย
8. ตำแหน่งที่ปลูก มีผลต่อการเจริญเติบโตอีกประการหนึ่ง การเรียนรู้ลักษณะนิสัยของพืชนั้น ๆ จะทำให้สามารถเลือกสถานที่ที่จะปลูกพืชได้เหมาะสมเพื่อให้มีการเจริญเติบโตได้ดี
ไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมปลูกติดบ้าน
1. บัว
พรรณไม้น้ำที่ถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ผุดผ่องและคุณงามความดี และในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบระดับสติปัญญาของมนุษย์กับการเจริญเติบโตของบัวเป็น 3 เหล่า คือ บัวในโคลนตม บัวใต้น้ำ และบัวเหนือน้ำ ดังนั้น บัวจึงเป็นพรรณไม้น้ำที่เหมือนเป็นตัวแทนของความสง่างาม ดอกมีขนาดใหญ่ มีสีสันสวยงาม บางชนิดมีกลิ่นหอมน่าชื่นชม พุทธศาสนิกชนนิยมนำมาบูชาพระ
2. กุหลาบ
เป็นไม้ดอกที่มีความสวยงาม จนกระทั่งมีผู้ให้ฉายาว่า "ราชินีแห่งดอกไม้" ดังนั้น กุหลาบจึงเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกและใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้กุหลาบยังมีคุณสมบัติที่ดีเด่นอีกหลายประการ สามารถใช้ประโยชน์ได้กว้างขวาง เช่น เป็นไม้กระถาง ไม้ตัดดอก ตกแต่งสถานที่ ตลอดจนใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับทำเป็นน้ำมันหอมระเหยและดอกไม้แห้งด้วย
3. โป๊ยเซียน
ต้นไม้แห่งโชคลาภตามความเชื่อถือแต่โบราณ จัดเป็นไม้อวบน้ำ อยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae ซึ่งเป็นวงศ์ใหญ่มาก พบได้ทั่วไปในประเทศเขตร้อน พืชในวงศ์นี้มีมากกว่า 300 สกุล โป๊ยเซียนจัดเป็นพืชที่อยู่ในสกุล Euphorbia ซึ่งในสกุลนี้มีไม่ต่ำกว่า 2,500 ชนิด ได้แก่ คริสต์มาส, สลัดได, ส้มเช้า, หญ้ายาง และกระบองเพชรบางชนิด เป็นต้น
4. ชวนชม
เป็นพรรณไม้ที่มีสีสันของดอกสวยงามสะดุดตา มีรูปทรงของต้นและกิ่งก้านที่สวยงามอ่อนช้อยนุ่มนวล เป็นไม้ที่ปลูกเลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพแห้งแล้ง จนได้รับสมญาว่า Desest Rose หรือ "กุหลาบทะเลทราย" นอกจากนี้ชวนชมยังเป็นชื่อที่มีความไพเราะเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของคนไทย แม้แต่ชาวจีนซึ่งเรียกชวนชมว่า "ปู้กุ้ยฮวย" หรือ ดอกไม้แห่งความร่ำรวย ก็ยังมีความหมายไปในทางสิริมงคลเช่นกัน
5. ขิงแดง
เป็นพืชที่มีการปลูกประดับบ้านเรือนมานานแล้ว มีการดูแลรักษาง่าย สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินทั่วไป ขยายพันธุ์ได้ด้วยหน่อ และให้ดอกตลอดปี ขิงแดงมีช่อดอกที่สวยงาม สามารถบานอยู่บนต้นไม้ได้นาน และมีรูปทรงของดอกที่แปลกกว่าไม้ดอกชนิดอื่น ๆ ประกอบกับเมื่อนำมาปักแจกันพบว่ามีอายุในแจกันที่เหมาะสม ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากวิวัฒนาการจากการปลูกเป็นไม้ประดับบริเวณบ้าน มาเป็นการปลูกเพื่อตัดดอกเป็นการค้ามากขึ้น
6. มะลิ
เป็นพรรณไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบ ๆ ลำต้น สูงประมาณ 5 ฟุต ใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกเป็นคู่ไปตามก้านต้น ลักษณะใบป้อมมน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบไม่มีจัก ผิวใบเรียบสีเขียวเข้ม ใบยาว 2-3 นิ้ว มีดอกเป็นดอกเดี่ยวออกเป็นช่อตามปลายยอดหรือปลายกิ่งประมาณ 3-5 ดอก แล้วแต่ชนิดพันธุ์ ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน ออกดอกตลอดปี มะลิเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัดหรือกลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง ปลูกในดินร่วนซุย ขยายพันธุ์โดยการปักชำหรือตอนกิ่ง
7. ดาวเรือง
เป็นไม้ดอกที่คนไทยรู้จักกันดีชนิดหนึ่ง เนื่องจากปลูกง่าย โดเร็ว คงทนต่อสภาพแวดล้อม มีสีสันสดใส ดอกมีลักษณะกลมสวยงาม อายุการใช้งานนานประมาณ 7-10 วัน นอกจากนี้ดาวเรืองยังเป็นพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ประมาณ 60-70 วันก็สามารถตัดจำหน่ายได้ รวมทั้งดาวเรืองยังเป็นพืชที่ขึ้นได้ดีทุกสภาพพื้นที่และทุกฤดูกาลของประเทศ และเป็นไม้ดอกที่สามารถทำรายได้ให้กับผู้ปลูกสูง
8. ทานตะวัน
เป็นดอกไม้สีเหลือง ดอกใหญ่กว่าดอกรักเร่ เป็นที่สะดุดตามาก บางทีดอกจะใหญ่กว่าลำต้นด้วยซ้ำ นิยมปลูกเป็นแปลง เป็นไม้ที่ปลูกง่ายและโตเร็ว เมื่อออกดอกแล้วดอกจะหันไปทางทิศตะวันออกเพื่อรับแสงแดดอย่างเต็มที่โดยไม่หันไปทางทิศอื่น จึงได้ชื่อว่า ดอกทานตะวัน
9. โกสน
จัดเป็นไม้ประเภทไม้พุ่ม มีตั้งแต่พุ่มขนาดเล็กจนถึงพุ่มขนาดใหญ่ โดยทั่วไปนิยมปลูกเป็นไม้ประดับในกระถางเพื่อให้มีลักษณะเป็นพุ่มเล็ก ๆ แต่ถ้าปลูกลงดินและมีอายุหลายปี ลำต้นจะสูงเป็นพุ่มขนาดใหญ่ได้เช่นกัน จุดเด่นของโกสน คือ เป็นไม้ที่มีใบแปลกไปจากไม้ชนิดอื่น ๆ มีรูปร่างลักษณะของใบแตกต่างกันออกไปหลากหลายรูปแบบ
10. สาวน้อยประแป้ง
เป็นไม้ประดับอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความนิยมปลูกเลี้ยงไว้ประดับอาคารบ้านเรือนและสำนักงานอย่างแพร่หลายไม่ต่างไปจากเขียวหมื่นปี ไม้ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อมาถึงเมืองไทยก็กลายเป็นไม้มงคลที่ถูกตั้งชื่อให้มีความหมายไปในทางมงคล
11. เขียวหมื่นปี
เป็นไม้ประดับที่มีใบสวยงาม สีเขียวตลอดทั้งปี สามารถเจริญงอกงามได้แม้ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย จึงนิยมใช้ปลูกเลี้ยงประดับภายในอาคาร นอกจากนี้เขียวหมื่นปียังทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่แห้งแล้งหรือความชื้นต่ำได้ดี เป็นพืชในวงศ์ Araceae สกุล Aglaonema มีถิ่นกำเนินกระจายอยู่ในประเทศเขตร้อนของเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ จีน และแอฟริกา ไม้ในตระกูลนี้คนไทยส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันในชื่อว่า ว่านมงคล ที่มีสรรพคุณต่าง ๆ กันตามความเชื่อถือ
12. บอนสี
เป็นไม้ประดับที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะใบที่มีรูปทรงและสีสันสวยงามแปลกตาจนได้ชื่อว่า "ราชินีแห่งไม้ใบ" เป็นพืชในวงศ์ Araceae สกุล Caladium มีถิ่นกำเนิดแถวทวีปอเมริกาใต้และประเทศในเขตร้อนทั่วไป บอนสีเป็นไม้ประเภทล้มลุกที่มีหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน คล้ายหัวเผือกหรือมัน มีรากเป็นเส้นฝอยเล็ก ๆ แทงออกมาระหว่างหัวกับลำต้น และพักตัวอยู่ในฤดูหนาว โดยจะทิ้งใบจนหมดสิ้นและเริ่มผลิใบเจริญเติบโตอีกครั้งในฤดูฝน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับข้อมูลเรื่องไม้ดอกไม้ประดับน่ารู้ที่คุณสามารถนำมาใช้ตกแต่งบ้านเรือนให้มีความร่มรื่นน่าอยู่ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด ได้มองไม้ดอกเหล่านี้ผลิดอกเบ่งบานยามเช้า คงเป็นภาพที่น่าชม ถ้ายังไงลองเลือกไม้ดอกไม้ประดับสักชนิดไปปลูกกันดูบ้างนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : womansday.com และ bobvila.com