ตอนนี้มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาในคอนโดบ่อย ๆ เพราะตอนซื้อไม่ได้ตรวจเช็กให้ดีก่อนจะโอน หรือบางคนไม่รู้จะตรวจเช็กอย่างไร ก็เห็นห้องใหม่เลยไม่คิดว่าจะมีปัญหา แต่พอย้ายเข้ามาอยู่จริง ๆ กลับเจอสารพัดปัญหา 108 แจ้งไปแล้วก็เงียบบ้าง ไม่ก็แก้แล้วแต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เอาเป็นว่าสำหรับใครที่ยังไม่โอนหรือกำลังวางแผนจะซื้อคอนโด มาตรวจเช็กสภาพห้องก่อนโอนกับเทคนิคดี ๆ จาก TerraBKK กันก่อนค่ะ
วิธี “ตรวจเช็กคอนโดก่อนโอน” อย่างไรไม่ให้พลาด (TerraBKK)
หลายคนใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตอยากที่จะมีอสังหาริมทรัพย์ดี ๆ สักชิ้นไว้ในครอบครอง แต่ก็ต้องผิดหวังกับการก่อสร้างที่มีตำหนิ ไม่ได้มาตรฐาน ของเหล่านักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งจากการเร่งงานก่อสร้าง การบังคับให้ลูกค้าโอนคอนโดเร็ว ๆ การใช้วัสดุที่ไม่มีมาตรฐาน หรือการเก็บงานไม่ละเอียด ทำให้หลายคนต้องมีปากมีเสียงกับทางเจ้าของโครงการที่ไม่มีคุณภาพหลังจากโอนโครงการเรียบร้อยแล้ว จึงได้รวบรวม วิธี “ตรวจเช็คคอนโดก่อนโอน” เพื่อไม่ได้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาหลังจากการโอนคอนโด
วิธีการตรวจเช็กคอนโดมีหลายส่วนที่เราต้องคำนึง ก่อนอื่นขอแนะนำเครื่องมือสำหรับตรวจคอนโด ก่อนที่จะเข้าไปเรียนรู้วิธีตรวจคอนโด อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้
- กระดาษจดรายการ
- สติ๊กเกอร์สำหรับแปะจุดที่มีตำหนิ
- ไขควงวัดไฟ
- กล้องถ่ายรูป
- เหรียญบาท
- ลูกแก้ว
- ทิชชู
ต่อมามาเรียนรู้กันว่าเราจะต้องตรวจสอบจุดไหนบ้าง
1. การตรวจเช็กพื้น
- พื้นที่ได้ตรงตามสเปคในสัญญาหรือไม่ ถ้าไม่ตรงตามสัญญาบันทึกเอาไว้
- ตรวจสอบระดับพื้นว่าได้ระดับและเรียบเสมอกันหรือไม่ โดยใช้วิธีการลากเท้าไปตามพื้นกระเบื้องหรือพื้นไม้จะรู้สึกได้ว่าพื้นเรียบหรือไม่
- สำหรับพื้นไม้พวกลามิเนตหรือ Engineer Wood ให้ลองเดินแบบเท้าต่อเท้าให้ทั่วห้องเราจะรู้ได้เลยว่าพื้นตรงไหนยวบบ้าง ส่วนไหนยวบก็แปะสติ๊กเกอร์ลงไปและจดรายการให้เรียบร้อย (อย่าใช้การจำเพราะจะจำไม่ได้ในการเข้ามาตรวจเช็กในครั้งต่อไป)
- ตรวจสอบว่าพื้นส่วนไหนที่โปร่งบ้าง โดยการใช้เหรียญเคาะไล่ไปตามกระเบื้องทุกแผ่น การเคาะจะทำให้ได้ยินเสียงที่แตกต่างกันระหว่างพื้นที่โปร่งกับพื้นที่ที่ได้มาตรฐาน ถ้าได้ยินเสียงในลักษณะโปร่ง ๆ ก็แสดงว่ามีหลุมใต้กระเบื้องให้แปะเอาไว้เลย
- เช็กระดับว่ามีพื้นตรงไหนเป็นแอ่งหรือไม่ โดยใช้ลูกแก้ววางในมุมต่าง ๆ ของห้อง แล้วดูว่าลูกแก้วเคลื่อนไปทางไหน ลูกแก้วไหลเร็วหรือไม่ ถ้าไหลเร็วแสดงว่า พื้นไม่เรียบ มีการเทไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป หรือกรณีที่ลูกแก้วไหลมากองรวมกันแสดงว่า จุดที่มากองรวมกันมีลักษณะเป็นแอ่งเป็นหลุม ถ้าเป็นพื้นห้องน้ำหรือพื้นระเบียงแล้วมีลักษณะเป็นแอ่งแบบนี้ต้องให้ช่างแก้ไขทันที พื้นห้องน้ำที่ดีลูกแก้วต้องไหลไปกองที่ท่อระบายน้ำ น้ำจะได้ไม่ขัง
2. การตรวจเช็กผนัง
- เช็กว่าผนังต้อง เรียบ ไม่มีร่องรอยปูด และไม่มีการกระเทาะของปูน สำหรับห้องที่ติดวอลเปเปอร์ นักพัฒนาที่ไม่ดีอาจจะใช้วอลเปเปอร์พรางสายตาปิดร่องรอยงานที่ทำไม่เรียบร้อยอยู่หลังวอลเปเปอร์ ต้องสังเกตให้ดีว่ามีรอยบุบ ยุบ และถลอกหรือไม่
- บริเวณบัว ลองใช้มือเคาะดูว่ามีเสียงโปร่งหรือไม่ ถ้าโปร่งแสดงว่าบริเวณนั้นปูนบริเวณผนังอาจจะโปร่งได้
- สีผนังต้องไม่มีรอยแตกร้าว ไม่มีรอยด่าง สีต้องเสมอทั่วกัน
3. การตรวจเช็กเพดาน
- เพดานต้องเรียบเสมอ ไม่เป็นแอ่ง หรือตกท้องช้าง
4. การตรวจเช็กระบบน้ำ
- ตรวจเช็กก๊อกน้ำทุกอันดูว่าน้ำไหลดีและไหลคล่องหรือไม่ ถ้าไม่คล่องแสดงว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างอุดตันอยู่ เช่น เศษหิน เศษปูน และลองหมุนก๊อกน้ำดูว่าหมุนคล่องหรือไม่ หมุนได้สุดหรือไม่
- เช็กสายฉีดชำระ น้ำต้องไหลคล่องไหลแรง
- ตรวจเช็กว่ามีการไหลซึมของน้ำบริเวณท่อใต้อ่างล้างมือ ทั้งในห้องน้ำและห้องครัวหรือไม่
- ตรวจระบบชักโครก โดยใส่ทิชชูลงในโถส้วมแล้วลองกดชักโครกดูว่า ทิชชูสามารถไหลลงได้ในน้ำเดียวหรือไม่ ถ้าขนาดทิชชูไม่สามารถไหลลงไปได้ แสดงว่าระบบชักโครกมีปัญหาต้องแก้ไข
- ปิดก๊อกน้ำและปิดฝักบัวทุกอัน แล้วดูมิเตอร์น้ำว่ายังวิ่งหรือไม่ ถ้ามิเตอร์น้ำยังวิ่งอยู่แสดงว่ามีน้ำรั่วเกิดขึ้น ให้เรียกช่างตรวจเช็กทันที
5. การตรวจเช็กระบบไฟ
- เช็กเต้าจ่ายไฟทุกอันว่ามีไฟหรือไม่ เช็กโดยใช้ไขควงวัดไฟตรวจ (ต้องเช็กทุกอัน)
- ปลั๊กไฟเวลาเสียบต้องเสียบได้สะดวก ไม่ติดขัด
- เปิดไฟทุกดวงว่ามีไฟดวงไหนไม่ติดบ้าง ถ้าหลอดไหนขาดแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที หลังจากเช็กเสร็จลองปิดไฟทุกดวงแล้วดูมิเตอร์ไฟว่ามิเตอร์หยุดวิ่งหรือไม่ ถ้าไม่หยุดแสดงว่าไฟรั่ว (ไม่ต้องสับ Breaker)
- ลองเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดมากับตัวโครงการดูว่าสามารถใช้ได้หรือไม่
6. ตรวจเช็ก ประตู และหน้าต่าง
- วงกบประตูต้องไม่มีรอยแตกของไม้ ไม่บิดงอ
- ต้องไม่มีช่องว่างระหว่างผนังกับวงกบประตูและหน้าต่าง
- ลองปิด-เปิดประตูและหน้าต่างดูว่า เปิดได้คล่อง ติดขัด ฝืด และปิดสนิทหรือไม่ มีแสงเล็ดลอดเข้ามาตามขอบหน้าต่างหรือไม่
7. การเก็บงาน
- การยิงซิลิโคนเลอะเทอะหรือไม่ สีที่ใช้เลอะเฟอร์นิเจอร์หรือไม่ กระจกมีรอยตำหนิ จุดด่างดำหรือไม่
8. ตรวจสอบนิติบุคคล
- นิติบุคคลเป็นของเจ้าของโครงการเองหรือเป็นการ Outsource
- ในกรณีที่เป็น Outsource ต้องดูประวัติบริษัทว่ามีประวัติการบริหารอาคารอย่างไรบ้าง โกงหรือไม่ อาคารที่เคยบริหารปัจจุบันยังดูใหม่ ดูดีเหมือนเดิมหรือไม่ นิติบุคคลปล่อยปละละเลยหรือไม่
- นิติบุคคลมีช่างคอยให้บริการในกรณีที่มีปัญหาหรือไม่
วิธีตรวจเช็กคอนโดทั้งหมดที่รวบรวมมาหวังว่า จะช่วยลดปัญหาการร้องเรียนจากการโอนห้องที่ไม่ได้คุณภาพของทางโครงการได้บ้าง สิ่งที่จะแนะนำเพิ่มเติมคือ เราเป็นเจ้าของเงินที่จ่ายให้กับโครงการ ดังนั้นคอนโดที่จะโอนควรที่ต้องตรวจเช็กให้เรียบร้อยผ่านทุกขั้นตอนก่อนถึงทำการโอน ห้ามโอนก่อนแล้วค่อยมาตรวจเช็ก เพราะถ้าโอนแล้วคุณจะมีอำนาจในการต่อรองน้อยลงในกรณีที่ห้องมีปัญหา
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก