ไอเดียตกแต่งคอนโดขนาดเล็ก ในพื้นที่เพียง 34.5 ตารางเมตร ที่ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่กลับมีครบหมดทุกอย่าง เหมือนอยู่บ้านเลยทีเดียว
เมื่อเทียบกับขนาดของบ้าน ห้องในคอนโดก็ถือว่าเล็กมากทีเดียว ฉะนั้นหากจะใส่ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ในคอนโดให้เหมือนกับบ้านก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็ใช้ว่าไม่มีทางทำได้เลยเสียทีเดียว อย่างเช่นคุณ ประชาตาดำ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ก็สามารถทำให้คอนโดเล็ก ๆ ของเขาที่มีพื้นที่เพียง 34.5 ตารางเมตรมีครบทุกอย่างเหมือนอยู่บ้าน แถมแว่ว ๆ มาว่าใช้งบไม่เกิน 2 แสนด้วยนะคะ ไปดูกันดีกว่าว่าเขาทำได้อย่างไร ? แล้วห้องจะออกมาน่าอยู่หรือเปล่า
[CR]รีวิว ทำ คอนโด 34.5 ตรม. ให้มีครบเหมือนบ้าน โดย คุณ ประชาตาดำ
สวัสดีครับผมชื่อนายหางปลา แต่ขอยืมไอดีของคุณพ่อมาใช้ครับ เรื่องราวของผมมีอยู่ว่าผมต้องย้ายมาทำงาน ณ ใจกลางเมืองหลวง ในช่วงปีแรก ๆ ของการทำงานมีห้องพักให้พัก แต่พอมีรุ่นน้องจบใหม่มาทำงานแล้วไม่มีห้องพัก ประจวบกับผมได้เลื่อนขั้นสูงขึ้นพอดี เลยมีความเห็น (ในใจคนเดียว) ว่าควรเสียสละห้องให้น้องอยู่ แล้วเราก็ย้ายออกไปซื้อคอนโดเป็นของตัวเองได้แล้ว
หลังห้วงความคิดนั้นจบ ก็เก็บข้อมูลมาเรื่อย ๆ แต่อย่าว่างั้นงี้เลยนะครับ คอนโดย่านทองหล่อแพงระดับเงินเดือน 3 เดือนยังผ่อนไม่ไหว พอเขยิบไปไกลอีกหน่อย ก็ยังหาไม่ได้ แต่โชคชะตาฟ้าลิขิตเพื่อนเก่าสมัยเรียนโทรศัพท์มาหาในช่วงที่กำลังหาคอนโดอยู่แล้วบอกกับผมว่า เขาซื้อจองคอนโดตรงท้ายซอยเอกมัยติดกับตึกชาญอิสสระเอาไว้และกำลังจะขาย ซึ่งก็เห็นว่าใกล้กับที่ทำงานของผมพอดี เลยถามผมว่าสนใจไหม เขาขายเท่าทุนเลยนะ แม้เพื่อนยังพูดไม่จบ ผมก็ตอบรับกลับไปทันที และจากวินาทีนั้นโปรเจคท์คอนโดแรกของผมก็เริ่มต้นขึ้นครับ
และเมื่อทางโครงการติดต่อให้ไปดูห้อง ความคิดแรกคือดีใจแบบบอกไม่ถูกเลยครับ ตอนไปดูห้องก็ไม่ผิดหวัง เพราะแทบไม่ต้องแก้อะไรเลย ยอมรับว่าคอนโดงานดีจริง ๆ หลังจากนั้นก็เตรียมทำเรื่องกู้ เสร็จแล้วก็กลับมาคิดแบบห้องไว้เลยครับ
ต่อไปสิ่งเป็นที่ผมอยากให้มีในห้องของผมครับ
1. อยากได้ห้องที่เป็นสัดส่วน
2. อยากได้ห้องที่มีที่เก็บของ เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นชอบเก็บ มีอะไรก็เก็บไว้ไม่ชอบทิ้งครับ
3. คิดว่าถ้าอยู่คอนโด ห้องต้องดูของแน่น ๆ ไว้ก่อน ไม่ชอบให้ห้องดูโล่ง ๆ เลยจัดการออกแบบตอบโจทย์ของตัวเองทีละข้อ โดยพยายามคำนึงถึงสิ่งทีควรมีในบ้านมาตกแต่งเพิ่มเข้าไปครับ โดยแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกันคือ โซนห้องนั่งเล่น, โซนห้องนอน และโซนห้องแต่งตัว คิดที่จะทำเป็น Walk in Closet ไม่อยากได้ตู้เสื้อผ้า เพราะคิดไม่ออกว่าจะวางให้หันหน้าไปทางไหนดี และแล้วผลงานชิ้นแรกก็สำเร็จครับ
หลังจากได้แบบแล้ว ก็ตัดสินใจเลือกว่าจะใช้เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน หรือว่าจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยมาวางดี เลยลองไปเดินดูที่ห้างเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ ๆ หลายห้างก่อน โดยลองให้อินทีเรียของห้าง ลองวางเฟอร์นิเจอร์ลอยแบบฟิตอินให้ดู รอบแรกก็ถูกใจ แต่ราคาไม่โอเคเลย
อันนี้เป็นแบบที่ผมไปขอคำปรึกษากับอินทีเรียครับ
ผมจัดตู้เสื้อผ้า 3 ตู้ปิดทางเข้าห้องน้ำ พร้อมกับกั้นโซนแยกห้องนั่งเล่นกับห้องนอนให้ดูเป็นสัดเป็นส่วน แล้วก็เพิ่มลูกเล่นนิดหน่อยตรงชั้นวางทีวี โดยทำให้มันหมุนได้ แล้วก็มีโซฟาข้างหลัง 1 ตัวครับ
เคาะราคาเสร็จถึงกับอึ้งไป 5 วินาที ก่อนจะขอบคุณน้องพนักงานไป เพราะเขาน่ารักมากนั่งทำงานให้ผมอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมงเลยครับ แต่พอเคาะราคาแล้ว จะบอกแพงไปก็เกรงใจน้องเขา ได้แต่บอกปัดไปก่อนว่า "เดี๋ยวพี่เอากลับบ้านไปเบิกงบคุณแม่ก่อนนะ" เสร็จแล้วก็เดินจากมาแล้วไม่กลับไปอีกเลยครับ
หลังจากหาข้อมูลทั้งจากูเกิลและพันทิปอยู่นาน ก็ตัดสินใจลองหาบิวท์อินมาตกแต่งแทน และโชคดีอีกครั้งครับที่นึกขึ้นได้ว่า เพื่อนเก่าสมัยมัธยมปลายเป็นอินทีเรียอยู่พอดี เลยจัดการไลน์ไปหา ซึ่งเพื่อนก็ตอบมาว่าทำให้ฟรีเลยเดี๋ยวไปดูให้ ในขณะนั้นผมแอบนั่งยิ้มในใจคนเดียว แล้วก็จัดการส่งแบบที่ผมวาดเองให้เพื่อนดู พร้อมโจทย์สไตล์ลอฟท์ เพื่อนผมก็เข้าใจนะ แต่เขาบอกว่าขอมาดูหน้างานก่อนดีกว่า แล้วหลังจากนั้น 3 วัน เพื่อนผมก็มาถึงห้องพร้อมกับทีมงานวางระบบไฟ จัดการวัดทุกตารางนิ้ว แล้วก็เอ่ยว่า
1. แอร์ติดตรงนั้น ความเย็นจะไม่ทั่วถึง
2. ระบบไฟก็ต้องแก้ แสงสว่างที่จะแบ่งโซนไม่น่าพอ
3. ต้องติดวอลเปเปอร์เพิ่ม
4. สายทีวีและโทรศัพท์ออกจากกำแพงแก้ไขยากมาก
เอาแล้วสินะปัญหามาอีกแล้ว เลยบอกไปว่าเอาเท่าที่ได้นะ ไม่ได้ซีเรียสมาก (ในใจก็แอบซีเรียสแหละครับ) เพื่อนก็บอกว่าเข้าใจ ทำงานให้คนอยู่มันต้องถูกใจคนอยู่ เดี๋ยวพอร่างแบบเสร็จจะให้ดูแล้วกัน และแล้วเวลาผ่านไปราว ๆ 1 สัปดาห์แบบของห้องผมก็เดินทางมาถึงมือ
หลังจากดูแบบเสร็จรู้สึกว่า เฮ้ย...มันใช่อะ ! เพราะสิ่งที่เพื่อนผมทำเป็นสิ่งที่อยู่ในใจผมมาตลอดคือ
1. แบ่งเป็น 3 โซนชัดเจน
2. Walk in Closet กั้นทางเข้าห้องน้ำ ภายใน ใช้ประโยชน์ได้จริงมากกว่าตู้เสื้อผ้าสำเร็จรูป
3. เป็นห้องสไตล์ลอฟท์
4. มียกพื้นตรงห้องนอนขึ้นสูง ไม่ต้องซื้อเตียง
5. ย้ายตำแหน่งแอร์ ทำให้ไอเย็นกระจายทั่วถึงทั้งห้อง
ผมก็รีบบอกเพื่อนให้หาผู้รับเหมาและคิดราคามาเลย (ในใจแอบคิดว่าต้องแพงแน่ ๆ )
เพื่อน : "เขาคิดราคา มา 2.xx แสนวะไหวไหม ? แต่คิดว่าแพงนะ" ผมอึ้งไปนิดนึง ซึ่งแพงไหมผมไม่รู้ แต่ผมชอบ
ผม : "ต่อราคาให้หน่อยนะ ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร"
เพื่อน : "เดี๋ยวลองหาเจ้าใหม่ให้ หรือถ้าไปหาข้างนอกได้ถูกกว่า ก็เอาแปลนไปทำเองจะได้ประหยัด"
เป็นโชคดีของผมจริง ๆ เพราะนอกจากเพื่อนจะออกแบบให้ฟรี ออกแบบให้ถูกใจ ยังหาทางประหยัดเงินให้อีก รักตายเลยเพื่อนแบบนี้ หลังจากปรึกษาคนรอบตัว เสร็จสิ้น ทุกคนบอกว่าถ้าราคานี้รวมค่าเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน, ติดวอลเปเปอร์, เดินระบบไฟ, ย้ายแอร์ ทำทั้งหมดนี้ราคารับได้เลย เลยนึกถึงพี่ที่รู้จักกันอีกคน เพราะพี่แกเคยทำคอนโด แล้วผมก็โทรศัพท์ไปขอคำปรึกษา เพื่อให้พี่เขาช่วยดูให้
"สำหรับเอ็ง พี่ยินดีทำให้เลย" พี่จ.ตอบแบบไม่คิด
"ออกแบบมารึยัง ให้พี่ช่วยออกแบบไหม" พี่จ.ถามต่อแบบยังไม่รอผมพูด
"มีแบบแล้วครับ เดี๋ยวผมส่งให้ในอีเมล์" ผมตอบกลับ
" โอเครีบส่งมาเดี๋ยวดูให้ พี่คิดแค่ค่าแรงกับของที่ใช้ทำไม่บวกอะไรเลย" ผมก็รีบส่งเลยสิครับจะรออะไร
3 วันผ่านไปไวเหมือนโกหก พี่จ.ก็โทรศัพท์กลับมา บอกว่า 1x0000 บาทไหวไหม ? ผมก็ตอบแบบไม่เกรงใจว่า “ไหวสิครับพี่ จะรออะไรรีบทำเลย” หลังจากนั้นโทรศัพท์หาเพื่อนคนแรกบอกว่าพี่รู้จักกัน ทำให้แสนกว่าบาท เพื่อนก็บอกว่าทำเลยไม่ต้องคิดแล้ว หลังจากนั้นผมก็โทรศัพท์กลับไปหาพี่จ.อีกครั้ง เพราะผมอยากได้ตู้โชว์รองเท้า, นาฬิกา, หมวก, และอื่น ๆ ด้วยครับ โดยจะวางไว้ตรงตู้รองเท้าฝั่งประตูห้อง พร้อมกับส่งรูปแรงบันดาลใจให้ดู แล้วพี่เขาก็หายไปประมาณ 30 วินาที ก่อนตอบกลับมาว่าขอออกแบบก่อน แล้วจะส่งให้ดูวันรุ่งขึ้น
พอเห็นแบบแล้วผมก็ตอบไปว่า เฮ้ย ! เหมือนกับที่ฝันเอาไว้เลย สวยมากครับพี่
พี่จ. : "โอเคราคารวม 1xx,xxx บาทไหวไหม ?"
ผม : "เอาเลยพี่ จะรออะไร ใช้เวลาทำนานไหมครับ ?"
พี่จ. : "เดี๋ยวพี่เอาคนงานที่ไซด์อื่นของพี่มาทำให้ก่อน จะได้ไม่ต้องรอนาน 2 สัปดาห์หลังจากโครงการที่ให้พี่เข้าไปทำเสร็จแล้วนะ"
ผม : "นี่พี่จะดีอะไรขนาดนี้ ราคาคุ้มมาก เร่งงานให้ ติดต่อโครงการให้ด้วย" ผมตอบแบบเกรงใจ
พี่จ. : "ไม่เป็นไรน้อง สำหรับเอ็ง พี่ทำให้เต็มที่"
ช่วงเวลาที่รอ ผมก็ออกไปช้อปปิ้งหาโซฟา, ทีวี, เตียงนอนจนครบ ก่อนที่คอนโดจะเสร็จ และแล้วผมก็ได้เข้าไปดูห้องเป็นครั้งแรก หลังจากที่ให้พี่จ. มาดำเนินการ
ใช้ท่อเหล็กเดินสายไป เพื่อให้เข้ากับสไตล์ลอฟท์
ติดดาวน์ไลท์และไฟนีออนบริเวณห้องนอน
ฉากด้านหลังที่เห็นเป็นผนังเบากั้นห้องแต่งตัวกับห้องน้ำครับ
ด้วยความที่งานยุ่งมาก ๆ ในช่วงนั้นไม่ได้ไปดูตลอด พอไปเห็นครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก อิอิ ก็คอนโดห้องแรกเปรียบเสมือนบ้านตัวเองหลังแรกในชีวิตนินะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปดูอีกเลย จนกระทั่งพี่จ.โทรมาว่าว่าง ๆ เข้ามาดูด้วยนะ กำลังจะตกแต่งเสร็จแล้ว สัปดาห์หน้าพร้อมส่งคืน ผมนี่แทบจะรีบออกจากห้องทำงานไปยังคอนโด ณ บัดนั้นเลย แต่ทำไม่ได้เรื่องงานต้องมาก่อน เดี๋ยวจะไม่มีเงินผ่อนคอนโด และจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีเวลาไปดูห้อง จนห้องตกแต่งเสร็จสมบูรณ์ เรามาชมภาพไปพร้อมกันเลยครับ
ให้ดูรูป Walk in Closet ก่อนเลย แบ่งเป็นตู้กับราวสำหรับแขวนเสื้อผ้า กางเกง และชั้นวางกระเป๋า
วอลเปเปอร์ลายอิฐกับแสงสว่างทำให้ดูคล้ายอิฐของจริงมาก ส่วนใต้เตียงนอนยกพื้นก็ทำเป็นลิ้นชักไว้เก็บของ ฝ้าดรอปติดดาวน์ไลท์และไฟนีออนยิงขึ้นเพดาน เพื่อให้แสงดูนวล ๆ และไม่ส่องตาเวลานอนดูทีวี
ห้องที่ 3 โซนห้องนั่งเล่นมีชั้นวางทีวีเครื่องที่ 2 ผมลืมบอกครับว่าผมเปลี่ยนจากชั้นวางทีวีหมุนได้ เป็นติดทีวี 2 ตัวแทน เพราะว่าค่าเดินระบบหมุนแพงกว่า ส่วนทางซ้ายเป็นตู้รองเท้าติดไฟแอลอีดีเลียนแบบแรงบันดาลใจของผม และหากมองจากมุมนี้ก็จะเห็นทะลุจากชั้นวางทีวีไปถึงผนังวอลเปเปอร์ลายอิฐหลังห้องนอน โอย... ฟิน
ภาพนี้ไม่เกี่ยวกับงานตกแต่งครับ แต่อยากโชว์วิวหลังห้องเฉย ๆ
และนี่แหละครับผลงานออกแบบของเพื่อนและตกแต่งภายในโดยพี่จ. (ทั้ง 2 คนนี้น่ารักมากครับ เขาเอาต้นทุนเวลาที่จะไปทำงานได้เงิน มาทำให้ผม แบบไม่คิดเงิน ไม่คิดกำไร ผมไม่เรียกว่าทำฟรี แต่ขอเรียกทำงานขาดทุนครับ) ซึ่งใช้งบไม่ถึง 2 แสน เทียบกับเฟอร์นิเจอร์ที่แถมแล้วรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ส่วนหลังจากนี้เป็นการตกแต่งห้องเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ
มุมนี้ไว้พักผ่อน, เล่นเกม และดูหนังเวลาพ่อแม่ แฟน หรือเพื่อนมาครับ
ของเล่นแบบเด็ก ๆ อยากอวด
ชุดนี้เป็นวงดนตรีที่ Bandai ร่วมกับ Kenwood ทำขึ้นครับชื่อว่า Little Jammer ของผมเป็นชุดเล็ก ๆ ชุดใหญ่แพงเหลือเกิน สู้ราคาไม่ไหว แถมหาซื้อก็ยากด้วย
อันนี้เป็นลำโพงไม่รู้จะได้ใช้หรือเปล่า แต่ชอบรูปร่างแล้วก็ชอบตรงเสียงดี ขนาดคนเล่นดนตรีไม่เป็นอย่างผมฟังแล้วยังรู้ว่ามันดีเลยครับ
เรากลับหลังหันไปดูมุมตู้รองเท้า ไฮไลท์ของห้องกันเลยครับ อันนี้ ตู้พิเศษที่ พี่ จ. ออกแบบ และทำให้เป็น พิเศษดูกันแล้วเชื่อว่าเป็นความฝันของเด็กหนุ่มหลายคนเลยทีเดียว
ตู้เก็บรองเท้าที่พี่จ. ออกแบบมาให้ดีมาก แบ่งโซนและแบ่งชั้นชัดเจน โดยชั้นล่างทำช่องใหญ่กว่าชั้นอื่นไว้เก็บกล่องใส่ของจิปาถะ ส่วนรองเท้าแตะกับรองเท้าที่ใส่บ่อย ๆ ก็วางไว้ชั้นล่างสุดติดกับพื้นห้องได้ไม่ต้องรื้อตู้บ่อย ๆ
เตียงนอน 5 ฟุตวางตรงกลาง เว้นที่ว่างไว้เดินกับวางของข้าง ๆ มีไฟหัวเตียงไว้อ่านหนังสือ แล้วก็ติดม่านสีดำบังหลังทีวีของห้องนั่งเล่น แม้จะแคบแต่ไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด แต่โซนนี้มีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่สายโทรศัพท์อยู่ตรงหัวเตียง เลยเอาเราท์เตอร์ไว้ตรงนั้นก่อน เดี๋ยวค่อยคิดกันอีกที แล้วก็มีห้องอาหารด้วยครับผม เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่ามันต้องเหมือนบ้านทุกอย่าง
มีห้องกินข้าวห้องเล็ก ๆ ด้วยครับผม บอกแล้วไงว่ามันต้องมีทุกอย่างที่อยู่ในบ้าน
ผ้าม่านตรงมุมห้องเป็นแบบผ้าดิบครับ หาได้จากอิเกียอีกแล้ว ส่วนประตูกระจกออกไปห้องครัว ผมเลือกใช้ฟิล์มมีลายครับ เพื่อใช้กรองแสงแทนผ้าม่าน เพราะมันจะทำให้ห้องดูแปลก ๆ ถ้ามีม่าน 2 มุมติดกัน
เป็นไงครับห้องคอนโดสตูดิโอขนาด 34.5 ตารางเมตร ที่ผมเอาของในบ้านเพิ่มเข้าไปในห้อง ซึ่งยังขาดของตกแต่งห้องอีกนิดหน่อยตามผนัง แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วอัพเดทให้ชมกันก่อนเลยดีกว่า เกรงว่าถ้ารอครบทุกอย่างคงปีหน้าพอดี เพราะผมซื้อไปแต่งไป นี่แหละครับความสุขของการมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง
สรุปเรื่องนี้ขอขอบคุณเพื่อนที่ขายคอนโดราคาทุนให้ ขอบคุณเพื่อนมัธยมปลายที่ออกแบบและวางระบบไฟให้แบบไม่คิดเงิน และพี่จ.ที่ รับเหมาทำงานให้แบบไม่คิดกำไรอะไรจากน้องเลย ไม่แน่ว่าอาจจะขาดทุนด้วยหรือเปล่า (ขาดทุนเวลาที่ต้องมาทำงานให้ผมแบบไม่ได้อะไร ขาดทุนจากงานไซด์อื่นที่ต้องโยกคนมาทำให้ผมก่อน) และสุดท้ายขอบคุณแฟนผมที่ช่วยเดินเรื่องกู้จนผ่านครับ
ใครจะเอาเป็นแบบอย่างก็ลองดูนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ประชาตาดำ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม