รีวิวตกแต่งคอนโดขนาดเล็กราคาเบา ๆ แบบไม่ใช้เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน เพื่อเป็นไอเดียให้กับคนงบน้อยที่อยากจะมีคอนโดสวย ๆ เป็นของตัวเองบ้าง
หลายครั้งที่ใครสักคนคิดจะ ตกแต่งคอนโด มักจะนึกถึงเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินเป็นอันดับแรก จากคำบอกเล่าที่พูดต่อกันมาว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ บวกกับขนาดของพื้นที่ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้ตกแต่งตามใจตัวเองมากสักเท่าไร เลยทำให้คนส่วนใหญ่เทใจไปทางเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินมากกว่า แต่วันนี้ คุณ สายลมในฤดูเหงา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จะทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วเราสามารถตกแต่งตามใจตัวเองได้มากกว่าที่คิด ด้วยสารพัดเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่เจ้าของกระทู้เลือกเข้ามาตกแต่งคอนโดของตัวเอง แม้จะมีพื้นที่ใช้สอยเพียง 22.5 ตารางเมตร
รีวิวการแต่งห้องคอนโดขนาด 22.5 ของ LPN แบบไม่พึ่งบิวท์อิน (รูปเยอะนิดนึง) โดยคุณ สายลมในฤดูเหงา
ที่มาของเรื่องคือมีอยู่วันหนึ่งผมเกริ่นกับเพื่อนสนิทไว้ว่า อยากจะได้ห้องเล็ก ๆ ไว้อยู่ในกรุงเทพฯ เพราะผมเช่าอยู่เพื่อทำงานที่นี่เป็นสิบปีแล้ว ซึ่งเงินค่าเช่าก็เยอะนะเมื่อนำมาบวกรวมประมาณ 10 ปี
จนกระทั่งเพื่อนผมโทรศัพท์มาบอกว่า มีห้องประกาศขายอยู่สนใจไปดูไหมเดี๋ยวนัดให้ โดยส่วนตัวผมเองป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรมาก ก็ไปดูตามคำแนะนำของเพื่อน ซึ่งเป็นการไปดูครั้งแรกและครั้งเดียวก็ให้เพื่อนจัดการเดินเรื่องให้เลยจนเสร็จสิ้นการโอนถึงกลับมาดูห้องจริง ๆ จัง ๆ อีกครั้ง
ห้องนี้ตอนแรกคุณลุงตั้งใจซื้อให้ลูกสาวอยู่ระหว่างเรียน แต่พอดีลูกสาวสอบได้ที่อื่นแกเลยประกาศขายต่อ สภาพโดยรวมก็เป็นที่น่าพอใจมาก ส่วนตัวโครงการก็เพิ่งเปิดมา 2 ปี ดูสะอาดและคนไม่พลุกพล่านมากนัก การเดินทางก็สะดวกเพราะมีทั้งป้ายรถเมล์กับรถตู้หน้าคอนโดเลย ส่วนเมเจอร์ฝั่งตรงข้ามก็มีอาหารขายเยอะมากตอนเย็น แค่เดินข้ามฝั่งก็สะดวกสำหรับการฝากท้องไว้แถวนี้โดยไม่ต้องทำกับข้าวเอง
- นี่คือสภาพภายนอกตอนมาเจอครั้งแรก
- ตามมาด้วยสภาพภายในห้องที่มีการตกแต่งไปแล้วนิดหน่อยประมาณ 10% ซึ่งคุณลุงเจ้าของห้องเดิมยกให้ทั้งหมด แต่ผมก็ได้เอาออกเกือบทั้งหมดเพราะไม่เข้ากับการตกแต่งที่ต้องการ ยกเว้นเตียงพร้อมที่นอนขนาด 5 ฟุตซึ่งใหญ่มากเกินความพอดี แต่จะซื้อใหม่ก็เสียดาย ถึงจะไม่ชอบที่ขนาดใหญ่เกินไปสำหรับการนอนคนเดียวและหัวเตียงดูเป็นผู้หญิงเกินไป
ที่มาของเรื่องคือมีอยู่วันหนึ่งผมเกริ่นกับเพื่อนสนิทไว้ว่า อยากจะได้ห้องเล็ก ๆ ไว้อยู่ในกรุงเทพฯ เพราะผมเช่าอยู่เพื่อทำงานที่นี่เป็นสิบปีแล้ว ซึ่งเงินค่าเช่าก็เยอะนะเมื่อนำมาบวกรวมประมาณ 10 ปี
จนกระทั่งเพื่อนผมโทรศัพท์มาบอกว่า มีห้องประกาศขายอยู่สนใจไปดูไหมเดี๋ยวนัดให้ โดยส่วนตัวผมเองป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรมาก ก็ไปดูตามคำแนะนำของเพื่อน ซึ่งเป็นการไปดูครั้งแรกและครั้งเดียวก็ให้เพื่อนจัดการเดินเรื่องให้เลยจนเสร็จสิ้นการโอนถึงกลับมาดูห้องจริง ๆ จัง ๆ อีกครั้ง
ห้องนี้ตอนแรกคุณลุงตั้งใจซื้อให้ลูกสาวอยู่ระหว่างเรียน แต่พอดีลูกสาวสอบได้ที่อื่นแกเลยประกาศขายต่อ สภาพโดยรวมก็เป็นที่น่าพอใจมาก ส่วนตัวโครงการก็เพิ่งเปิดมา 2 ปี ดูสะอาดและคนไม่พลุกพล่านมากนัก การเดินทางก็สะดวกเพราะมีทั้งป้ายรถเมล์กับรถตู้หน้าคอนโดเลย ส่วนเมเจอร์ฝั่งตรงข้ามก็มีอาหารขายเยอะมากตอนเย็น แค่เดินข้ามฝั่งก็สะดวกสำหรับการฝากท้องไว้แถวนี้โดยไม่ต้องทำกับข้าวเอง
- นี่คือสภาพภายนอกตอนมาเจอครั้งแรก
- ตามมาด้วยสภาพภายในห้องที่มีการตกแต่งไปแล้วนิดหน่อยประมาณ 10% ซึ่งคุณลุงเจ้าของห้องเดิมยกให้ทั้งหมด แต่ผมก็ได้เอาออกเกือบทั้งหมดเพราะไม่เข้ากับการตกแต่งที่ต้องการ ยกเว้นเตียงพร้อมที่นอนขนาด 5 ฟุตซึ่งใหญ่มากเกินความพอดี แต่จะซื้อใหม่ก็เสียดาย ถึงจะไม่ชอบที่ขนาดใหญ่เกินไปสำหรับการนอนคนเดียวและหัวเตียงดูเป็นผู้หญิงเกินไป
- หลังจากกู้ผ่านด้วยความช่วยเหลือของเพื่อน ๆ ก็เริ่มคิดว่าจะตกแต่งห้องแนวไหนดี ธีมหลักที่คิดคืออยากได้แนวสีฟ้า-ขาวมีกลิ่นอายทะเล ทั้งที่ใจจริงอยากได้หลายแนวมาก ทั้งแนวลอฟท์ แนวเรียบ ๆ แบบญี่ปุ่น อยากบิวท์อิน แต่ทุกอย่างจบเพราะไม่มีงบ ฮ่า ๆ ๆ
- โดยส่วนตัวชอบเดินดูพวกของตกแต่งบ้านอยู่แล้วเลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นค่อย ๆ ซื้อของทีละชิ้นมาวางดีกว่า จะได้ประหยัดและถูกใจเราที่สุด เลยเริ่มไปเดินพวกอิเกีย โฮมโปร ไปจนจำได้แล้วว่าของชิ้นไหนวางตรงไหน ช่วงนั้นถึงกับติดตลับเมตรติดตัวตลอดเพื่อใช้วัดขนาดเฟอร์นิเจอร์ เพราะคอนโดเรามันเล็กมาก ไม่เข้ากับดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในท้องตลาด
- ตอนนี้เริ่มหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งได้แล้ว โดยส่วนมากก็ซื้อจากอิเกียแล้วให้เขามาส่งพร้อมประกอบติดตั้งให้เลย ซึ่งพี่ช่างบางคนใจดีมากแอบขอแรงให้ช่วยเจาะผนังติดชั้นวางให้ด้วยเลย เสร็จแล้วก็ให้สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอบแทนค่าแรงพี่ ๆ เขาไป ส่วนตู้ชั้นวางที่ได้มาพร้อมกับห้อง ตอนนี้ถอดส่งกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเรียบร้อยแล้วครับ
- ตู้ใบนี้เป็นตู้รองเท้าที่ใส่รองเท้าได้เยอะมาก เหมาะกับผมเลยเพราะผมมีรองเท้าเยอะมาก และโชคดีที่ขนาดมันกว้างพอดีกับฝาผนังตรงนี้ เลยใช้ทำเป็นโต๊ะทานข้าวไปในตัว ตอนเจอครั้งแรกก็รีบสั่งอย่างไม่ลังเล ได้มาจากงานโฮมโปรครับ
- นาฬิกาและกระจกติดผนังตรงนี้ได้ติดมากับห้อง ซึ่งจริง ๆ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่ไม่อยากลอกออกเพราะไม่อยากทำสีใหม่
- เตียงที่ติดมากับห้องกับผ้าม่านที่ซื้อมาเปลี่ยนใหม่ จริง ๆ อยากเปลี่ยนราวม่านด้วยเพราะไม่ชอบสีนี้และขนาดมันสั้นไปปิดแสงได้ไม่หมดทำให้มีแสงลอดออกมา แต่ไม่อยากแกะเพราะต้องเก็บงานอีกเลยปล่อยไว้ก่อน
- ต่อมาก็เริ่มหาพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นเข้าห้อง ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว และไมโครเวฟ ส่วนภาพจากนี้ต่อไปขอลงรูปหลังตกแต่งเสร็จแล้วเลยนะครับ
- ด้วยที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ เลยทำด้านหลังโซฟาทั้งด้านหลังและด้านข้างเป็นตู้หนังสือเต็มผนังเลย
- รูปนี้มุมมองจากส่วนที่นอนออกไปทางประตูเข้าห้อง
- มองตรงไปจากฝั่งโซฟา
- มองตรงไปทางครัว
- กั้นส่วนเปียกแห้งด้วยผ้าม่าน จริง ๆ อยากกั้นด้วยกระจก แต่ราคาแพงมากขึ้นหลักหมื่นเลย ลองให้ช่างตีราคาแล้วสู้ราคาไม่ไหว เลยคิดว่าซื้อผ้าม่านแล้วกันง่ายดี
- มาดูในครัวกันบ้างครับ
- ฝั่งโต๊ะทานข้าวซึ่งด้านล่างเป็นตู้รองเท้า แต่ไม่มีกลิ่นรองเท้ามากวนใจเพราะปิดมิดชิดมากและขนาดก็กำลังดี แล้วผมก็ติดกระจกตรงฝาผนังเพิ่มให้ห้องดูกว้างขึ้น ที่สำคัญจะได้ไม่รู้สึกเหงาเวลานั่งทานข้าวคนเดียว ฮ่า ๆ ๆ
- มาดูที่ระเบียงกันบ้าง เนื่องจากที่ห้องใช้แอร์แค่ตัวเดียวเพราะห้องเล็กและที่สำคัญเป็นคนไม่ชอบแอร์ เลยซื้อชั้นวางจากอิเกียมาติดเพิ่มบนผนังระเบียง เพื่อเก็บพวกอุปกรณ์ซักรีดต่าง ๆ และเครื่องดูดฝุ่น หน้าระเบียงก็ติดม่านกันแดดกันฝนให้เครื่องซักผ้า แล้วก็เอากระถางดอกเฟื่องฟ้ามาวางเป็นแนวยาวครับ
- ต่อมาก็เป็นส่วนของห้องนอน ด้วยขนาดเตียงที่ใหญ่เกินไปทำให้มีที่ว่างน้อยมาก แต่เหลือพื้นที่ตรงหัวเตียงที่ยุบเข้าไป (เหมือนเป็นเหลี่ยมเสามั้งไม่แน่ใจ) เลยซื้อชั้นวางมาใช้วางของตกแต่งและวางพระ ส่วนด้านล่างก็ซื้อตู้ขนาดพอดีช่องมาวางเพื่อใช้แทนโต๊ะคอมซึ่งขนาดพอดีมาก
- ส่วนปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการให้มา ขนาดเล็กมาก ๆ ใส่เสื้อผ้าไม่พอ แต่ก็ต้องทำใจเพราะเพิ่มขนาดไม่ได้แล้ว ด้วยขนาดห้องเท่าแมวดิ้นตาย เลยต้องพับผ้าที่ไม่ค่อยใส่ไว้ด้านล่างแทน ส่วนพื้นที่ปลายเตียงมันมีความลึกน้อยและพื้นที่จำกัดมาก หาเฟอร์นิเจอร์มาวางไม่ได้สักที เคยให้ช่างตีราคาก็หลายหมื่นแค่จะทำตู้ติดผนังเล็ก ๆ แต่เหมือนจะโชคดีตอนไปเดินงานโฮมโปร เพราะเจอตู้ 2 ใบนี้มีความสูงที่พอเหมาะ ความกว้างก็ฟิตพอดี และความลึกก็ลงตัวเป๊ะ เลยจัดการสั่งวันนั้นเลย ตอนเขาเอาของมาลงจริง ผมลุ้นแทบตายกลัวเสียของมาก เพราะถ้าขนาดใหญ่เกินกว่านี้แค่นิ้วเดียวก็ใส่ไม่ได้แล้วครับ
- ต่อไปก็รูปเก็บตกนิดหน่อยครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ สายลมในฤดูเหงา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม