14 วิธีทาสีบ้านที่คนชอบทำ แต่มันพลาดอย่างแรง !

          การทาสีบ้านอาจดูเหมือนเรื่องง่าย แค่เอาแปรงจุ่มสีป้ายลงบนผนังก็ไม่เห็นจะมีอะไรยาก แต่รู้หรือไม่ว่าการทาสีบ้านที่หลายคนทำอยู่ กลับเป็นวิธีผิด ๆ ที่ไม่ควรทำเลยจริง ๆ

เลือกสีทาผนัง

          การทาสีบ้านไม่ใช่เรื่องที่ทำกันบ่อย ๆ เหมือนทำความสะอาดบ้าน ทำให้หลายคนยังไม่รู้ว่า การทาสีบ้านจริง ๆ แล้วมีวิธีที่จะทำให้การทาสีง่าย ราบรื่น และเสร็จไวขึ้น แต่ที่ทำให้การทาสีบ้านดูเป็นเรื่องยากก็เพราะว่าวิธีทาสีบ้านแบบผิด ๆ ที่ชอบทำกันเป็นประจำนี่แหละ แต่คิดว่าหลายคนน่าจะยังไม่รู้ตัวเลย วันนี้จะเอามาเฉลยให้ฟังว่ามีอะไรบ้างพร้อมนำวิธีที่ถูกต้องมาให้ฟัง 

1. สีไม่ตรงกับที่คิดไว้


          เวลาที่ไปซื้อสีทาบ้านทางร้านมักจะมีตารางเทียบสีมาให้เลือก แต่ในบางครั้งเมื่อนำสีมาทาบ้านแล้วสีกลับไม่เหมือนในตารางที่เลือกไว้ นั่นก็เป็นเพราะว่าแสงไฟที่ร้านกับที่บ้านนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสีมาทาควรขอสีตัวอย่างกลับมาทาพื้นที่ก่อน ถ้าสีโดนแสงแล้วไม่ถูกใจจะได้เปลี่ยนสีใหม่ทันเวลาก่อนทาไปแล้วแต่ต้องมานั่งเซ็งภายหลัง 

2. เปิดฝาถังสีทิ้งไว้ 

          เพื่อความสะดวกหลายคนชอบเปิดฝาถังสีไว้ โดยลืมคิดไปว่าอาจจมีอุบัติเหตุที่ทำให้ถังล้มจนสีหกกระจายเต็มพื้น ฉะนั้นวิธีป้องกันคือควรปิดฝาถังสีทุกครั้งแม้ในระหว่างทำงาน เผื่อไว้ถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดสีจะได้ไม่เลอะพื้น โดยเฉพาะบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงควรกันไว้ให้ห่าง ไม่อย่างนั้นบ้านของคุณอาจจะเต็มไปด้วยรอยประทับจากเจ้าตูบ

3. ใช้ลูกกลิ้งทาผนังติดกับเพดาน

          สำหรับคนที่ใช้ลูกกลิ้งทาสีก็อาจจะกลิ้งจนลืมดูว่าสูงเกินไป จนทำให้สีจากลูกกลิ้งติดเพดานโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉะนั้นก่อนทาควรหาเทปกาวติดเพดานกันสีเลอะเอาไว้ก่อนทา หรือทาสีเฉพาะส่วนกลางผนังก่อน แล้วค่อยใช้แปรงหรือลูกกลิ้งทาสีผนังบริเวณที่ติดกับเพดานในแนวขวาง ก็จะทำให้งานออกมาเนี้ยบโดยไม่ต้องตามแก้ทีหลัง 

แปรงและกระป๋องสีทาผนัง

4. ทาสีซ้ำหลายรอบเกินไป 

          ในการทาสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ ประตู หรือตู้ ควรทาสีเพียงรอบเดียว แล้วค่อยทาสีย้ำเฉพาะพื้นที่ที่ยังไม่โดนสีก็พอ และการทาในส่วนเล็ก ๆ แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องจุ่มสีเพิ่มหากมีสีเดิมค้างอยู่ที่ขนแปรง ส่วนในกรณีที่จำเป็นต้องทาซ้ำควรรอบให้สีรอบแรกแห้งสนิทเสียก่อนแล้วค่อยลงสีเพิ่ม เพราะหากทำในขณะที่สีรอบแรกยังไม่แห้งดีจะทำให้เนื้อสีไม่เรียบ

5. เก็บสีไว้ในที่เย็น

          อุณหภูมิก็มีผลกับเนื้อสีเช่นกัน เช่น อากาศเย็นจะทำให้สีจับกันเป็นก้อน ดังนั้นหลังการใช้งานจึงควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ และไม่ทาสีในวันที่อากาศเย็นเพราะความชื้นในอากาศจะทำให้สีแห้งยาก ในทางกลับกันหากทาสีในวันที่อากาศร้อนมาก ๆ จะทำให้สีแห้งเร็วจนอาจเกิดคราบและเกิดฟองอากาศ 

6. ไม่ลอกสีเคลือบเงาก่อน

          บางคนอาจคิดว่าซื้อสีมาแล้วสามารถทาได้เลย สุดท้ายสีก็หลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ จนต้องทาใหม่ ฉะนั้นจึงควรลอกสีเคลือบเงาโดยการขูดหรือใช้กระดาษทรายขัดออกก่อน หรือถ้าจะให้ดีก็ใช้น้ำยาลอกสีเคลือบผนังโดยเฉพาะ เพื่อให้สีที่ทาใหม่ติดแน่นทนนานไม่ต้องทาซ้ำบ่อย ๆ 

7. ทาสีในที่สลัวหรือแสงน้อย

          การทาสีตอนเย็นหรือมีแสงน้อยนั้นถือว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ไม่เห็นความผิดพลาดและรอยต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรเปิดหน้าต่างให้ผนังโดนแสงธรรมชาติระหว่างการทำงาน เพื่อให้เห็นเนื้อสีที่แท้จริงเห็นรอยตำหนิอย่างชัดเจน

กระป๋องสีทาผนังสีเขียว

8. เลือกสีไม่เหมาะกับพื้นที่

          ไม่ว่าฝีมือการทาสีของคุณหรือของช่างจะเทพขนาดไหน แต่ถ้าเลือกสีผิดผนังบ้านก็จะดูไม่น่ามองอยู่ดี ฉะนั้นหลีกเลี่ยงการใช้สีสะท้อนแสงหรือสีที่มีสารเคลือบเงากับบริเวณที่มีพื้นผิวไม่เรียบ เพราะจะยิ่งเป็นการเน้นให้ส่วนที่มีรอยตำหนิชัดขึ้น หรือถ้าสีใหม่ที่จะทานั้นเข้มกว่าสีเก่าให้ทาสีรองพื้นก่อน แต่หากไม่ควรทาสีเคลือบเงาทับผนังที่ทาสีเคลือบเงาไว้ก่อนหน้านี้ เพราะจะทำให้สีเพี้ยนและพังมาก 

9. ลงสีทาไม้โดยไม่ผสมทินเนอร์

          ถ้าเป็นการทาสีผนังธรรมดานั้นไม่จำเป็นต้องใช้ทินเนอร์ก็ได้ แต่สำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้และตู้ต่าง ๆ จำเป็นต้องผสมทินเนอร์กับสีก่อนทา เพื่อลดความหนืดของเนื้อสี และทำให้สีทาง่ายและเรียบเนียนยิ่งขึ้น 

10. ไม่ใช้สีกันคราบและความชื้น

          รอยด่างดำที่เกิดจากความชื้น อย่างเช่น คราบเชื้อรา ช่างเกะกะสายตาเสียจริง ๆ หลายคนเลยตัดสินใจทาสีใหม่เพื่อกลบคราบสกปรกที่แก้ไม่หาย แต่หากไม่แก้ที่ต้นเหตุสักวันก็เจอปัญหาแบบนี้อีกอยู่ดี โดยเฉพาะไม้ซึ่งเป็นวัสดุที่ไวต่อความชื้น ฉะนั้นหากเป็นไปได้ควรทาสีกันคราบและความชื้นรองพื้นก่อนที่จะทาสีจริง         

11. ไม่ติดเทปตามขอบประตูและหน้าต่าง

          การทาสีบริเวณตามขอบประตูและหน้าต่างนั้นต้องใช้ความระวังมากกว่าพื้นที่อื่น เพราะหากเผลออาจทำให้สีเลอะส่วนที่ไม่ต้องการจะทาได้ แถมบางพื้นที่อาจจะแก้ยากอีกต่างหาก ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สีเปื้อนบริเวณอื่น ควรหาเทปกาวมาติดก่อนและลอกเทปหลังจากสีแห้ง จะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องสีเปื้อนอีก

ทาสีผนัง

12. จุ่มแปรงลงถังสีทั้งอัน

          หลาย ๆ คนติดนิสัยชอบจุ่มขนแปรงลงถังสีทั้งหมด ซึ่งจริง ๆ แล้วการทาสีใช้แค่ส่วนปลายขนแปรงเท่านั้น แถมการทำแบบนี้ยังทำให้สีเลอะบริเวณรอบข้างอีกต่างหาก ฉะนั้นจุ่มสีแค่ส่วนปลายจนถึงกึ่งกลางก็พอ จะได้ไม่เปลืองสีโดยเปล่าประโยชน์ด้วย 

13. ติดเทปกาวทิ้งไว้นานเกินไป

          หลายคนใช้เทคนิคติดเทปกาวเอาไว้บนผนัง เว้นส่วนที่ไม่ต้องการทาสีเอาไว้ โดยคิดว่ายิ่งติดไว้นานเท่าไรยิ่งดี จริง ๆ แล้วกลับตรงกันข้าม เพราะควรดีงเทปกาวออกหลังจากทาสีเสร็จแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะหากทิ้งไว้นานเกินไปสีจะซึมและอาจทำให้สีเลอะขณะลอกเทปกาวได้ วิธีแก้ไขคือ ใช้ใบมีดค่อย ๆ กรีดไปตามขอบเทปกาว แล้วใช้ไดร์เป่าให้ความร้อนก็จะช่วยให้ลอกเทปกาวออกได้ง่ายขึ้น 

14. ไม่ทำความสะอาดผนัง 

          ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก่อนจะทาสีใหม่ เพราะถ้าหากไม่ทำความสะอาดก่อนทาสี ก็อาจทำให้ผิวสัมผัสของผนังหลังทาสีเสร็จเป็นรอยขรุขระ มีฟองอากาศ ไม่เรียบเนียน อีกทั้งยังส่งผลเสียกับแปรง รวมถึงควรซ่อมแซมรอยเจาะ รอยแตก รวมถึงรอยนูนต่าง ๆ บนผนังให้เรียบร้อยก่อนลงสีด้วย 

          ถ้าใครที่กำลังวางแผนจะทาสีบ้านลองเอาวิธีที่เรานำมาฝากไปใช้กันได้นะคะ เพื่อสีทาบ้านที่อุตส่าห์ตั้งใจลงมือทำด้วยตัวเอง ออกมาจะได้สวยสมใจไร้รอยตำหนิราวกับมือโปรมาเอง ! 

ขอบคุณข้อมูลจาก realsimple, diynetwork และ buzzfeed

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
14 วิธีทาสีบ้านที่คนชอบทำ แต่มันพลาดอย่างแรง ! อัปเดตล่าสุด 8 กรกฎาคม 2563 เวลา 10:35:30 292,323 อ่าน
TOP
x close