ประสบการณ์สร้างบ้านชั้นเดียว ที่เกือบทำฝันดับเพราะปัญหาผู้รับเหมา !

          ประสบการณ์การสร้างบ้านชั้นเดียว 1 ห้องนอน 1 น้ำ กว่าจะได้หลังนี้มาไม่ใช่เรื่องง่าย ทำฝันเกือบดับเพราะปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงาน

          คิดอยากจะสร้างบ้านสักหลัง มันก็ต้องหาข้อมูลกันไปยาว ๆ โดยเฉพาะเรื่องผู้รับเหมา เช่นเดียวกับ คุณ สมาชิกหมายเลข 2925063 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ยินดีแชร์ประสบการณ์ในการสร้างบ้านชั้นเดียว 1 ห้องนอน 1 น้ำในฝันที่มาพร้อมปัญหาผู้รับเหมา ถึงขั้นเป็นคดีความให้ต้องตามเรื่องกัน นอกจากจะเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่อยากสร้างบ้านได้ศึกษากันแล้วนั้น ยังมีแบบบ้านและบรรยากาศของบ้านที่สร้างเสร็จมาให้ชมกันด้วยค่ะ

          - แบบแปลนบ้านที่แฟนออกแบบเบื้องต้น

          หลังจากนั้นก็ไปที่เขตเพื่อขออนุญาติก่อสร้างและจะขอใช้บริการเขตให้เขียนแบบแปลนให้ (Comment 1. ใช้บริการของเขตเพื่อหมดปัญหาในการเขียนแบบแปลนไม่ถูกต้อง ช่วยตัดขั้นตอนในการยื่นแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ รวมไปถึงขอรับคำแนะนำที่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่กรมโยธาได้โดยตรงจุด) เจอปัญหาแรกทันที ในขั้นตอนการตรวจเอกสารของเขต เนื่องจากที่ดินมรดกเป็นชื่อร่วมของพ่อ-แม่ของแฟน และแม่แฟนได้เสียชีวิตไปเมื่อปี 2558 การลงลายเซ็นจึงต้องลงทั้ง 2 คน จะลงเฉพาะชื่อพ่อแฟนไม่ได้ ดังนั้นทางเขตจึงต้องให้แฟนไปยื่นเรื่องที่ศาลเป็นผู้จัดการมรดกแทนชื่อแม่ให้เรียบร้อยก่อนเพื่อเปลี่ยนชื่อในเอกสาร ถึงจะมายื่นเรื่องขออนุญาตก่อสร้างได้ ซึ่งระยะเวลาในการยื่นเรื่องจนถึงขั้นตอนในการประกาศให้เป็นผู้จัดการมรดกแทน จะได้ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เอาละสิ คาดการณ์ผิดพลาด เพราะแฟนได้ยื่นเรื่องออกจากงานประจำแล้ว คิดว่าจะได้มีเวลามาคุมงานเองเต็มที่ น่าจะใช้เวลาสร้างบ้านประมาณ 3-4 เดือนเป็นอย่างช้า ยังดีที่รับงานเป็นฟรีแลนซ์เลยพอรอได้อยู่ ระหว่างนั้นก็สนุกสนานกับการหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ตู้เตียง ที่นอน ซื้อแล้วฝากไว้ก่อน รอบ้านเสร็จค่อยเอามาลง (Comment 2. ต้องขอขอบคุณบริษัที่จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ตู้เตียง ที่นอน และอื่น ๆ ที่ซื้อแล้วฝากไว้อย่างมาก ที่เข้าใจปัญหาของเจ้าของบ้าน กว่าจะได้เอามาลงก็กินเวลาเกือบปีไปเลยทีเดียว โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือค่าปรับในการฝากเพิ่มเติมใด ๆ เพียงแต่ต้องแจ้งล่วงหน้าไว้ก่อนเท่านั้น)

          เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2559 เราได้รับโอกาสดีไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศชั่วคราว คือช่วยพี่สาวดูแลหลานที่ไปเรียนซัมเมอร์ในช่วงสั้น ๆ ซึ่งวางแพลนไว้ก่อนล่วงหน้าหลายเดือน กว่าจะได้ใบอนุญาตสร้างบ้านก็มาตรงกับช่วงนี้พอดี เลยผิดแผนไปหมด ต้องให้แฟนจัดการดูแลสร้างบ้านเองคนเดียว เพราะเป็นบ้านของเขาอยู่แล้ว และก็ออกแบบมาจากความชอบของเราทั้งคู่ เลยปล่อยให้เขาทำตามใจเสียเลย ตัดปัญหาทะเลาะในเรื่องจุกจิกไปในตัวด้วย^^ ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ แฟนก็ส่งไลน์บอกเล่าขั้นตอนในการสร้างบ้านบ้าง นั่นคือ พอเปลี่ยนเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ก็ไปหาเขตขอใบอนุญาตก่อสร้าง เขียนแบบแปลน หาผู้รับเหมา ขอน้ำ-ไฟฟ้าชั่วคราว เราก็ไม่ได้ซักถามรายละเอียดอะไรมาก เพียงแต่เตือนเรื่องการทำสัญญาให้รัดกุม และการเบิกจ่ายให้ตรงตามงวดเท่านั้น เวลาก็ดำเนินไปจนเรากลับมาประเทศไทยในเดือนสิงหาคม ก็รู้แค่ว่าเริ่มทำการก่อสร้างแล้ว ได้ผู้รับเหมาที่หามาจากทางอินเทอร์เน็ต ราคาอยู่ในงบประมาณ โดยเป็นการเหมาก่อสร้าง แต่บางอย่างเจ้าของบ้านขอเป็นคนจัดหามาเอง เช่น กระเบื้องปูพื้น ประตู หน้าต่าง ฯลฯ เราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสร้างบ้านมากนัก ยังไม่ได้เข้าไปดู เพราะไหน ๆ ก็ปล่อยให้แฟนจัดการแล้ว บ้านเราก็อยู่ไกลกัน เลยขอแค่ให้แฟนส่งภาพความคืบหน้ามาให้ดูบ้าง อีกทั้งเข้าหน้าฝนด้วย เลยทำใจว่ามันคงจะช้ากว่ากำหนดแน่ จนถึงเดือนตุลาคม…

          ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ก็พอเข้าใจได้ว่าคงว่างเว้นการสร้างบ้านชั่วคราวไปก่อน ไม่อยากเร่งหรือทวงถามอะไร เพราะเป็นเดือนแห่งความเศร้าโศกเสียใจของคนไทยอย่างสุดซึ้ง แต่ปลาย ๆ เดือนตุลาคมเริ่มมีสัญญาณไม่ดีเกิดขึ้น แฟนเริ่มสังหรณ์ใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้รับเหมาคนนี้ ขอแทนชื่อว่า นาย T ก็เลยลองไปค้นหาประวัติในกูเกิลดู (Comment 3. การหาประวัติควรเป็นข้อแรก ๆ ในการคัดกรองผู้รับเหมาก่อนจะตกลงทำการก่อสร้างเลยนะ) ซึ่งก็ได้เจอชื่อพ่อและน้องชายของนาย T ในข้อหาหลอกลวงผู้อื่น แฟนเลยกังวล เราก็คิดว่านั่นเป็นพ่อกับน้องชาย ไม่ใช่ตัวนาย T เอง คงไม่มีอะไรหรอก แต่พอแฟนได้เล่าพฤติกรรมของนาย T เท่าที่ผ่านมาให้ฟัง ยกตัวอย่างเช่น โกหกแฟนเราว่า Father Died บ้าง ขอเบิกเงินไปจ่ายค่ามัดจำรั้วไว้ก่อนบ้าง ทั้ง ๆ ที่บ้านยังได้แค่โครงสร้าง บลา ๆ และอีกหลายเรื่อง เราก็ เฮ้ย ! เอาล่ะสิ เข้าสเต็ปวงจรอุบาทของวงการก่อสร้าง (หาอ่านได้ตามคดีรับเหมาก่อสร้างในอินเทอร์เน็ต หรือเว็บไซต์พันทิปนี่แหละ) คือบอกก่อนเลยว่าแฟนเราเป็นคนจริงใจ ถ้าคุยถูกคอกับใครก็ดีใจหาย ระยะเวลาที่ทำการก่อสร้างบ้าน คงได้ทำความรู้จักและสนิทกับนาย T อย่างรวดเร็ว (Comment 4. ไม่ควรใจอ่อนและสนิทกับผู้รับเหมาจนเกินไป ซึ่งข้อนี้แฟนเราพลาดเอง) เนื่องจากช่วงแรก ๆ ที่แฟนเราเล่าให้ฟังคือ นาย T รับปากและทำให้ได้อย่างโน้นอย่างนี้ “พี่ต้องการอะไร ผมทำให้ได้” ตอกเสาเข็มเพิ่มให้ ทำนู้นนี่นั่นเพิ่มให้ เรียกเป็นพี่เป็นน้อง พูดจาเป็นงานเป็นการ แนะนำการก่อสร้างอย่างคนรู้ลึกรู้จริง อยู่หน้างานด้วยกันตลอดเกือบ 2-3 เดือน ถึงขนาดเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก (ตอนหลังเข้าไปดูในเฟซบุ๊กถึงรู้ว่า อ้าว Father ก็ยังไม่ Dead นี่หว่า) แฟนไม่เคยบอกหรือเล่าเรื่องปัญหาในการก่อสร้างให้ฟังเลย มารู้ทีหลังว่าเริ่มก่อสร้างกันตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม และที่พีคที่สุด ก็มารู้ความจริงจากแฟนเราว่า ไม่ได้ทำสัญญาก่อสร้างกับผู้รับเหมาเลย BOQ ก็ไม่ละเอียด แถมยังให้เบิกเงินเกินงวดไปมาก โอ้ย…จะบ้าตาย ไม่รู้ไปโดนป้ายยาอะไรหรือเปล่า ไอ้ที่เคยเตือนทุกอย่างก็โดนทุกอย่าง จะด่าก็ช้าไปล่ะ ด่ามากก็ไม่ได้ เพราะเราก็ผิดที่ไม่ได้อยู่ด้วย...เขียนแล้วของขึ้นอีก ขอระงับอารมณ์โกรธ แป๊บ !

          เอาล่ะ ตั้งสติกันใหม่ ผิดแล้วไม่เป็นไร ยังแก้ไขได้ทัน เนื่องจากเราไม่เคยเข้าไปหน้างานเลย ยังไม่ได้รู้จักนาย T เราจึงให้แฟนเราไปบอกนาย T ว่าเราจะขอทำสัญญาก่อสร้างให้ถูกต้อง รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการก่อสร้าง เพราะเจ๊กลับมาแล้ว ข้อดีที่แฟนเรายังจดวันที่เบิกจ่าย รวมถึงโอนเงินให้ทาง i-banking ซึ่งยังคงเป็นหลักฐานการจ่ายเงินได้ เลยรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจัดทำสัญญาจ้างทำการก่อสร้างขึ้นมา โดยแจกแจงรายละเอียดในการก่อสร้างที่แฟนเรากับนาย T ได้ตกลงไว้ เป็นแบบการจ้างเหมาทำการก่อสร้าง ประกอบด้วย

          1. ตัวบ้านพักอาศัยชั้นเดียวและระบบท่อน้ำทิ้ง

          2. โรงจอดรถ

          3. รั้วบ้าน 3 ด้าน 

          (Comment 5. ในสัญญาที่แบ่งการก่อสร้างเป็นส่วน ๆ นี้ ภายหลังน้าทนายที่ให้คำปรึกษาบอกว่า ควรแยกเป็นคนละฉบับจะดีกว่า ถ้าเกิดกรณีขอเบิกเกินงบจะได้คิดคำนวณแยกเป็นส่วน ๆ ได้ง่าย และสัญญาไหนฟ้องแบบไหนได้บ้าง เช่น ถ้าเบิกส่วนนี้ไปแล้วยังไม่ได้ทำ ถือว่าหลอกลวงอาจเป็นความผิดทางอาญาได้) และข้อสำคัญที่สุด ต้องลงระบุการเบิกจ่ายเงินไปแล้ววันไหน ทำอะไร เป็นจำนวนเงินเท่าไร พร้อมทั้งกำหนดวันที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และค่าปรับ ตามแบบสัญญาก่อสร้างทั่วไป แนบด้วยรายละเอียดการทำงานที่ผู้รับจ้างต้องดำเนินการก่อสร้าง และผู้ว่าจ้างต้องเป็นคนจัดซื้ออะไรบ้างอย่างครบถ้วน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ถ้ามีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ก็ให้เขียนที่อยู่ในปัจจุบันไว้ด้วย อ่านให้เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย เซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งนาย T ก็ยินดีและยอมทำสัญญาให้ ในทางความรู้สึกของเรา ก็คงสบายใจได้ระดับหนึ่งล่ะ ยังพูดจาภาษาดอกไม้กันได้อยู่...

          แต่หลังทำสัญญา ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2559 เหมือนเวลาหยุดอยู่กับที่ ได้บ้านมาแค่ไหน ก็ได้อยู่แค่โครงสร้างเท่านั้น ขอเล่าพร้อมเริ่มรีวิวการสร้างบ้านด้วยภาพ Timeline ต่าง ๆ เหล่านี้แทน ซึ่งเราได้เริ่มเก็บรวบรวมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ไว้ตั้งแต่โดดเข้ามาคลุกวงใน ฮ่า ๆ เผื่อกรณีเกิดข้อพิพาทขึ้น ซึ่งก็เกิดจนได้จริง ๆ

          - วันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 ส่งช่างฝ้ามาเป็นหน่วยรับหน้าไปวัน ๆ แต่ทำกระจกประตูที่เราสั่งและจ่ายเงินเองแตกไป 2 บาน แล้วไม่มาทำต่อ บอกจะเอาไปทำให้ใหม่ สุดท้ายก็แค่ลมปาก...

          - วันที่ 13-27 พฤศจิกายน 2559 ไม่มีการทำงานอีกเลย มีแต่คำแก้ตัวและโกหกไปเรื่อย บอกเมียคลอดลูกบ้าง (อันนี้เห็นในเฟซบุ๊กว่าเมียท้องจริง แต่คลอดเดือนธันวาคมโน้น) บางวันมานั่งรอช่างกัน 2 คนกับแฟน ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ยืนเกาะประตูมองออกไปแล้วท้อใจ นี่ฉันมายืนรอช่าง (ที่ท่าน้ำ) ทุกวันเลยนะ ฮ่า ๆ พอเจอตัวได้คุยถึงการแก้ปัญหากับนาย T มีบอกว่าจะหาทีมช่างใหม่มาทำ พูดต่อหน้าเรากับแฟนว่า ก็เหมือนโยนขี้ให้เขาไปทำต่อ แหม ๆ เรียกบ้านเราว่าขี้อ่ะ กล้าพูดเนาะ หลัง ๆ ตัดปัญหาเราเลยบอกว่า จะหาทีมช่างเข้ามาทำเอง ซึ่งนาย T ก็บอกว่าหามาได้เลยพี่ ช่างตีราคาเท่าไรแล้วมาเบิกที่ผม อ้าวเฮ้ย ! ตกลงใครเป็นผู้รับเหมากันแน่หว่า 

          - ต้นกะเพราขึ้นเต็มเลย เก็บไปผัดกินเพื่อความประหยัด

          - วันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 วันสุดท้ายของความอดทน ที่ผ่านมาทั้งเครียด นอนไม่หลับ กลุ้มใจ ทะเลาะกับแฟนหลายต่อหลายเรื่อง เพราะแฟนให้เบิกเงินค่าทำบ้านและรั้วไปเกือบหมดแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่รั้วยังไม่มีการก่อสร้างใด ๆ ทั้งสิ้น โดยนาย T อ้างว่าได้เบิกไปจ่ายค่ามัดจำทำประตูรั้วให้กับร้านค้าแถวพุทธมณฑลไว้ และเมื่อเราทวงถามเพราะเห็นว่าบ้านก็ยังสร้างไม่เสร็จเลย นาย T เลยบอกว่าจะเอาเงินมัดจำค่ารั้วมาคืนให้ก่อน ส่วนแฟนเห็นว่าไหน ๆ ก็เสียเงินไปแล้ว อยากให้ซื้อของเข้ามาไว้แทนให้มากที่สุด เลยให้นาย T สั่งของมาให้ เรากับแฟนก็มานั่งรอรับของให้ตั้งแต่เช้ายันบ่าย เพราะนาย T อ้างว่ารถเสีย พยายามโทรถามเวลามาส่งของ มารู้ว่านาย T เพิ่งโอนเงินไปซื้อของตอนบ่ายในจำนวนน้อยกว่าที่ตกลงกัน โดยนาย T อ้างว่าของที่สั่งไว้หมด พอร้านค้ามาส่งของ ถามพนักงานเขาบอกว่ามีของเต็มร้านเลย จึงได้ข้อสรุปทันทีว่าขอลาขาดกับนาย T เท่านี้ ดีกว่ามานั่งหน้าดำหน้าแดงผมร่วงเป็นกระจุก เสียสุขภาพจิตกันเปล่า ๆ

          - วันที่ 10 ธันวาคม 2559 ช่าง A มาทำแป๊บ ๆ ขึ้นโครงเหล็กระเบียงและเสริมหลังคาเพิ่มเติมแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ให้หลาย ๆ ผู้รับเหมามาตีราคา ก็ทักกันทุกคนว่าโครงเหล็กหลังคามันเล็กไป โดนอีกแล้ว…ช่าง A มานอนกางเต้นท์อยู่เลย ไม่ดื่มเหล้า เป็นช่างที่ทำงานได้ทุกอย่าง แต่อาจจะช้าเรื่องกำหนดเวลาแล้วเสร็จ เพราะทำคนเดียว ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเลย รอกันมาเกือบเป็นปีอยู่แล้ว ถ้าจะรออีกสัก 2-3 เดือน ก็ต้องรอไหวสิ

          - ถึงกำหนดคืนเงินของนาย T ก็เป็นไปตามคาด วันที่ 11 ธันวาคม 2559 เราเลยไปโรงพักเพื่อแจ้งความ แน่นอน คดีจ้างทำของหรือจ้างก่อสร้างเป็นคดีแพ่ง ซึ่งตำรวจก็ต้องให้ไปฟ้องศาลแพ่งแทน แต่จากการรวบรวมหลักฐาน ปรากฏว่าเจอความผิดของนาย T เพิ่มเติม ดังนี้

          1. เมื่อเดือนกันยายน 2559 นาย T ส่งเลขบัญชีมาให้แฟนเราโอนเงินค่าฝ้าจำนวน 19,000 บาท ไปให้ร้านค้า โดยให้แฟนเราเป็นคนโทรคุยรายละเอียดกับทางร้านค้าก่อน ส่วนนาย T รับเป็นคนประสานงานต่อ และบอกให้แฟนเราเข้าใจว่าได้ไปรับฝ้ามาเก็บไว้ที่พักของนาย T แล้ว กันฝนตกกลัวจะเสียหายก่อนถึงเวลามายิงฝ้า เมื่อมาดูรายการการโอนเงินของธนาคาร ปรากฏว่าชื่อบัญชีที่ให้โอนไปเป็นชื่อของพี่เขยของนาย T (หาข้อมูลเจอจากในเฟซบุ๊ก) และฝ้าที่อ้างว่านำมาเก็บไว้นั้นก็ไม่ได้มาส่งมอบให้กับทางเราเลย อีกทั้งเราสอบถามกับทางร้านค้า ทางพนักงานก็ให้ความร่วมมือตรวจเช็ครายการให้ ซึ่งไม่มีการซื้อขายตามวันเวลาดังกล่าวเหมือนกัน (ตรงนี้เป็นหลักฐานในการนำมาใช้กับคดี) จากการปรึกษากับพี่ตำรวจและน้าทนาย ในส่วนนี้เป็นคดีหลอกให้โอนเงินถือว่าฉ้อโกงได้

          2. หลังจากวันที่ยกเลิกสัญญา ได้มีเจ้าของบ้าน 2 หลัง มาหาที่ไซต์งาน เพราะโดนนาย T ไปรับเหมาก่อสร้าง แล้วทำงานให้ล่าช้า (คาดว่าจะเป็นเหมือนเรา) แต่ไม่ได้เจอหน้ากัน เลยมีการสอบถามพูดคุยทางโทรศัพท์และทางไลน์ ซึ่งรายแรกอยู่แถวปทุมวัน เป็นบ้าน 2 ชั้น ได้แค่โครงสร้าง ส่วนรายที่ 2 อยู่แถวสุขุมวิท เป็นตึก 3 ชั้น ได้แค่โครงสร้างเหมือนกัน เลยรู้ว่านาย T ได้นำรูปบ้านของเราไปอ้างว่าเป็นผลงานการก่อสร้างกับเจ้าของบ้านนั้น ๆ เขาเลยตามมาถูกที่ ซึ่งแต่ละรายก็โดนไปหลายหมื่นหลายแสนอยู่ (มีรายหนึ่งไปใช้มุขหลอกเขาว่า Mother Died อีกด้วย ฮ่า ๆ) และที่สำคัญมีระยะเวลาการก่อสร้างในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ถึงว่าล่ะ คงมีการสับรางย้ายช่างไปไซต์งานโน้นที งานนี้ที เพื่อเร่งเบิกเงินล่วงหน้า เลยสอบถามกับพี่ตำรวจและน้าทนายดูว่า สามารถเป็นคดีฉ้อโกงได้ไหม เพราะมีผู้เสียหายหลายราย ซึ่งส่วนนี้ได้รับคำแนะนำว่าอยู่กันคนละท้องที่ และคงต้องดูหลาย ๆ อย่างประกอบด้วย เช่น สัญญาการก่อสร้าง หรือมีเจตนาหลอกลวงแบบไหน และสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายแต่ละรายด้วยว่าอยากจะดำเนินคดียังไง เพราะบางทีต้องใช้ทั้งเงินและเวลา อันนี้ก็อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละคนนั่นเอง

          สรุปคือเราสามารถแจ้งความเป็นคดีฉ้อโกงได้ โดยได้นัดนาย T มาเจอที่สถานีตำรวจ ซึ่งเป็นส่วนดีเพียงอย่างเดียวของนาย T ที่ยังมาตามนัดหมาย หรือมีสาเหตุอื่นที่ทำให้ไม่สามารถหลบหนีได้ก็ไม่รู้สินะ ส่วนเรื่องเงินก้อนใหญ่ที่เบิกเกินไปจากงานก่อสร้างที่ต้องคืนเรา ก็ได้รับคำแนะนำมาจากพี่ตำรวจว่าควรให้ นาย T นำเช็คชำระหนี้มาวางให้ก่อน (Comment 6. พี่ตำรวจกำชับมาว่าต้องเป็นเช็คสำหรับใช้ชำระหนี้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเช็คเพื่อใช้ค้ำประกัน) แล้วให้เวลาไปหาเงินมาคืนทั้ง 2 ยอด โดยแจ้งความในคดีฉ้อโกงเรื่องฝ้าไว้ มีพี่เขยร่วมกระทำความผิดด้วย ในเรื่องนี้ขนาดถามต่อหน้าตำรวจกันเลยว่าชื่อที่ให้โอนเงินไปเป็นชื่อของใคร ยังบอกอยู่เลยว่าเป็นเซลล์ร้านฝ้า เฮ้อ…โกหกหน้าซื่อจนถึงที่สุดจริง ๆ เลยนายคนนี้ และวันที่นาย T นำเช็คชำระหนี้มาให้ที่สถานีตำรวจ ก็ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้จากการวางเช็คอีกครั้ง (Comment 7. หนังสือรับสภาพหนี้นี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการออกเช็คชำระหนี้ที่มีอยู่ต่อกันจริง โดยหนี้ดังกล่าวนั้นสามารถที่จะฟ้องร้องหรือบังคับคดีได้ตามกฎหมาย) และทำการบันทึกข้อตกลงต่อหน้าตำรวจ โดยเช็คมีกำหนดสามารถขึ้นเงินได้ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ระหว่างนั้นก็ทำการก่อสร้างบ้านกันต่อไป

          - วันที่ 25 ธันวาคม 2559 ขึ้นงานฝ้าแล้ว สั่งมาใหม่ เป็นแผ่นฝ้ายิปซั่มประหยัดพลังงานติดฉนวนกันความร้อน พี.ยู.โฟม งานเดินไปเร็วมาก ชื่นใจหายเหนื่อยหน่อย

          - วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 ฤกษ์ดีเป็นคืนแรกที่จะมานอนบ้าน พ่อให้พระมาองค์หนึ่ง จุดธูปเชิญเข้าบ้านตามเวลา แม่ให้ข้าวสารมา 10 กิโลกรัม มีไข่ เกลือ น้ำ และสิ่งจำเป็นต่าง ๆ แต่คืนนี้สงสัยจะไม่ได้นอน...

          - วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ถึงกำหนดนำเช็คไปขึ้นเงิน เนื่องจากเป็นผู้ที่ไม่เคยใช้เช็คเป็นกิจวัตรประจำ ก็เลยเจอปัญหาเรื่องความถูกต้องของเช็คจนได้ ตอนที่นาย T เขียนเช็คให้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้กำกับดูความถูกต้องของเช็คทั้งเรื่องวันที่ ตัวอักษร ข้อความต่าง ๆ อย่างรอบคอบแล้ว เพราะเท่าที่รู้มาคือถ้าเขียนผิดไปสักจุดหนึ่ง เช็คนี้จะใช้ไม่ได้ แต่ปรากฏว่าเช็คที่ได้มานั้น ไม่ได้มีการเขียนผิดตรงจุดไหน แต่มีการเขียนเน้นย้ำตัวอักษรหนากว่าตัวอื่นอยู่หนึ่งตัว ทางธนาคารจึงปฏิเสธการรับขึ้นเงินก่อน และให้โทรไปเรียกเจ้าของเช็คมาทำการขีดฆ่าแก้ไขและเซ็นชื่อกำกับถึงจะขึ้นเงินได้ เอาล่ะสิ ตอนนี้โทรไปยังไงก็โทร. ไม่ติด ไม่รับสาย ทางผู้หมวดที่รับเรื่องนี้ไว้ก็ทำหน้าที่ดีมาก โทร. ไปขอคำปรึกษาได้ตลอด ได้ให้คำแนะนำว่าลองสอบถามทางธนาคารดู เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้ผิดในสาระสำคัญของเช็คจะพออนุโลมได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ให้ออกหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมาว่าทำไมถึงปฏิเสธการรับขึ้นเงินในเบื้องต้น พอแจ้งกับน้องเจ้าหน้าที่ธนาคารไปตามนั้น น้องเขาขอเวลาโทร. ปรึกษาผู้มีอำนาจสักครู่ จึงอนุโลมให้นำเช็คมาขึ้นเงินได้ แต่จะมีเงินพอจ่ายไหม เป็นเช็คเด้งไหม ก็ต้องรออีก 1-2 วัน ถึงตอนนี้ตำรวจโทร. ไปเอง นาย T ก็ไม่รับสายแล้วจ้า เป็นอันว่าหายตัวไปตามระเบียบ 

ตอนที่ 3 บทสรุปของคดี...ที่ยังมีต่อ...

          - ต้นเดือนมีนาคม เก็บรายละเอียดรอบตัวบ้าน และงานทาสี

ตอนที่ 4 จากนี้ต่อไปในอนาคต ขอให้สดใสเหมือนสีทาบ้าน

          เดือนมีนาคม 2560 ช่วงโค้งสุดท้ายของงานส่วนต่อเติมบ้านโดยรอบ ส่งงานต่อให้ช่าง R มาทำในส่วนประตูรั้ว เทพื้นปรับระดับด้านหน้า และเก็บรายละเอียดปลีกย่อย ช่างมีความชำนาญ ทำงานได้เร็วมาก พอเราได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีมาแล้ว ครั้งต่อไปก็เลยต้องเข้มงวดเรื่องการหาช่างมากขึ้นกว่าเดิม โชคดีของเราที่หาช่างมาทำต่อ เจอแต่ช่างที่ดี ๆ ซึ่งก็ยังมีอยู่นะ เพราะเท่าที่ได้คุย ตัวช่างเองก็ยังโดนผู้รับเหมาโกงค่าแรงเหมือนกัน วงการนี้มันขึ้นอยู่กับความซื่อสัตย์และความมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจริง ๆ

          - ภายในบ้านถึงแม้การเริ่มต้นจะไม่สวยงาม แต่ระหว่างทางก็ได้ประสบการณ์การเรียนรู้ในหลายเรื่องทีเดียว บทสรุปจะเป็นอย่างไร คงต้องสู้กันต่อไป คดีผู้รับเหมาทิ้งงาน โกงเงิน หรือคดีจ้างทำของแบบนี้ มีเยอะแยะมาก มีช่องโหว่ของกฎหมาย แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ยังอ่อนใจ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เกิดจากเจ้าของบ้านด้วย จะโทษใครคงไม่ได้ เพราะความไว้ใจ ความเชื่อใจ อาจใช้ไม่ได้กับคนบางประเภท เจ้าของบ้านบางคนก็อาจปล่อยปละละเลย ไม่เอาจริง ไม่ใจแข็ง ไม่เข้มงวด ไม่มีความรู้ หรือมีข้อจำกัดเรื่องเวลา เรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นานา ขนาดเราหาข้อมูลคิดว่ามากพอสมควรแล้ว มาเจอกับตัวจริง ๆ บางเรื่องก็มึนไปเลย ก็ถือเป็นบทเรียนอันล้ำค่าของคนสร้างบ้านครั้งแรก หากมีครั้งที่ 2-3 คงจะไม่ให้เกิดขึ้นแน่ สัญญาจริง ๆ นะเออ...

          - ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนจบ หวังว่าประสบการณ์ในเรื่องนี้ของเราคงเป็นความรู้ต่อผู้อ่านได้บ้างไม่มากก็น้อย เหนือสิ่งอื่นใด ไม่อยากให้มิจฉาชีพเอาบ้านที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตา และความทุกข์ของเจ้าของบ้านไปหลอกลวงผู้อื่นต่อ ๆ กันไป แน่นอน ผู้รับเหมาที่ดีก็มีอยู่ แต่ก็หายากเต็มที เพราะคนไม่ดีเพียงเล็กน้อยทำให้อาชีพนี้ดูไม่น่าไว้วางใจ ในมุมมองของเจ้าของบ้าน ก็คงมีความต้องการและมีความคาดหวังในระดับหนึ่ง เข้มงวดเกินไปก็กลัวช่างจะวางยา อ่อนเกินไปก็โดนเอาเปรียบ ก็อยากให้เข้าใจเจ้าของบ้านในส่วนนี้ด้วย เพราะการสร้างบ้านสักหลังนั้น กว่าจะหาเงินมาได้ทุกบาททุกสตางค์ มันอาจเป็นชีวิตทั้งชีวิตของคน ๆ หนึ่งเลยทีเดียว ดังนั้น ขออย่าได้มาทำลายความหวังและความฝันกันเลย เพราะถ้าสร้างบ้านเองได้ง่าย ๆ คงสร้างด้วยตัวเองไปนานแล้วล่ะ...

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 2925063 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม