ไอเดียตกแต่งบ้านเดี่ยวสองชั้น เน้นความเรียบง่าย แต่หรูหรา ดูดี มีระดับ แบบบ้านต่างประเทศ มาส่องความงดงามทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้กันค่ะ
ไอเดียแต่งบ้านแนวธรรมชาติ สไตล์รัสติกฟาร์มเฮ้าส์ (Rustic Farmhouse) สำหรับคนชอบแต่งบ้านสไตล์ฝรั่งแสนอบอุ่น กรุ่นกลิ่นอายธรรมชาติ เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และของตกแต่งก็เน้นมาจากไม้จริง มาดูไอเดียแต่งบ้านสไตล์รัสติกฟาร์มเฮ้าส์ จาก คุณ reiko chan สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มาบอกเล่าประสบการณ์การตกแต่งบ้านในแบบของตัวเอง ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบห้องต่าง ๆ การสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ และการเลือกซื้อของตกแต่งต่าง ๆ ที่มาจากธรรมชาติ เหมาะกับคนที่อยากได้บ้านอบอุ่นอยู่กับคนพิเศษ
[CR][~Cozy Living~] รีวิวแต่งบ้านสไตล์ Rustic Farmhouse ในแบบของเราค่ะ
โดย คุณ reiko chan
ก่อนซื้อบ้านหลังนี้ เราซื้อคอนโดขนาด 35 ตารางเมตร เป็นแบบ fully furnished เราแทบไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลยค่ะ ใช้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นตามที่ทางโครงการให้มา เรื่องเริ่มจากเมื่อต้นปี 59 เรากับแฟนขับรถผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากคอนโดนัก เห็นหมู่บ้านสวย ๆ หลายโครงการ ก็เลยลองตระเวนเข้าไปดูเกือบทุกโครงการเลยค่ะ ตอนนั้นเห็นหลังไหนก็สวย อยากได้ อยากซื้อ แต่ใจไม่กล้าพอค่ะ กลัวผ่อนไม่ไหว บวกกับคิดว่าคอนโดที่อยู่ตอนนี้ก็สบายดี อยู่กับแฟนแค่ 2 คนไม่ได้คับแคบอะไร แต่ความคิดที่อยากจะมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง บ้านที่บ่งบอกถึงความเป็นเรา ยังคงอยู่ในใจมาตลอด
ต้นปี 2560 ที่ผ่านมา เราตัดสินใจแวะกลับไปดูที่โครงการเดิมแห่งหนึ่งอีกครั้ง ซึ่งช่วงนั้นมีบ้านหลายหลังกำลังจัดรายการอยู่ค่ะ หนึ่งในนั้นเป็นบ้านขนาด 66 ตารางวา ตัวบ้านเป็น Type ที่เล็กที่สุดค่ะ พื้นที่ใช้สอย 151 ตารางเมตร เป็นบ้านโล่ง ๆ เลยค่ะ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ มีเพียงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานของโครงการให้มา แต่ที่ทำให้เราติดใจคือสวนหน้าบ้านที่ทางโครงการจ้างช่างมาจัดให้เป็นพิเศษ (หลังอื่นเป็นสวนตามมาตรฐานโครงการ) เป็นสวนสไตล์อังกฤษ มีบ่อน้ำพุเล็ก ๆ ลานหิน และชุดโต๊ะ-เก้าอี้ (ไว้จิบน้ำชายามบ่าย อันนี้คิดเองค่ะ) ในใจคิดว่าดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องจ้างช่างมาจัดสวน ประหยัดงบไปได้หลายหมื่น หรือถ้าเอาสวย ๆ ก็คงเป็นแสน สุดท้ายเราจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ค่ะ
- นี่เป็นสวนที่ทางโครงการจัดให้ค่ะ
- ภาพในหัวคือ ตอนเช้าเรากับแฟนทำ American Breakfast มานั่งทานที่โต๊ะ จิบกาแฟ ฟังเสียงน้ำพุ ในความเป็นจริงคือ ตกเย็นชวนเพื่อนปูเสื่อบนพื้นหินอ่อนโล่ง ๆ แล้วนั่งกินปิ้งย่างหมูกระทะแทนค่ะ
- นี่เป็นภาพรวม ๆ ของสวนรอบบ้านนะคะ (หลังบ้านเป็นรั้วโครงการค่ะ)
- ตัดกลับมาที่ภายในตัวบ้านค่ะ อย่างที่บอกว่าตัวบ้านเป็นบ้านโล่ง ๆ แต่สิ่งที่โครงการแถมมาให้คือวอลเปเปอร์ทั้งหลัง และแอร์ 4 ตัว และแผงทีวีค่ะ (ลายวอลเปเปอร์ตรงนี้เห็นแล้วกุมขมับ)
- ถ่ายรูปลำบาก ขออนุญาตเอารูปตอนตรวจบ้านมาเสริม เนื่องจากตอนเซลส์พาดูไม่ได้ถ่ายไว้ค่ะ
- ในส่วนของสไตล์การแต่งบ้าน ทีแรกเราไม่ได้ตั้งใจจะให้ออกมาเป็นสไตล์นี้หรอกค่ะ ความคิดแรกตอนที่ตัดสินใจจะซื้อบ้าน เราอยากจะทำ Built in ให้ออกมาแนวหวาน ๆ หรู ๆ โทนสีชมพูกะปิตัดกับขาว พอส่งรูปสไตล์ที่ชอบให้แฟนดู แฟนตอบกลับมาว่า “นึกภาพพี่อยู่บ้านคนเดียว หนวดเฟิ้ม ๆ นุ่งกางเกงบอลเก่า ๆ ไม่ใส่เสื้อ เดินไปเดินมาในบ้านสไตล์นี้สิ” โอเคค่ะ เข้าใจ กลับมาทำการบ้านใหม่ก็ได้
- อันที่จริงแฟนเราชอบเฟอร์นิเจอร์ไม้ เห็นสีไม้เห็นลายไม้จริง สไตล์ญี่ปุ่นผสมมินิมอลลิสต์ แต่เราไม่ค่อยชอบค่ะ คิดไปคิดมาเลยมานึกถึงบ้านฝรั่งสไตล์ Farmhouse เพราะเราอยากให้บ้านดูอบอุ่น และสไตล์นี้ก็เน้นที่ความเป็นธรรมชาติด้วยค่ะ วัสดุที่นำมาใช้จึงเป็นไม้จริงทั้งสิ้น ของตกแต่งต่าง ๆ ก็เน้นที่มาจากธรรมชาติค่ะ
มาถึงขั้นตอนการหาช่าง Built in แล้วนะคะ เนื่องจากปีก่อนบ้านคุณแม่เราเคยรีโนเวทต่อเติม แล้วช่างเคยแนะนำผู้รับเหมารายนี้เอาไว้ บอกว่างานเล็กงานใหญ่รับหมด เราเลยลองติดต่อไป เบื้องต้นก็บอกความต้องการ ส่งรูปสไตล์ที่ชอบให้เขาดู ส่วนใหญ่เราได้แรงบันดาลใจมาจาก Pinterest ค่ะ
- ส่วนอันนี้คือของจริงที่ได้มาค่ะ
- มาถึงขั้นตอนแห่งการรอคอยค่ะ หลังจากสรุปแบบแล้วก็เข้าสู่การขึ้นโครงประมาณ 70% ที่โรงงานค่ะ ตรงนี้ใช้เวลาเกือบเดือน ช่างจะส่งรูปอัปเดตให้เราดูทางไลน์ค่ะ
- เมื่อได้โครงแล้วก็ถึงเวลาที่เรารอคอย ช่างเริ่มทยอยขนโครงไม้เข้าหน้างานแล้วค่ะ
- เนื่องจากจันทร์ถึงศุกร์เราทำงานอยู่ต่างจังหวัด ช่วงนั้นจะรอคอยเสาร์ถึงอาทิตย์มาก ๆ จะได้รีบกลับไปดูความคืบหน้า บางอาทิตย์เลิกงานวันศุกร์ก็ขับรถไปดูบ้านคืนนั้นเลยค่ะ ใกล้เป็นรูปเป็นร่างแล้วนะคะ
หลังจากงานไม้ติดตั้งเกือบจะสมบูรณ์ ก็มาถึงเวลาเลือกสีที่จะพ่นหน้าบานค่ะ ช่างจะทำสีตัวอย่างมาให้เราเลือก 2-3 โทน ตามความต้องการของเรา ทีแรกเราอยากให้บ้านดูมีสีสันแบบบ้านฝรั่งที่เขาเล่นสีเฟอร์นิเจอร์เทาบ้าง ฟ้าบ้าง แต่ช่างแนะนำว่าขอให้ภาพรวมมีสีหลัก ๆ อยู่ไม่เกิน 3 สีจะปลอดภัยกว่า เราจึงเลือกพ่นสีหน้าบานของห้องนั่งเล่น มุมทานข้าว และส่วนเตรียมอาหาร เป็นสีขาวครีม ตัดด้วยสีน้ำตาลของท็อปไม้สนและแผงหลังชั้นวางทีวีค่ะ
- ส่วนภาพนี้เป็นภาพปัจจุบันจากกล้องแฟนค่ะ ขออภัยที่เก็บภาพไม่ครบนะคะ พอดีเลนส์ไม่เอื้ออำนวย
- อ้อ…ลืมไป มุมนั่งเล่นเราให้ช่างทำฝ้าด้วยค่ะ ทีแรกตั้งใจจะทำเป็นหลุมดรอปฝ้าใส่ไฟ LED แต่ระหว่างทำ ติดปัญหาค่ะ เพราะตำแหน่งหลุมฝ้าดันไปตรงกับห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ ช่างเปิดฝ้ามาเจอท่อน้ำเลยดรอปได้แค่ 10 หรือ 15 เซนติเมตร จำใจต้องตัดไฟ LED ออก ตอนแรกก็เฟลมาก ๆ เลยนะคะ เพราะถ้ามีหลุมดรอปฝ้าใส่ไฟ LED จะทำให้มุมโซฟาดูเด่นขึ้นมาก แต่พอปรับออกมาเป็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกพอใจค่ะ ที่สำคัญราคาถูกลงด้วยค่ะ ประหยัดค่า LED ไปได้ตั้ง 5,000 บาท
- แก้ไขเพิ่มเติมรูปแผงชั้นวางทีวีค่ะ ให้แฟนถ่ายให้ใหม่เมื่อวาน
- เนื่องจากเราต้องการให้บ้านออกมาดูอบอุ่น รูปแบบของโซฟาจึงมีส่วนสำคัญ ส่วนใหญ่บ้านสไตล์นี้เราสังเกตว่าจะใช้โซฟาแนวนี้ โรยหมอนเยอะ ๆ และมีเก้าอี้วิงแชร์ทรงที่ไม่เข้าเซตกับโซฟา แต่ไปในแนวทางเดียวกันกับสไตล์การตกแต่งภาพรวม โซฟาเราเลือกเป็นสีเทาอ่อน เพราะไม่อยากให้ดูกลืนกับสี Built in ที่เป็นสีน้ำตาล-ขาวมากนัก แต่เป็นสีเทายังพอจะหาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นมาดึงให้สีน้ำตาลและสีเทาดูกลมกลืน ไม่มีชิ้นใดโดดเด่นจนเกินไป
- ต่อมาเป็นพระเอกในมุมนั่งเล่นของเราเลยค่ะ นั่นคือ Coffee Table โต๊ะนี้เป็นมหากาพย์สำหรับเรามาก เริ่มตั้งแต่ตอนที่คิดว่าจะหาโต๊ะแบบไหนมาวางดี ทีแรกเราอยากได้โต๊ะหวายแท้สานเป็นทรงหีบ ในเว็บไซต์ฝรั่งมีสวย ๆ เยอะมากค่ะ อยากได้มาก ๆ แต่งานฝีมือราคาจึงค่อนข้างสูง บางหลังเกือบสองหมื่น บวกค่าขนส่งเข้าไปอีก เราสู้ไม่ไหวค่ะ ก็เลยเบนเข็มมาที่หีบไม้ค่ะ เพราะเราเคยเห็นร้านรับทำเฟอร์นิเจอร์ไม้รับทำเป็นโต๊ะทรงหีบผ่านตามาบ้าง
- มีอยู่วันหนึ่ง เราชวนแฟนไปเดินจตุจักร เพื่อหาซื้อของแต่งบ้านจุกจิก อีกใจก็พยายามมองหาร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้เก๋ ๆ ที่เขาน่าจะมีหีบไม้วางขาย หรือสั่งทำได้ ก็ไปเจออยู่ร้านหนึ่งค่ะ เป็นร้านรับทำเฟอร์นิเจอร์ตามแบบจากไม้ไทย เช่น ไม้สัก เราไปสะดุดตากับแผ่นไม้แต่งผนังที่เขาแขวนอยู่หน้าร้าน ว่าจะซื้อมาติดเหล็กสำหรับแขวนกุญแจค่ะ ที่จริงสไตล์ที่ร้านเขาทำขายมันจะออกคาวบอย ๆ ดูมีความเขาใหญ่หน่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่ที่เราอยากได้หรอกค่ะ แต่ไหน ๆ ลองเข้าไปในร้านแล้ว ก็เลยถามดูว่ารับทำหีบไม้ไหม ปรากฏว่าเขารับค่ะ ตอนแรกพี่เจ้าของร้านส่งภาพให้ดูว่าเคยทำหีบไม้นะ แบบนี้เลย
- อื้อหือ...มีความ Pirate of the Caribbean มาก เราเลยรีบเปิดรูปหีบที่เราชอบให้เขาดูค่ะ ของจริงที่ทำออกมาค่อนข้างพอใจค่ะ ไม่ได้เหมือนเป๊ะ เพราะต้นแบบเขาจะมีขาโต๊ะด้วย แต่แฟนเราบอกว่ามันเป็นหีบ ทำไมต้องมีขาโต๊ะ ? ก็โอเค ตัดขาออก ปรับสัดส่วนนิดหน่อย และเพิ่มตัวคล้องกุญแจไป แต่ระหว่างทำติดปัญหาเยอะมาก เลื่อนจัดส่งไปหลายรอบจนกระทั่งหีบเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง ร้านแรปพลาสติกเรียบร้อยก็นัดจัดส่งกันเย็นวันเสาร์ ซึ่งช่วงนั้นฝนตกชุกมาก ระหว่างขนส่งจากโรงงาน (ซึ่งอยู่จังหวัดพิจิตร) มากรุงเทพฯ ฝนตกหนัก น้ำคงซึมเข้าไปข้างใน เกิดเป็นความชื้น ทำให้เนื้อไม้ขยายตัวเห็นเป็นรอยแยกเล็กน้อย เจ้าของร้านมาส่งเองกับมือ ก็เพิ่งเห็นตอนแกะแรปพร้อม ๆ กับเรา สรุป ร้านยกกลับไปแก้ใหม่ด้วยการเข้าเครื่องอัด นัดจัดส่งในวันเสาร์หน้าค่ะ รอไปอีก สุดท้าย เสาร์ถัดมาหีบก็มาส่งตามนัดค่ะ เจ้าของร้านบอกลงทุนซื้อผ้าใบใหม่เอี่ยมผืนเบ้อเริ่มมาคลุมหีบ ไม่ให้โดนน้ำแม้แต่หยดเดียวค่ะ และนี่ก็คือหีบแสนรักของข้า
- ภาพปัจจุบันของห้องนั่งเล่นหลังเพิ่มของแต่งบ้านจุกจิกเข้าไปค่ะ
- มาต่อกันที่มุมทานข้าวนะคะ อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่ามุมทานข้าวเราต้องการให้เป็น Window Seat ค่ะ ใฝ่ฝันมากประมาณว่าใช้มุมนี้ทั้งทานข้าว อ่านหนังสือพลางชมสวนหลังบ้าน (ความเป็นจริงคือหลังบ้านมีแต่หญ้าที่เต็มไปด้วยหญ้าแห้วหมู กำลังหาทางกำจัดอยู่ค่ะ)
มาดู Built in มุมทานข้าวหลังเสร็จเรียบร้อยกันดีกว่าค่ะ (ป.ล. โต๊ะทานข้าวไม่เกี่ยวนะคะ อันนี้เราสั่งทำจากร้านที่เชียงใหม่ค่ะ สีเข้ากันกับท็อปไม้สน ดีใจมาก ๆ)
- ส่วนโคมไฟก็เป็นหนึ่งในความภูมิใจค่ะ กว่าจะหาโคมไฟทรงตะเกียงสีขาวแบบนี้ในไทยได้ เกือบถอดใจไปซื้อโคมจากอิเกียแล้ว แต่สุดท้ายก็หามาจนได้ค่ะ ติดปัญหานิดหน่อยซึ่งลำบากพอสมควรสำหรับช่าง คือโคมไฟที่ซื้อมา มันมีแค่ตัวโคมกับสายไฟเปลือย ๆ ไม่มีโซ่และตัวยึดเพดานอย่างที่เห็นในรูปนะคะ เราต้องไปหาซื้อโซ่กับตัวยึดเพดานมาให้ช่างพ่นสีขาว กว่าจะได้ติดทุลักทุเลพอสมควร ในความรู้สึกเราอยากให้มันหย่อนต่ำลงมาอีกนิด แต่ช่างบอกว่ากลัวยืนแล้วหัวชนโคมไฟ ระยะที่เห็นคือให้ช่างหย่อนลงมาแล้วรอบหนึ่ง เกรงใจเขาก็เลยปล่อยเลยตามเลย
มาถึงห้องสุดท้ายของรีวิวนี้แล้วนะคะ ขออภัยที่เขียนยาวไปหน่อย ที่จริงมีรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับของตกแต่งที่แต่ละชิ้นก็มีประวัติ แต่ขอยังไม่กล่าวถึง ถ้ามีใครสนใจตัวไหนค่อยตอบเป็นอย่าง ๆ ไปแล้วกันเนอะ
- เนื่องจากครัวมีขนาดเล็กมาก และเราก็ต้องการยัดทั้งเตาอบแบบฝัง เตาไฟฟ้าแบบฝัง เครื่องดูดควัน เครื่องกรองน้ำ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ใช่ค่ะ ทุกอย่างที่ว่ามาถูกจับใส่อยู่ในห้องขนาด 2.8x3.0 เมตร ห้องนี้เอง และนี่คือครัวปัจจุบันในแบบที่เราอยากให้เป็นค่ะ
- ห้องเล็กมากจริง ๆ ไม่สามารถถ่ายให้เห็นภาพรวมได้ อันนี้เป็นตู้สูงเหนือเครื่องซักผ้าค่ะ
- ตู้สูงสำหรับเก็บของจิปาถะ
- ครัวฝรั่งสำหรับเราจะต้องมีเตาอบไฟฟ้า ทีแรกว่าจะซื้อเตาอบและเตาไฟฟ้าของ Smeg รุ่น Victoria แต่งบไม่พอค่ะ สรุปเอารุ่นธรรมดาก็ได้ ไหน ๆ มันก็จะโมเดิร์นฟาร์มเฮ้าส์แล้ว ผู้รับเหมาก็เลยใส่ปล่องครอบเครื่องดูดควันให้เราค่ะ ดูแล้วก็อบอุ่นดีนะ
- ด้วยความที่เป็นคนจุกจิกเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อุปกรณ์ต่าง ๆ จึงต้องแมตช์กัน ไม่เว้นแม้แต่ก๊อกเครื่องกรองน้ำค่ะ ซึ่งก๊อกเครื่องกรองน้ำอันนี้เราสั่งจากแอมะซอนค่ะ ในไทยไม่ทราบว่าหาซื้อก๊อกเครื่องกรองน้ำสีดำได้ที่ไหน ส่วนเครื่องกรองน้ำเราซื้อแบบ RO แถวเสรีไทย ตามเพื่อน ๆ พันทิปค่ะ ให้ผู้รับเหมาติดให้ ก็จ่ายค่าแรงเพิ่มไป เขาบ่นว่าติดยาก ปล้ำอยู่นาน บอกว่าปกติติดแค่ 5 ขั้นตอน
- ตรงนี้เป็นของแต่งบ้านจุกจิกที่เราสั่งทำจากหลาย ๆ ร้านค่ะ บางอย่างก็สั่งจากเว็บไซต์ฝรั่งบ้าง แอมะซอนบ้าง ซื้อจากจตุจักรบ้าง คละ ๆ กันไปค่ะ และอันนี้เป็นกระจกด้านหลังแผงทีวีค่ะ ขนาด 70x180 เซนติเมตร กรอบเป็นไม้สักทำสีเสี้ยนขาว สั่งทำจากร้านในเฟซบุ๊ก อารมณ์ประมาณว่าเอาไว้เช็กกรูมมิ่งก่อนออกจากบ้านอะไรทำนองนั้นค่ะ
- อันนี้เป็นแผงไม้แขวนกุญแจ ที่มาของหีบมหากาพย์ค่ะ
- มือจับชุดแผงทีวีกับมุมเตรียมอาหาร เลือกเองกับมือ จากร้านที่บางโพค่ะ
- ของตกแต่งตรงชั้นวางบนแผงทีวีค่ะ ป้าย Gather here สั่งร้านพี่ที่รู้จักค่ะ ให้เขาเขียนให้ดูเบี้ยวหน่อย ๆ ไม่เป็นไรค่ะ มีความแฮนด์เมด ชั้นบนคือความภูมิใจ (อีกแล้ว) มันคือกระจาดอะไรสักอย่างของฝรั่ง เขาเรียกว่า Tobacco ไม่ทราบวัตถุประสงค์ในการใช้งานหรอกค่ะ แต่เห็นเขาเอามาแต่งเกือบทุกบ้าน เราว่ามันสวยดี ได้อารมณ์บ้านสไตล์ Farmhouse เลยสั่งมาจากแอมะซอน รวมถึง Pine Candle Ring ที่เมืองไทยน่าจะมีขาย แต่ไหน ๆ ก็เสียค่าชิปปิ้งมาแล้วเลยสั่งมาพร้อมกันค่ะ
- มุมตกแต่งเล็ก ๆ ก่อนขึ้นไปชั้นสองค่ะ
มารีวิวต่อในส่วนของชั้นล่างให้จบนะคะ นั่นคือผ้าม่านและพื้นกระเบื้องยางค่ะ คงเห็นผ่านตาจากรูปอื่น ๆ มาบ้างแล้ว ขอเขียนอธิบายสักนิดละกัน เผื่อมีใครสนใจค่ะ
ผ้าม่านมีส่วนค่อนข้างสำคัญในการปรับเปลี่ยนอารมณ์ของห้องมากทีเดียวนะคะ เทคนิคการเลือกผ้าม่านของเราก็คือ ให้ภาพรวมของห้องเสร็จออกมาอย่างน้อย 80% แล้วค่อยเลือกเนื้อผ้า สี และลายของผ้าม่านค่ะ
เราบอกความต้องการกับร้านผ้าม่านไปว่าอยากได้เนื้อผ้าอารมณ์ทอจากธรรมชาติ ดูไม่สังเคราะห์ มีสีครีมและน้ำตาลอ่อนอยู่ในคอลเล็กชั่นเดียวกัน เพราะเราจะเอามาต่อกัน เขาก็พยายามหามาจนได้ค่ะ ได้สีถูกใจมาก เข้ากับบ้านมาก ๆ แถมราคาก็เป็นมิตร ผิดนิดเดียวตรงที่ตามแบบเราต้องการให้เขาเย็บส่วนสีครีมเป็นกระโปรงนักเรียนบาน ๆ แต่ช่างเขาจับมาต่อกันเฉย ๆ พอกางออกมาเราเห็นครั้งแรกร้องดังลั่นบ้านว่ามันไม่ใช่
โทร. ไปบ่นกับน้องเจ้าของร้าน เขาก็ขอโทษขอโพย บอกที่จริงไม่เคยเย็บแบบนั้น แต่ถ้าเราอยากได้เขาจะให้ช่างทำให้ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าออกมาจะสวยไหม เพราะเขาไม่เคยทำจริง ๆ เราตัดสินใจอยู่พักใหญ่ ก็บอกน้องเขาไปว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องแก้ก็ได้ ตามนี้ก็สวยอยู่ ไม่ได้แย่อะไร แค่มันไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง
- อันนี้เป็นต้นแบบในฝันของเราค่ะ ตรงชายมันจะจีบเป็นกระโปรง ปัจจุบันมันก็ยังเป็นฝันอยู่ค่ะ ความจริงช่างโหดร้าย
- รูปชัด ๆ ของผ้าม่านปัจจุบันค่ะ
ถัดมาเป็นกระเบื้องยางค่ะ พื้นชั้นล่าง เดิมทีโครงการปูแกรนิตโต้สีครีมเอาไว้ค่ะ ทีแรกเราก็ไม่ได้อะไรกับมันมาก กะว่าเดี๋ยวอยู่ไปสักพักค่อยปูละกัน แต่แฟนเราไม่ชอบค่ะ เขาว่ามันไม่สวย เห็นแล้วขัดใจ ต้องเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ เลยไปหาข้อมูลร้านกระเบื้องยางค่ะ บังเอิญเจอร้านหนึ่งโฆษณาว่าเป็นคลิกล็อกรุ่นใหม่ รับประกันไม่หด ไม่โก่ง เราสนใจมาก เพราะบ้านคุณแม่เราก็ปูกระเบื้องยางรุ่นคลิกล็อกเหมือนกัน ผ่านไปไม่ถึงปีโก่งเป็นสะพานพระรามแปดเลยจ้า เดินแล้วสวบสาบ หงุดหงิดมาก พอเจ้านี้บอกรับประกันไม่โก่ง เราสอบถามราคาไป ปรากฏว่าอยู่ในงบ เลยตัดสินใจปูทันทีค่ะ กระเบื้องรุ่นนี้แข็งมาก ช่างปูไปบ่นไป บอกว่ากรีดยาก ปูกัน 2 วันเลยทีเดียว แค่ชั้นล่างนิดหนึ่ง (ปกติแค่ 3-4 ชั่วโมง)
- กระเบื้องยางชัด ๆ ค่ะ
- อันนี้เป็นรูปก่อนและหลังติดผ้าม่านและกระเบื้องยางค่ะ ห้องดูอบอุ่น ดูมีความเป็นบ้านขึ้นมาเยอะเลยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก คุณ reiko chan สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม