สลายไขมันแล้ว อย่าลืมสลายกลิ่นด้วย.. มาดูวิธีซักชุดออกกำลังกายที่ถูกต้อง ช่วยถนอมใยผ้า บอกลากลิ่นเหม็น แถมยังยืดอายุการใช้งานของชุดออกกำลังกายตัวโปรดให้อยู่กับเราได้ยาวนานยิ่งขึ้นกันค่ะ
![ซักชุดออกกําลังกาย ซักชุดออกกําลังกาย]()
![ซักชุดออกกําลังกาย ซักชุดออกกําลังกาย]()
![ซักชุดออกกําลังกาย ซักชุดออกกําลังกาย]()
![ซักชุดออกกําลังกาย ซักชุดออกกําลังกาย]()

หนุ่มสาวสายเฮลธ์ตี้ทั้งหลายรู้ไหมคะว่าชุดออกกำลังกายหรือชุดกีฬาที่เราใส่กันบ่อย ๆ นั้น ต้องการการซักทำความสะอาดและการดูแลที่มากเป็นพิเศษ เนื่องจากชุดเหล่านี้เป็นชุดที่มีคุณสมบัติเฉพาะ แถมยังมีราคาค่อนข้างสูงอีกต่างหาก ฉะนั้นมาใส่ใจดูแลชุดออกกำลังกายตัวเก่งกันอย่างถูกต้อง ซึ่งสำหรับใครที่สงสัยว่าชุดออกกำลังกายซักยังไงดี หรือชุดออกกำลังกายต้องทำความสะอาดแบบไหน วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวมรวมเคล็ดลับการซักและการดูแลชุดออกกำลังกาย เพื่อช่วยถนอมและยืดอายุการใช้งานมาฝากแล้วค่ะ

1. ควรซักด้วยมือ
ชุดออกกำลังกายก็เหมือนกับกางเกงยีนส์ ถึงแม้จะใส่เป็นประจำแต่ก็ไม่ควรซักบ่อย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องซักจริง ๆ ควรซักชุดออกกำลังกายด้วยมือแทนการใช้เครื่อง เนื่องจากการซักมือจะอ่อนโยนต่อเนื้อผ้าได้มากกว่า ทำให้ถนอมใยผ้า รวมถึงช่วยให้ชุดออกกำลังกายมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นได้นั่นเอง
2. ซักแยกกับเสื้อผ้าทั่วไป
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงซักชุดออกกำลังกายปนกับเสื้อผ้าประเภทอื่นไม่ได้ นั่นเป็นเพราะว่าหากเราซักชุดออกกำลังกายร่วมกับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อยีนที่มีซิปหรือมีกระดุม วัสดุเหล่านี้ก็สามารถขูดเข้ากับชุดออกกำลังกายจนทำให้เกิดการชำรุดเสียหายได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากเสื้อผ้าที่เรานำมาซักร่วมกันมีน้ำหนักมาก ก็จะทำให้เสื้อผ้าตัวดังกล่าวดูดซึมน้ำยาซักผ้าได้มากกว่าชุดออกกำลังกายหรือชุดปกติที่มีน้ำหนักเบา ส่งผลให้การซักเสื้อผ้าของเราไม่สะอาดหมดจดได้เท่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง.. รู้อย่างนี้แล้วคราวหน้าคราวหลังก็อย่าได้เผลอนำมาซักรวมกันเด็ดขาดเลยนะคะ
3. ซักรวมกันได้ทุกตัว
ชุดออกกำลังกายแบรนด์ชั้นนำส่วนใหญ่มักจะมีการทดสอบเรื่องสีก่อนนำออกมาวางขายเป็นประจำอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องการแยกสีชุดออกกำลังกาย สามารถนำไปซักรวมกันแบบตามสบายได้เลยค่ะ
ชุดออกกำลังกายก็เหมือนกับกางเกงยีนส์ ถึงแม้จะใส่เป็นประจำแต่ก็ไม่ควรซักบ่อย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องซักจริง ๆ ควรซักชุดออกกำลังกายด้วยมือแทนการใช้เครื่อง เนื่องจากการซักมือจะอ่อนโยนต่อเนื้อผ้าได้มากกว่า ทำให้ถนอมใยผ้า รวมถึงช่วยให้ชุดออกกำลังกายมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นได้นั่นเอง
2. ซักแยกกับเสื้อผ้าทั่วไป
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงซักชุดออกกำลังกายปนกับเสื้อผ้าประเภทอื่นไม่ได้ นั่นเป็นเพราะว่าหากเราซักชุดออกกำลังกายร่วมกับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อยีนที่มีซิปหรือมีกระดุม วัสดุเหล่านี้ก็สามารถขูดเข้ากับชุดออกกำลังกายจนทำให้เกิดการชำรุดเสียหายได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากเสื้อผ้าที่เรานำมาซักร่วมกันมีน้ำหนักมาก ก็จะทำให้เสื้อผ้าตัวดังกล่าวดูดซึมน้ำยาซักผ้าได้มากกว่าชุดออกกำลังกายหรือชุดปกติที่มีน้ำหนักเบา ส่งผลให้การซักเสื้อผ้าของเราไม่สะอาดหมดจดได้เท่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง.. รู้อย่างนี้แล้วคราวหน้าคราวหลังก็อย่าได้เผลอนำมาซักรวมกันเด็ดขาดเลยนะคะ
3. ซักรวมกันได้ทุกตัว
ชุดออกกำลังกายแบรนด์ชั้นนำส่วนใหญ่มักจะมีการทดสอบเรื่องสีก่อนนำออกมาวางขายเป็นประจำอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องการแยกสีชุดออกกำลังกาย สามารถนำไปซักรวมกันแบบตามสบายได้เลยค่ะ

4. ใส่ถุงซักผ้าเสมอ
ถ้าต้องซักด้วยเครื่องซักผ้าหรือหากไม่อยากให้ตะขอสปอร์ตบาร์ไปเกี่ยวชุดออกกำลังกายอื่น ๆ จนชำรุดเสียหายละก็ แค่นำสปอร์ตบาร์ของคุณใส่ลงไปในถุงถนอมผ้า ถุงซักผ้า หรือถุงซักชุดชั้นใน เท่านี้ก็ช่วยให้คุณซักชุดออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วค่ะ
5. กลับตะเข็บก่อนซัก
เพื่อเป็นการถนอมเนื้อผ้าด้านนอกให้สวยงามเหมือนใหม่ การกลับตะเข็บเอาเนื้อผ้าด้านในออกมาซักจึงเป็นเคล็ดลับที่ช่วยยืดอายุชุดออกกำลังกายของคุณได้ ที่สำคัญเนื้อผ้าด้านในยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับผิวและเหงื่อของเรามากกว่าด้านนอกด้วย หากได้รับทำความสะอาดโดยตรงก็น่าจะช่วยให้สะอาด ไร้กลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอนค่ะ
6. ซักด้วยน้ำเย็น
หลายคนอาจคิดว่าการซักชุดออกกำลังกายด้วยน้ำร้อนเป็นสิ่งที่ดี เพราะสามารถกำจัดสิ่งสกปรกและคราบแบคทีเรียออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จริง ๆ แล้วการซักด้วยน้ำร้อนนั้นส่งผลร้ายมากกว่าผลดี เนื่องจากน้ำร้อนสามารถทำลายเนื้อผ้า แถมยังทำให้สีของชุดออกกำลังกายซีดจางได้มากกว่าน้ำอุณหภูมิปกติ ฉะนั้นพยายามอย่าใช้น้ำที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียสจะดีที่สุด
ถ้าต้องซักด้วยเครื่องซักผ้าหรือหากไม่อยากให้ตะขอสปอร์ตบาร์ไปเกี่ยวชุดออกกำลังกายอื่น ๆ จนชำรุดเสียหายละก็ แค่นำสปอร์ตบาร์ของคุณใส่ลงไปในถุงถนอมผ้า ถุงซักผ้า หรือถุงซักชุดชั้นใน เท่านี้ก็ช่วยให้คุณซักชุดออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วค่ะ
5. กลับตะเข็บก่อนซัก
เพื่อเป็นการถนอมเนื้อผ้าด้านนอกให้สวยงามเหมือนใหม่ การกลับตะเข็บเอาเนื้อผ้าด้านในออกมาซักจึงเป็นเคล็ดลับที่ช่วยยืดอายุชุดออกกำลังกายของคุณได้ ที่สำคัญเนื้อผ้าด้านในยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับผิวและเหงื่อของเรามากกว่าด้านนอกด้วย หากได้รับทำความสะอาดโดยตรงก็น่าจะช่วยให้สะอาด ไร้กลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอนค่ะ
6. ซักด้วยน้ำเย็น
หลายคนอาจคิดว่าการซักชุดออกกำลังกายด้วยน้ำร้อนเป็นสิ่งที่ดี เพราะสามารถกำจัดสิ่งสกปรกและคราบแบคทีเรียออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จริง ๆ แล้วการซักด้วยน้ำร้อนนั้นส่งผลร้ายมากกว่าผลดี เนื่องจากน้ำร้อนสามารถทำลายเนื้อผ้า แถมยังทำให้สีของชุดออกกำลังกายซีดจางได้มากกว่าน้ำอุณหภูมิปกติ ฉะนั้นพยายามอย่าใช้น้ำที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียสจะดีที่สุด

7. ใช้น้ำยาซักชุดกีฬา
สำหรับสายเฮลธ์ตี้ที่ต้องออกกำลังกายบ่อย ๆ ขอแนะนำให้หาซื้อน้ำยาสำหรับซักชุดกีฬาติดบ้านเอาไว้จะดีกว่า เนื่องจากน้ำยาซักชุดกีฬาจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสามารถซักชุดออกกำลังกายได้สะอาดถูกใจ ห่างไกลจากกลิ่นเหงื่อไคลและคราบสกปรกมากขึ้น
ทว่าถ้าหากใครจำเป็นต้องใช้น้ำยาซักผ้าทั่วไปในการซักชุดออกกำลังกายละก็ ขอให้ลดปริมาณจากปกติลงจนเหลือครึ่งเดียว เพราะการใช้น้ำยาซักผ้าในปริมาณมากก็เปรียบเสมือนการทำลายเนื้อผ้าที่มากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากน้ำยาซักผ้าจะซึมเข้าสู่เส้นใยของผ้า จากนั้นก็อุดตัน และทำให้ประสิทธิภาพของชุดออกกำลังกายลดลงนั่นเอง
8. หลีกเลี่ยงการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม
เพื่อคลายความแข็งกระด้างและส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ น้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำงานด้วยการฝังตัวอยู่ในเส้นใยผ้า ส่งผลให้การซักทำความสะอาดคราบสกปรกครั้งต่อ ๆ ไปยากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นชุดออกกำลังกายมีความยืดหยุ่นในตัวอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเพิ่มอีก
9. กำจัดกลิ่นด้วยน้ำส้มสายชู
หากชุดออกกำลังกายมีกลิ่นเหม็น ไม่ว่าจะซักแล้วหรือยังไม่ซักก็ตาม ให้นำน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง หรือเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง ใส่ลงไปในน้ำเปล่า แช่ไว้สัก 30 นาที จากนั้นก็นำไปซักแบบปกติ เท่านี้ก็จะช่วยกำจัดกลิ่นเหม็น คลายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ฝังตัวอยู่ออกมา พร้อมทั้งคืนความเป็นธรรมชาติของชุดออกกำลังกายในแบบเดิมด้วย
10. ไม่ควรปั่นแห้ง
ชุดออกกำลังกายสส่วนใหญ่เป็นผ้ายืด ฉะนั้นถ้าเราปั่นแห้งอาจจะทำให้เสื้อผ้าของเราหดหรือเสียทรง ทางที่ดีแนะนำให้รีบตากแดดหลังซักเสร็จจะดีที่สุด หรือถ้าหากใครจำเป็นต้องปั่นแห้งจริง ๆ ก็อย่าลืมตั้งค่าความร้อนให้ต่ำเพื่อช่วยถนอมเส้นใยผ้าด้วยนะคะ
เพียงแค่ใส่ใจดูแลและทำความสะอาดชุดออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ก็ช่วยคงประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานให้ชุดออกกำลังกายตัวโปรดของคุณได้ง่าย ๆ แล้ว รู้อย่างนี้คราวหน้าที่ซักผ้าก็อย่าลืมดูแลและซักชุดออกกำลังกายให้ถูกต้องด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, experthometips และ coach.nine
สำหรับสายเฮลธ์ตี้ที่ต้องออกกำลังกายบ่อย ๆ ขอแนะนำให้หาซื้อน้ำยาสำหรับซักชุดกีฬาติดบ้านเอาไว้จะดีกว่า เนื่องจากน้ำยาซักชุดกีฬาจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสามารถซักชุดออกกำลังกายได้สะอาดถูกใจ ห่างไกลจากกลิ่นเหงื่อไคลและคราบสกปรกมากขึ้น
ทว่าถ้าหากใครจำเป็นต้องใช้น้ำยาซักผ้าทั่วไปในการซักชุดออกกำลังกายละก็ ขอให้ลดปริมาณจากปกติลงจนเหลือครึ่งเดียว เพราะการใช้น้ำยาซักผ้าในปริมาณมากก็เปรียบเสมือนการทำลายเนื้อผ้าที่มากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากน้ำยาซักผ้าจะซึมเข้าสู่เส้นใยของผ้า จากนั้นก็อุดตัน และทำให้ประสิทธิภาพของชุดออกกำลังกายลดลงนั่นเอง
8. หลีกเลี่ยงการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม
เพื่อคลายความแข็งกระด้างและส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ น้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำงานด้วยการฝังตัวอยู่ในเส้นใยผ้า ส่งผลให้การซักทำความสะอาดคราบสกปรกครั้งต่อ ๆ ไปยากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นชุดออกกำลังกายมีความยืดหยุ่นในตัวอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเพิ่มอีก
9. กำจัดกลิ่นด้วยน้ำส้มสายชู
หากชุดออกกำลังกายมีกลิ่นเหม็น ไม่ว่าจะซักแล้วหรือยังไม่ซักก็ตาม ให้นำน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง หรือเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง ใส่ลงไปในน้ำเปล่า แช่ไว้สัก 30 นาที จากนั้นก็นำไปซักแบบปกติ เท่านี้ก็จะช่วยกำจัดกลิ่นเหม็น คลายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ฝังตัวอยู่ออกมา พร้อมทั้งคืนความเป็นธรรมชาติของชุดออกกำลังกายในแบบเดิมด้วย
10. ไม่ควรปั่นแห้ง
ชุดออกกำลังกายสส่วนใหญ่เป็นผ้ายืด ฉะนั้นถ้าเราปั่นแห้งอาจจะทำให้เสื้อผ้าของเราหดหรือเสียทรง ทางที่ดีแนะนำให้รีบตากแดดหลังซักเสร็จจะดีที่สุด หรือถ้าหากใครจำเป็นต้องปั่นแห้งจริง ๆ ก็อย่าลืมตั้งค่าความร้อนให้ต่ำเพื่อช่วยถนอมเส้นใยผ้าด้วยนะคะ
เพียงแค่ใส่ใจดูแลและทำความสะอาดชุดออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ก็ช่วยคงประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานให้ชุดออกกำลังกายตัวโปรดของคุณได้ง่าย ๆ แล้ว รู้อย่างนี้คราวหน้าที่ซักผ้าก็อย่าลืมดูแลและซักชุดออกกำลังกายให้ถูกต้องด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, experthometips และ coach.nine