Before
After
หากใครกำลังมองหาไอเดียรีโนเวทห้องนั่งเล่นหรือต่อเติมห้องทำงานในบ้านด้วยตัวเอง วันนี้กระปุกดอทคอมมีประสบการณ์แปลงโฉมห้องนั่งเล่นที่ไม่ค่อยได้ใช้งานให้กลายเป็นห้องทำงานสุดทันสมัยของ คุณ Rajen Kishna มาฝาก รับรองเลยว่าต้องดีงามถูกใจแน่นอน เพราะโฮมออฟฟิศแห่งนี้สวยงาม สะอาดตา โล่งกว้าง และน่าทำงานสุด ๆ ไปเลย
โดยจุดเริ่มต้นมาจาก ความตั้งใจที่อยากจะมีโฮมออฟฟิศ แถมห้องนั่งเล่นหน้าบ้านก็ไม่ค่อยได้ใช้งาน เพราะมีห้องนั่งเล่นหลังบ้านอยู่แล้ว เลยตัดสินใจเปลี่ยนห้องนั่งเล่นดังกล่าวเป็นห้องทำงานแสนสบาย แถมยังลงมือทำเองทุกขั้นตอน ซึ่งติดปัญหาตรงที่เขามีเวลาทำแค่ในช่วงเย็นหลังเลิกงานและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เลยกินเวลาไปนานกว่า 4 เดือน
แต่สุดท้ายห้องทำงานแห่งนี้ก็เสร็จสวยงามเป็นโฮมออฟฟิศขนาด 8x12 ฟุต พร้อมโต๊ะทำงานขนาด 8 ฟุต 30 นิ้ว 2 ตัวจนได้ เอาเป็นว่าถ้าหากอยากรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง และสวยงามมากน้อยแค่ไหน มาตามไปชมพร้อมกันเลยค่ะ
- ขั้นแรกใช้เทปกาวสีน้ำเงินกั้นอาณาเขตเพื่อกำหนดขนาดของห้อง โดยความสูงของเพดานอยู่ที่ประมาณ 9.5 ฟุต สโลปไปทางหน้าบ้าน
- เขาใช้โปรแกรม Autodesk Fusion 360 ในการร่างแบบ ซึ่งถือว่าโปรแกรมนี้มีประโยชน์มาก เพราะช่วยให้เขาได้รู้ถึงขนาดของทั้งหมดก่อนลงมือจริง
- ต่อไปเขาก็ไปหาซื้อไม้แปรรูป 2x4 ไซส์ 8,10 และ 14 ฟุต จากร้านขายไม้แถวบ้าน รวมทั้งซื้อไม้แปรรูปสำหรับทำโต๊ะและตู้ด้วย
- หลังจากใช้เครื่องตัดองศาตัดทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มวางโครงผนังไว้บนพื้นก่อนใช้เครื่องเจาะตะปูยึดติดโครงผนังทั้งหมดไว้ด้วยกัน
- เขากลับไม่สามารถตั้งขึ้นติดผนังอย่างพอดีได้ ฉะนั้นเขาเลยต้องแก้ด้วยการเอาไม้แผ่นด้านบนออก พร้อมนำมายึดติดไว้ด้านข้าง แล้วค่อยยกขึ้นแทน
- การติดโครงสร้างเป็นงานที่ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่โชคดีที่มีเพื่อนมาช่วยจนทำสำเร็จ
- โครงผนังเล็ก ๆ สามารถตัดและติดได้ง่าย ๆ แต่โครงผนังฝั่งที่สโลปลงมาต้องวัด ลองผิดลองถูก และมีผิดพลาดอยู่บ้าง กว่าจะเสร็จสมบูรณ์
- หลังจากที่ติดตั้งโครงห้องเสร็จ เขาก็ซื้อแผ่นผนังยิปซัม 8 แผ่น มาจากร้านขายของแถวบ้าน แต่จริง ๆ แล้วต้องใช้แค่เพียง 5 แผ่นเท่านั้น หลังจากนั้นก็ตัดตามขนาดที่ต้องการก่อนติดลงไปบนโครงผนัง
- แต่แผ่นยิปซัมก็เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับเขาเหมือนกัน ฉะนั้นก็เลยมีผิดพลาดเล็กน้อย เช่น การตัดออกเป็นชิ้นเล็กเกินไปนิด ๆ หน่อย ๆ นั่นเอง
- หลังจากติดแผ่นยิปซัมลงไปได้ครบทั้งหมด ห้องก็ดูสะอาดสะอ้านมากยิ่งขึ้น
- แต่ต่อไปก็ต้องมาฉาบแผ่นยิปซัม ซึ่งนี่ก็ทำให้ทุกอย่างกลับมาสกปรกเหมือนเดิมอีกครั้ง โดยเขามีเพื่อมาช่วยในการฉาบชั้นแรก ทำให้ผลงานออกมาดูดี
- เขาบอกว่าการฉาบยิปซัมเป็นขั้นตอนที่เขาชอบน้อยที่สุดในการรีโนเวทออฟฟิศครั้งนี้เลย มีเศษทรายและเศษฝุ่นมากมายเต็มห้อง มองดูสกปรกไปหมด นี่เลยสอนให้รู้ว่าคราวหน้าคราวหลังต้องคลุมพื้นก่อน
- นี่คือหลังจากที่ฉาบยิปซั่มไป 4 ชั้น ในระยะเวลา 2-3 วัน ทุกอย่างดูเรียบเนียนและเสมอกัน
- ผนังแผ่นเล็ก ๆ เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากที่จะทำให้เรียบ อีกทั้งผนังเดิมที่มีอยู่ก็ไม่ได้เนียนเสมอไปกับผนังด้านนอก เขาเลยต้องฉาบผนังเพิ่ม
- เขาเลือกใช้ประตูทรงฝรั่งเศสสูง 8 ฟุต ซึ่งมีน้ำหนักค่อนข้างมาก แต่การติดตั้งกลับค่อนข้างง่าย ยกเว้นเพียงแค่ตอนยกประตูเข้าที่เท่านั้น
- แผ่นยิปซัมทำความสะอาดได้ง่ายดายมากด้วยน้ำอุ่นและผ้าขี้ริ้ว ส่วนโฮมออฟฟิศตอนนี้ก็เริ่มดูเป็นห้องมากขึ้นแล้ว
- ก่อนจะลงสีผนัง เขาต้องใช้เวลานานเพื่อปูแผ่นพลาสติกบนพื้น ภาพนี้คือหลังจากลงสีรองพื้นเสร็จแล้ว
- เมื่อทาสีขาวบนผนังไปแล้ว 2 ครั้ง ทุกอย่างก็ดูเรียบเนียนขึ้น แต่มันกลับดูเหมือนยังไม่ได้ทาสีเพดานอย่างไรอย่างนั้น เขาเลยคิดจะทำอะไรบางอย่าง
- ด้วยความที่ห้องเป็นสีขาวสุภาพสะอาดตา ทำให้ตกแต่งสร้างสรรค์ได้ไม่ยาก เขาเลยไปร้านฮาร์ดแวร์และซื้อไม้ MDF มาเพื่อจัดการต่อ
- หลังจากงานผนังเสร็จสิ้น ต่อไปก็ถึงคราวของงานโต๊ะ โดยเขาทำตู้ลิ้นชัก 3 ตู้ ด้วยไม้อัดขนาด ¾ นิ้ว สำหรับโต๊ะ จำนวน 2 โต๊ะ
- นี่คือตู้ลิ้นชักที่เขาทำขึ้นมาเอง 6 ตู้ หนึ่งในนั้นไม่มีชั้นวางของกั้นตรงกลางเพราะเว้นไว้สำหรับวาง CPU นั่นเอง
- เขาเลื่อยแผ่นไม้อัดสีวอลนัทขนาด ¾ นิ้ว ให้บางลงเหลือแค่ 1-1/2 นิ้ว เพื่อทำเป็นท็อปโต๊ะ
- จากนั้นรีดขอบไม้อัดให้เรียบเพื่อลดเสี้ยนไม้และรอยที่ขอบไม้
- เขาทาสียูรีเทนซาตินลงไปบนไม้อัด 4 ครั้ง ใต้ไม้อัด 1 ครั้ง พร้อมขัดด้วยกระดาษทรายเพื่อความเนียนเรียบและความทนทาน
- เสร็จแล้วเขาก็ลงรองพื้นและทาสีขาวบนตู้ พร้อมทั้งเคลือบสี ซึ่งใช้เวลาในการทำและรอให้แห้งเกือบหนึ่งสัปดาห์เลย
- นี่คือโต๊ะทำงานของภรรยา ดัดแปลงเพิ่มความสูงของโต๊ะขึ้นมาเล็กน้อย เพราะโต๊ะเดิมเตี้ยเกินไป
- ตอนนี้เขาเริ่มขนย้ายข้าวของเข้าไปในห้องแล้ว แต่ยังเหลืออีกหนึ่งปัญหาคือหน้าต่าง
- เขานำไม้ขนาด 2x4 ที่เหลืออยู่ มาตัดเป็นแถบยาวขนาด ¾ ซึ่งในภาพจะเห็นความแตกต่างระหว่างไม้ที่เพิ่งตัดทางด้านขวาและไม้ขนาด 2x4 เดิม อย่างชัดเจน
- หลังจากที่ตัดไม้พร้อมขัดด้วยกระดาษทรายเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาทาสี
- เนื่องจากต้องทาสีค่อนข้างมากและต้องการความเนียนเรียบ เขาเลยตัดสินใจซื้อที่พ่นสี HVLP มาใช้ ซึ่งมันก็ช่วยได้มาก ในภาพนี้คือตอนที่ลงสีรองพื้นเสร็จแล้ว
- เขาทากาวและติดไม้ลงบนขอบหน้าต่างทั้ง 3 ด้าน ส่วนในด้านที่ 4 ก็ตัดให้มีขนาดพอดีกับส่วนที่เหลือ
- ในภาพคือหลังจากติดขอบหน้าต่างครบเรียบร้อย ส่วนรูตะปูก็อุดด้วยสีโป๊วไม้
- ต่อมาก็ใส่หน้าต่างกระจกลงไป เท่านี้โฮมออฟฟิศแห่งนี้ก็เสร็จเรียบร้อย
- หน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงแดดภายนอกส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ แถมประตูและหน้าต่างกระจกก็ยังช่วยให้แสงสว่างส่องไปถึงบริเวณห้องกินข้าวด้านในด้วย
- นอกจากนี้เขายังใส่ไฟ RGB LED ไปข้างหลังโต๊ะทำงานแต่ละตัว เพื่อช่วยเพิ่มแสงสว่างขณะที่กำลังอยู่ในโฮมออฟฟิศนั่นเอง
- ตอนเปิดไฟ
- โต๊ะทำงานของภรรยา มีคอมพ์เครื่องเล็ก ๆ และพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ พร้อมกับเปลี่ยนล้อเก้าอี้ของภรรยาเพื่อให้เหมาะสมกับพื้นด้วย
- ผนังไม่ได้ติดฉนวนกันความร้อน เลยเว้นช่องลมบริเวณขอบกระจกและใต้ประตูเอาไว้ให้อากาศระบายเข้าออกได้
- แถ่น แถ้นน...
- ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Rajen Kishna และ boredpanda
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Rajen Kishna และ boredpanda
