เอาใจคนชอบการแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น กับไอเดีย ตกแต่งคอนโดสวย ๆ บอกเลยงานนี้งบไม่มาก ก็สามารถเนรมิตคอนโด สวยกลิ่นอายญี่ปุ่นได้ !
Before
After
สำหรับคนที่กำลังมองหาไอเดียตกแต่งบ้านหรือคอนโดแบบคุมโทนเรียบ ๆ คลีน ๆ ห้ามพลาดรีวิวแต่งคอนโดสไตล์ญี่ปุ่น ของ คุณ MHEESKA สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เด็ดขาด เพราะงานนี้เธอจัดหนัก จัดเต็ม พร้อมไอเดียจัดของให้ห้องน่าอยู่มาฝากกันค่ะ
อยากมีบ้านแบบมูจิ แต่งบอยู่แค่อิเกีย ผลออกมาเป็นยังไง มาดูกันค่ะ ^^ โดย คุณ MHEESKA
สวัสดีค่ะ ก่อนหน้านี้เราเคยแชร์ไอเดียแต่งห้องมาบ้าง
ถึงจะตั้งไว้นานมากแล้ว
แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนผ่านมาอ่านและหลังไมค์มาถามไอเดียต่าง ๆ
เพิ่มเติมด้วย ฉะนั้นวันนี้ผ่านมาหลายปี ชีวิตเดินหน้ามาไกลขึ้นมาก
จนมีคนเคียงข้างและพร้อมจะสร้างครอบครัวไปด้วยกัน ก็เลยตัดสินใจซื้อคอนโด 1
ห้องเพื่อเริ่มต้นบทบาทชีวิตใหม่ค่ะ
แต่ก่อนอื่นเพื่อป้องกันปัญหาดราม่า ขอความร่วมมือเพื่อน ๆ ทุกคนไม่ดราม่าตามหัวข้อดังนี้นะคะ ><"
1. เฟอร์นิเจอร์อิเกียไม่เห็นดีเลย
เฟอร์นิเจอร์อิเกียเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถประกอบด้วยตนเองได้ ฉะนั้นอาจจะมีบางอย่างที่มีอายุการใช้งานสั้นกว่าเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้ออื่น ๆ แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย บางคนคาดหวังว่าจะต้องใช้งานหนักได้ อยู่ทนไปตลอดชีวิต ฯลฯ แต่สำหรับเรา เราโอเคกับเงื่อนไขของเฟอร์นิเจอร์อิเกียในเรื่องนี้ค่ะ
2. เลี้ยงแมวในคอนโด
ขอยอมรับไว้ ณ ตรงนี้เลยค่ะ ว่าเราผิดกฏส่วนรวมของคอนโด ถึงแม้ว่านิติบุคคลจะไม่ได้เคร่งครัดอะไรตรงนี้ เพราะหลายห้องก็มีสัตว์เลี้ยง แต่เราก็พยายามอยู่อาศัยอย่างไม่ให้รบกวนผู้อื่น เช่น ไม่เคยปล่อยแมวออกไปนอกห้อง ทำความสะอาดห้อง รวมถึงบริเวณรอบห้องทุกวัน เพื่อให้หมดปัญหาเรื่องกลิ่นและเรื่องความสะอาด ทิ้งมูลสัตว์นอกพื้นที่ของคอนโด และถ้าหากว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีปัญหาต่อลูกบ้านคนอื่น เราก็มีแผนสำรองสำหรับกรณีไว้แล้วค่ะ (คือย้ายแมวกลับไปอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ทิ้งนะ)
หากใครที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป สามารถ Discuss กันได้ค่ะ แต่อยากให้กระทู้นี้มีเป้าหมายหลักคือการแชร์ไอเดียในการตกแต่งห้องและจัดเก็บสิ่งของมากกว่านะคะ
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า !
เราชอบแบรนด์ญี่ปุ่นมากค่ะ โดยเฉพาะ Muji เราเดินร้านนี้บ่อยมาก และก็รู้สึกว่าของแพงจัง (เงินไม่ถึง 555) เคยฝันไว้ว่าถ้าจะมีบ้าน ต้องมีให้ได้สไตล์นี้ แต่สวนทางกับงบและพฤติกรรมการสะสมของนิดหน่อย ชีวิตคนเราไม่สามารถคุมโทนขนาดนั้นได้หรอกค่ะ Muji มีแนวคิดของ Zen ใช้เท่าที่เพียงพอ ส่วนเรามีแนวคิดของ เซน (เซ็นก่อน...จ่ายทีหลัง เฮ้ย ! ) หลอกเล่น ๆ บางทีเราก็ต้องมีของใช้บางอย่างที่สีโดดออกมาจากการคุมโทนในชีวิต เช่น สีชมพู สีเขียว สีเหลือง ต่อให้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ทั้งห้องเป็นสีขาว ยังไงก็ต้องมีบางอย่างที่แคร็กกับภาพรวมของห้องไปบ้าง เราเลยพยายามคุมโทนให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ซื้อในชีวิต 70% เป็นสีขาว/เบจ/น้ำตาล ค่ะ ส่วนสีอื่น ๆ ก็ซื้อได้ เพื่อให้เป็นการคุมโทนแบบมีความสุขในชีวิตบ้าง
ส่วนการเลือกซื้อคอนโด เราเป็นคนของเยอะ ก็ต้องเลือกซื้อห้องใหญ่หน่อยค่ะ รวมถึงอนาคตน่าจะมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้นด้วย เลยมองหาคอนโดที่มีคุณสมบัติดังนี้
- พื้นที่ 60 ตารางเมตรขึ้นไป มี 2 ห้องนอน
- เป็นคอนโด Low Rise มีพื้นที่จอดรถมากกว่า 50%
- นิติบุคคลของคอนโดต้องไม่มีประวัติหรือมีประวัติน้อยมากในด้านลบจากการ Search ใน Google
- ส่วนกลางไม่ซีเรียส แต่ถ้ามีฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำก็จะมีความสุขหน่อย
- งบประมาณมีระดับหนึ่ง มีเงินสดส่วนหนึ่ง และหากต้องกู้เพิ่มก็สามารถกู้ร่วมได้
จนสุดท้ายมาจบที่คอนโดแห่งหนึ่งค่ะ เป็นคอนโดในฝันที่ตามหาเลย เจ้าของอ้างว่าเป็นห้องมือ 1 เพราะยังเป็นชื่อของโครงการอยู่ แต่จากร่องรอยต่าง ๆ แล้ว เราเดาว่าน่าจะเคยมีคนอยู่ อาจจะตัวเจ้าของเองหรือไม่ก็เคยปล่อยเช่า แต่เราไม่ซีเรียสค่ะ เพราะห้องนี้มีทุกอย่างครบตามที่เราต้องการ และยังเป็นห้อง Duplex แบบ 2 ห้องนอนด้วย !
1. เฟอร์นิเจอร์อิเกียไม่เห็นดีเลย
เฟอร์นิเจอร์อิเกียเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถประกอบด้วยตนเองได้ ฉะนั้นอาจจะมีบางอย่างที่มีอายุการใช้งานสั้นกว่าเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้ออื่น ๆ แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย บางคนคาดหวังว่าจะต้องใช้งานหนักได้ อยู่ทนไปตลอดชีวิต ฯลฯ แต่สำหรับเรา เราโอเคกับเงื่อนไขของเฟอร์นิเจอร์อิเกียในเรื่องนี้ค่ะ
2. เลี้ยงแมวในคอนโด
ขอยอมรับไว้ ณ ตรงนี้เลยค่ะ ว่าเราผิดกฏส่วนรวมของคอนโด ถึงแม้ว่านิติบุคคลจะไม่ได้เคร่งครัดอะไรตรงนี้ เพราะหลายห้องก็มีสัตว์เลี้ยง แต่เราก็พยายามอยู่อาศัยอย่างไม่ให้รบกวนผู้อื่น เช่น ไม่เคยปล่อยแมวออกไปนอกห้อง ทำความสะอาดห้อง รวมถึงบริเวณรอบห้องทุกวัน เพื่อให้หมดปัญหาเรื่องกลิ่นและเรื่องความสะอาด ทิ้งมูลสัตว์นอกพื้นที่ของคอนโด และถ้าหากว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีปัญหาต่อลูกบ้านคนอื่น เราก็มีแผนสำรองสำหรับกรณีไว้แล้วค่ะ (คือย้ายแมวกลับไปอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ทิ้งนะ)
หากใครที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป สามารถ Discuss กันได้ค่ะ แต่อยากให้กระทู้นี้มีเป้าหมายหลักคือการแชร์ไอเดียในการตกแต่งห้องและจัดเก็บสิ่งของมากกว่านะคะ
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า !
เราชอบแบรนด์ญี่ปุ่นมากค่ะ โดยเฉพาะ Muji เราเดินร้านนี้บ่อยมาก และก็รู้สึกว่าของแพงจัง (เงินไม่ถึง 555) เคยฝันไว้ว่าถ้าจะมีบ้าน ต้องมีให้ได้สไตล์นี้ แต่สวนทางกับงบและพฤติกรรมการสะสมของนิดหน่อย ชีวิตคนเราไม่สามารถคุมโทนขนาดนั้นได้หรอกค่ะ Muji มีแนวคิดของ Zen ใช้เท่าที่เพียงพอ ส่วนเรามีแนวคิดของ เซน (เซ็นก่อน...จ่ายทีหลัง เฮ้ย ! ) หลอกเล่น ๆ บางทีเราก็ต้องมีของใช้บางอย่างที่สีโดดออกมาจากการคุมโทนในชีวิต เช่น สีชมพู สีเขียว สีเหลือง ต่อให้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ทั้งห้องเป็นสีขาว ยังไงก็ต้องมีบางอย่างที่แคร็กกับภาพรวมของห้องไปบ้าง เราเลยพยายามคุมโทนให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ซื้อในชีวิต 70% เป็นสีขาว/เบจ/น้ำตาล ค่ะ ส่วนสีอื่น ๆ ก็ซื้อได้ เพื่อให้เป็นการคุมโทนแบบมีความสุขในชีวิตบ้าง
ส่วนการเลือกซื้อคอนโด เราเป็นคนของเยอะ ก็ต้องเลือกซื้อห้องใหญ่หน่อยค่ะ รวมถึงอนาคตน่าจะมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้นด้วย เลยมองหาคอนโดที่มีคุณสมบัติดังนี้
- พื้นที่ 60 ตารางเมตรขึ้นไป มี 2 ห้องนอน
- เป็นคอนโด Low Rise มีพื้นที่จอดรถมากกว่า 50%
- นิติบุคคลของคอนโดต้องไม่มีประวัติหรือมีประวัติน้อยมากในด้านลบจากการ Search ใน Google
- ส่วนกลางไม่ซีเรียส แต่ถ้ามีฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำก็จะมีความสุขหน่อย
- งบประมาณมีระดับหนึ่ง มีเงินสดส่วนหนึ่ง และหากต้องกู้เพิ่มก็สามารถกู้ร่วมได้
จนสุดท้ายมาจบที่คอนโดแห่งหนึ่งค่ะ เป็นคอนโดในฝันที่ตามหาเลย เจ้าของอ้างว่าเป็นห้องมือ 1 เพราะยังเป็นชื่อของโครงการอยู่ แต่จากร่องรอยต่าง ๆ แล้ว เราเดาว่าน่าจะเคยมีคนอยู่ อาจจะตัวเจ้าของเองหรือไม่ก็เคยปล่อยเช่า แต่เราไม่ซีเรียสค่ะ เพราะห้องนี้มีทุกอย่างครบตามที่เราต้องการ และยังเป็นห้อง Duplex แบบ 2 ห้องนอนด้วย !
- เพราะอำนาจเงินสด ไม่ต้องไปลุ้นกู้ เราก็เลยได้ห้องนี้มาในราคาที่ค่อนข้างถูกมาก แถมต่อรองได้ส่วนลดมาส่วนหนึ่งค่ะ
อันนี้คือภาพ ณ วันที่เซ็นสัญญารับห้องเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็จะมารีโนเวทตามสภาพค่ะ ส่วนที่ไม่ชอบของห้องนี้ ได้แก่
- สีพื้นลามิเนตเข้มไป ไม่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ที่เล็งไว้
- ตึกมีปัญหาความชื้น ซึ่งคุยกับวิศวกรและสถาปนิกแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นพื้นกระเบื้องจะพอแก้ปัญหาได้
- ไม่มีประตูกั้นระหว่างครัวกับพื้นที่ส่วนกลางของห้อง
- ราวบันไดเชยมากจ้า T T
อันนี้คือภาพ ณ วันที่เซ็นสัญญารับห้องเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็จะมารีโนเวทตามสภาพค่ะ ส่วนที่ไม่ชอบของห้องนี้ ได้แก่
- สีพื้นลามิเนตเข้มไป ไม่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ที่เล็งไว้
- ตึกมีปัญหาความชื้น ซึ่งคุยกับวิศวกรและสถาปนิกแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นพื้นกระเบื้องจะพอแก้ปัญหาได้
- ไม่มีประตูกั้นระหว่างครัวกับพื้นที่ส่วนกลางของห้อง
- ราวบันไดเชยมากจ้า T T
-
จากนั้นเราก็เริ่มติดต่อผู้รับเหมาจากเพื่อนที่รู้จักกันเพื่อเข้ามารีโนเวทห้องค่ะ
เริ่มจากการเลือกพื้น
ด้วยความที่เรารู้ตัวอยู่แล้วว่างบการแต่งห้องจะอยู่ที่เฟอร์นิเจอร์อิเกียเป็นส่วนใหญ่
จึงเลือกกระเบื้องสีพื้นอ่อน ๆ เป็นหลักไว้ก่อน หาอยู่นานเลยค่ะ
แต่ก็มาลงตัวที่กระเบื้องของ Sosuco สี Silkwood
ในรูปคือร้านไม่มีตัวอย่างภาพการปู เลยลองปูดูเอง เออ...ก็พอได้
งั้นเอาอันนี้แหละ
- นอกจากการรื้อพื้นปูใหม่
ก็มีเรื่องของการเติมพื้นที่มุมเสาด้วยไม้อัดในห้อง
เพื่อปิดไม่ให้เป็นที่เก็บฝุ่นค่ะ (ในภาพคือเติมพื้นที่ด้วยไม้อัด
รอทาสีค่ะ)
ขออนุญาตเล่าแบบ Skip เร็ว ๆ นิดนึงนะคะ เพราะตอนส่งมอบงานให้ผู้รับเหมาเข้ามาทำ แทบไม่ได้เข้ามายุ่งเลยค่ะ ชอบรอดูตอนจบ ซึ่งระหว่างนั้นก็ไม่ทำอะไรเลยค่ะ นอกจากเดินอิเกียรัว ๆ เดินทุกสัปดาห์ติดกันประมาณ 2 เดือนได้
ขออนุญาตเล่าแบบ Skip เร็ว ๆ นิดนึงนะคะ เพราะตอนส่งมอบงานให้ผู้รับเหมาเข้ามาทำ แทบไม่ได้เข้ามายุ่งเลยค่ะ ชอบรอดูตอนจบ ซึ่งระหว่างนั้นก็ไม่ทำอะไรเลยค่ะ นอกจากเดินอิเกียรัว ๆ เดินทุกสัปดาห์ติดกันประมาณ 2 เดือนได้
- ใบโพยที่ถ้าหายตอนนั้นคงร้องไห้แน่ วัดห้องตั้งนาน
- หลังจากมอบงานให้ช่างไป กลับมาดูกระเบื้องที่รื้อและปูใหม่อีกครั้ง อ่ะ.. สวยงามตามท้องเรื่องจ้า
Tips : การเลือกสีทาห้องเป็นสีขาวสะอาดตาทำให้ไม่เบื่อเร็ว ถ้าเลือกสีห้องเป็นสีอื่น ๆ เราอาจจะเบื่อสีนั้นก็ได้ค่ะ และที่สำคัญสีขาวคือสีหลักของการคุมโทน ใครชอบห้องโทนอบอุ่น สีขาวเท่านั้นนะคะ ของเราเลือกสี White on White ค่ะ
Tips : การเลือกสีทาห้องเป็นสีขาวสะอาดตาทำให้ไม่เบื่อเร็ว ถ้าเลือกสีห้องเป็นสีอื่น ๆ เราอาจจะเบื่อสีนั้นก็ได้ค่ะ และที่สำคัญสีขาวคือสีหลักของการคุมโทน ใครชอบห้องโทนอบอุ่น สีขาวเท่านั้นนะคะ ของเราเลือกสี White on White ค่ะ
ขอไปเร็วเลยนะคะ หลังจากรีโนเวทเสร็จแล้ว โดยใช้เวลารวมประมาณ 2 เดือน ก็ได้ห้องที่ต้องการค่ะ (ไปเร็วจริง ๆ) หลังจากนั้นก็นัดลงเฟอร์นิเจอร์เลย เจาะและติดตั้งอย่างรวดเร็ว บางชิ้นจ้างช่างของอิเกียบ้าง บางชิ้นต่อเองบ้าง แต่พอลองต่อโซฟาเอง ก็จ้างช่างในชิ้นใหญ่ ๆ ทุกชิ้นเลยค่ะ เพราะต่อโซฟาใช้เวลา 5 ชั่วโมง ! แถมไม่สำเร็จอีก ! บ้าจริง !! แต่อย่างไรจากการเดินอิเกียเป็นเดือน เราก็ได้ห้องที่คุมโทน ตามที่ต้องการเลยค่ะ ^^
- การคุมโทนสีหลักที่เราเลือก คือ สีขาว สีรอง คือ สีไม้ และคู่สีที่เลือกใช้หากต้องการจะแคร็กสีห้องจริง ๆ คือ สีเหลืองหรือสีอื่น ๆ ที่อยู่ในโทนเอิร์ธโทนค่ะ
Tips : มีความสุขกับชีวิต เลือกคุมโทนแต่พอดีนะคะ ช่วงแรกเราก็แย่อยู่เหมือนกัน T T
Tips : มีความสุขกับชีวิต เลือกคุมโทนแต่พอดีนะคะ ช่วงแรกเราก็แย่อยู่เหมือนกัน T T
- มุมนั่งเล่น 99% ในภาพเป็นของอิเกียหมดเลยค่ะ ยกเว้นของตกแต่ง 555 ราคาเท่าที่จำได้ คือ โซฟา 14,000 บาท ชั้นวางของ 3,500 บาท โต๊ะกลาง 790บาท เก้าอี้โยก 1,500บาท และโต๊ะข้าง 1,000 บาท ซึ่งตรงนี้จะเห็นได้ว่า เราเริ่มคุมจากสีไม้และสีเบจเป็นหลัก เพราะเป็นพื้นที่ที่ใช้อยู่นานที่สุดของวัน เน้นโทนสีสบายตามากกว่าสีเข้มเพื่อความญี่ปุ่นค่ะ
- ส่วนด้านทีวีก็เลือกที่จะแขวนทีวีติดผนังไว้เลยค่ะ เพราะถ้าวางตั้งไว้แมวเตะล้มแน่ ๆ โต๊ะหน้าทีวีเป็น IKEA - BESTA (เบสตัว) แบบออกแบบเอง ราคาประมาณ 10,000 บาทค่ะ
- เขยิบมาอีกนิดจะเจอชั้นวางของจัดระเบียบ IKEA-IVAR ซึ่งสามารถ Customize ได้เช่นกัน ตรงนี้เราวางแผนไว้แล้วว่าอยากได้ชั้นวางของประมาณนี้ เพราะเสียดายพื้นที่ใต้บันได จะวางตู้อะไรก็ไม่ได้ พอไปเจอของอิเกีย รักเลยค่ะ วัดขนาดและจัดสัดส่วนได้ลงตัวเป๊ะมาก ๆ ชิ้นนี้ น่าจะประมาณ 10,000-12,000 บาทค่ะ เลือกเองทั้งหมดเลย
- อีกด้านนึงเป็นประตูบานสไลด์ที่หนักมาก แมวเปิดเองไม่ได้ค่ะ ที่ต้องการกั้นโซนนี้เพราะไม่อยากให้แมวยุ่งกับเครื่องครัว และถ้าเปิดประตูระเบียงระบายอากาศ ไม่ต้องกลัวแมววิ่งออกไปแล้วเสี่ยงตกตึกด้วยค่ะ ส่วนกรงแมวใช้ขังเฉพาะเวลาจำเป็นนะคะ (เช่น พอจะทำความสะอาดหรือมีเพื่อนมาเยี่ยมบ้าน แมวจะได้ไม่รุงรังค่ะ)
- เรามีงานอดิเรกคือสะสมเทป CD เก่า ๆ ค่ะ ซึ่งตู้หน้าทีวีรุ่นนี้จุได้เยอะมาก ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เราเลย
- ชั้นวางหนังสือตอนนี้เลือกชั้นเล็ก ๆ พอค่ะ ถ้าเต็มอาจจะแบ่งไปบริจาคหรือขนกลับไปไว้บ้านแทน
- ชั้น IVAR แนะนำให้หากล่องมาใส่ของแล้ววางบนชั้นเพื่อป้องกันฝุ่นนะคะ รุ่นนี้ดีตรงที่เราปรับระดับชั้นได้หมดเลย เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ต่อเองค่ะ ไม่ยาก Custom ได้ ส่วนตัวว่าแข็งแรง คุ้มค่า สวยงาม
- พาร์ทห้องครัวน่าจะมีสีที่แคร็กเยอะสุดแล้วล่ะค่ะ 555ต้องสารภาพก่อนว่า เราค่อนข้างชอบทำอาหารมาก ๆ เลยอยากได้ครัวที่เหมาะสมกับเราที่สุด ซึ่งชุดครัวที่ติดมากับคอนโดมีสีที่พอจะโอเคแล้ว (รับได้ แต่ชอบไม่ที่สุด) เราเลยมาเน้นการตกแต่งแทน ซึ่งของตกแต่งและของใช้ส่วนใหญ่ เราสั่งชิปปิ้งจากจีนค่ะ โดยสั่งจากเว็บ Taobao/Tmall ค่าชิปปิ้งโหดมาก เพราะแต่ละชิ้นหนัก ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ 555
- มองจากอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่าคอนโดนี้ออกแบบมาดีนะคะ จัดสรรพื้นที่ครบถ้วน ประตูในภาพคือห้องสุขาค่ะ
- ชั้นนี้ถ้าใครเคยเห็นที่อิเกียแล้วเล็งไว้ ขอบอกว่าซื้อเลยค่ะ คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม จุของได้เยอะมาก Custom ได้ระดับหนึ่ง ประกอบเองได้ ง่าย แข็งแรง หนักด้วย ราคาประมาณ 5,000 บาทค่ะ
- สินค้าจากจีนที่ชอบมากที่สุดคือ ที่ตากจานและชั้นวางของที่สอดเข้าไปด้านในตู้ได้ค่ะ สีสวย ใช้พื้นที่คุ้มค่า
- สำหรับตัวที่แขวนสอดเข้าไปในชั้น ฟังก์ชันการใช้งานประมาณนี้ค่ะ (จานชามก็ของอิเกียนะ 555)
- ตรงมุมอีกฝั่งหนึ่ง เราหาชั้นไม้เล็ก ๆ ที่ซื้อในงานบ้านและสวน ราคาชิ้นละประมาณ 150 บาท มาวางเพื่อจัดสรรพื้นที่ได้ค่ะ
- มุมระเบียงชั้น 1 ส่วนตัวว่ารก แต่ก็ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ให้รกได้แล้วกัน 555แต่ก็ยังคุมโทนความขาวนะคะ
Tips : หาตะแกรงมาติดตัวหนีบ เอาไว้หนีบอุปกรณ์ชิ้นเบา ๆ ได้อีกเยอะค่ะ
Tips : หาตะแกรงมาติดตัวหนีบ เอาไว้หนีบอุปกรณ์ชิ้นเบา ๆ ได้อีกเยอะค่ะ
- ส่วนห้องสุขาไม่ได้แต่งอะไรค่ะ จริง ๆ ไม่ค่อยชอบสี แต่เงินหมดแล้ว ยอมรับชะตากรรมสีกระเบื้องไปก่อน
- ก่อนขึ้นชั้น 2 มาดูดีเทลอื่น ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ กันค่ะ จุดมุมอับใต้บันไดมันพอดีมาก ๆ กับกระบะทรายแมว ควบคุมปริมาณฝุ่นได้ ทำความสะอาดง่าย (แต่ตอนลากออกมาทุลักทุเลนิดนึง) แต่ก็จัดให้กลายเป็นมุมแมวไปค่ะ
- ชั้นวางรองเท้าจากอิเกียเช่นกันค่ะ ตู้ละประมาณ 3,000 บาท วางซ้อนกันได้ ตู้หนึ่งใส่ได้ประมาณ 16 คู่ คุ้มมากค่ะ
- ราวบันไดเป็นไม้เทียมทาสี เน้นสีขาว-สีไม้ เพื่อคุมโทนความอบอุ่นค่ะ โต๊ะทานข้าวขนาด 150 เซนติเมตร สั่งจากร้านในเฟซบุ๊ก ราคาประมาณ 15,000 บาทค่ะ
- เดินขึ้นมาชั้น 2 กันค่ะ ^^
- เดินขึ้นมาแล้วจะเจอประตู 3 บาน ประกอบด้วย ประตูห้องนอนใหญ่ (ซ้าย) ประตูห้องน้ำ & ห้องสุขา (กลาง) และประตูห้องนอนเล็ก (ขวา)
Tips : กระจกแขวนประตูจาก IKEA ราคาประมาณ 800-900 บาท ประหยัดพื้นที่มาก ๆ เอาไว้ส่องเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านค่ะ
Tips : กระจกแขวนประตูจาก IKEA ราคาประมาณ 800-900 บาท ประหยัดพื้นที่มาก ๆ เอาไว้ส่องเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านค่ะ
- ขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนเลยนะคะ เป็นส่วนที่ยังไม่ได้แต่งอะไรเลยเหมือนกัน แต่ชอบที่มีพื้นที่ให้รีแลกซ์ขณะอาบน้ำได้ค่ะ และประตูข้างห้องน้ำยังเปิดไปเป็นระเบียงของชั้น 2 ได้อีกด้วย
- ชั้นวางของจากอิเกียรุ่นนี้เราชอบขนาดมาก เลยซื้ออีกอันเอาไว้เก็บของจิปาถะเกี่ยวกับห้องน้ำค่ะ (ดู ๆ ไปก็เหมือนชั้นในร้านทำผมนะ 555)
- ตรงหน้ากระจกปกติเราจะทำผมตรงนี้ค่ะ เลยซื้อตัวแขวนปลั๊กจากจีนมา สายจะได้ไม่ต้องห้อยรุงรัง
- ถอยออกมานิดนึง เลี้ยวไปดูห้องนอนกันค่ะ
- ด้านหน้าห้องนอนและห้องน้ำ เราวางที่ตากผ้าเช็ดตัวไว้ค่ะ จากอากาศถ่ายเทในห้องที่มีมากพอสมควร ตากไว้ตรงนี้กลิ่นไม่อับชื้นค่ะ แต่ติดตรงที่...แมวชอบลากผ้าลงมาเล่น เลยต้องติดตัวหนีบไว้นิดนึง
- เลี้ยวเข้ามาในห้องนอนใหญ่ค่ะ (นี่ใหญ่แล้วหรอ 555) เตียงรุ่น Malm ราคาประมาณ 14,000 บาท (พร้อมลิ้นชักใต้เตียง 4 ใบ) ฟูกรุ่นเฮิฟโว๊คเนื้อแน่น 10,000 บาท ชุดผ้าปูของ IKEA 1,500 บาท ผ้าปูที่นอนต้องซื้อแยกอีกประมาณ 500บาท ไส้ในผ้านวม IKEA 1,000บาท ตู้เสื้อผ้า PAX ขนาด 150x200 เซนติเมตร แบบ Custom ราคาประมาณ 22,000 – 25,000 บาท และตู้ลิ้นชัก IKEA ถ้าจำไม่ผิด ประมาณ 4,000 บาท (แข็งแรงมาก แนะนำค่ะ)
- หลังประตูยังคงแนะนำไอเทมชิ้นเดิมที่ดีมาก ๆ ของอิเกีย คือ ตัวแขวนค่ะ แขวนกระเป๋าต่าง ๆ ได้เยอะมาก สวยงาม
- ถึงแม้ว่าลิ้นชักจะเก็บของได้เรียบร้อย แต่ถ้าไม่มีการจัดระเบียบภายใน ก็จะหาของไม่เจออยู่ดี ตรงนี้เราเลือกใช้กล่องจัดระเบียบของ Muji ค่ะ (เย้ ๆ มีของมูจิแล้ว) กล่องสามารถเลือกรูปแบบได้ว่าอยากได้ทรงใหญ่ขนาดไหน ความสูง ความลึกก็มีให้เลือกหลายแบบ ส่วนราคาสำหรับเราเมื่อเทียบกับคุณภาพและความสวยงามแล้วถือว่าคุ้มค่าค่ะ
- ลิ้นชักของเตียงรุ่นนี้ก็กว้างขวางเช่นเดียวกัน เราใช้กล่องเล็ก ๆ วางเพื่อแยกประเภทของกระเป๋าและของใช้ต่าง ๆ ที่ต้องการจัดเก็บในนี้ จะได้หาเจอง่าย ๆ ภายหลังค่ะ
- ตัดภาพมาที่ตู้เสื้อผ้านิดนึง ตู้ PAX ค่อนข้างเหมาะกับไลฟ์สไตล์เรามาก ๆ เนื่องจากเป็นคนเสื้อผ้าเยอะ และมีหลายแบบ รุ่นนี้ดีตรงนี้เราสามารถ Custom ได้ อยากได้ชั้นสูง-เตี้ยแบบไหน เราออกแบบเองได้หมด ฝั่งหนึ่งเราเลือกใช้ลิ้นชักและซื้อกล่องจัดระเบียบมาแบ่งประเภทเสื้อผ้าอีกทีหนึ่งค่ะ อีกทั้งยังตั้งใจเลือกสีขาวมาเบรกสีไม้ ให้ละมุนตาขึ้นอีกหน่อยด้วย
- ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเราเลือกใช้ลิ้นชักสำหรับเก็บของประดับและตัวแขวนกางเกงค่ะ
- ฝั่งตรงข้ามของเตียงเป็นโซนโต๊ะทำงานค่ะ เราเลือกใช้ IKEA รุ่น SVALNAS ด้วยเหตุผลเดิมคือสามารถ Custom เป็นแบบที่เราต้องการได้ แต่ข้อเสียของการใช้ชั้นวางรุ่นนี้คือ ต้องยึดกับกำแพง ทว่าเราก็พิจารณาแล้วว่าในห้องนอนใหญ่นี้ มีแค่มุมนี้เท่านั้นที่เหมาะกับการจัดเป็นโต๊ะทำงาน ฉะนั้นสามารถเจาะตายตัวทิ้งไว้ได้เลย ส่วนชั้นวางก็สามารถปรับระดับได้ ราคาชิ้นนี้ไม่แน่ใจจริง ๆ เพราะประกอบหลายชิ้น แต่น่าจะอยู่ที่ราว 12,000–15,000 บาทค่ะ อ้อ จริง ๆ ชั้นรุ่นนี้มีแบบโต๊ะของตัวเองนะคะ แต่เราว่านั่งทำงานไม่ถนัด (วางข้อศอกไม่ได้เนื่องจากหน้าโต๊ะสั้น) เลยเลือกท็อปโต๊ะและขาโต๊ะจาก IKEA ราคาประมาณ 4,000 บาท มาวางแทนค่ะ
- ส่วนกล่องลิ้นชักของอิเกียรุ่นนี้ก็จุได้หนาแน่นมาก ส่วนตัวเราว่าแข็งแรงและคุ้มค่ะ
- ตรงขาโต๊ะสามารถวางของได้อีกนะคะ เราเลือกจะวางเครื่องพรินต์ไว้ค่ะ การใช้งานถือว่ายังสะดวกอยู่
- คนของเยอะทำยังไงให้ไม่รก ? นอกจากตู้แล้ว เราขอแนะนำกล่องค่ะ ซื้อขนาดที่เหมาะสมกับของของตัวเอง แล้วแบ่งประเภทสิ่งของต่าง ๆ จากนั้นก็เก็บมันในนั้นเลย หากจะหยิบใช้ ก็แค่ยกกล่องมาเปิด สำหรับคนที่มองว่าจะสะดวกเหรอ เรามองว่าของที่ถูกเก็บอยู่ในกล่องมีการจัดเก็บที่เหมาะสมในประเภทของมันเอง ฝุ่นไม่จับด้วย (ยิ่งถ้าไม่สะดวกทำความสะอาดทุกวันนะ… แหล่งเก็บฝุ่นชั้นดี) อีกอย่างอยู่ ๆ ไป ก็จะชินกับการหยิบของเองค่ะ หยิบยาก ดีกว่าฝุ่นจับนะ ^^
- ส่วนอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ เราเลือกใช้ชั้นล้อลากของ IKEA ค่ะ จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ชิ้นนี้เลย แต่ชอบดีไซน์ เลยซื้อมาวางให้สีตัดกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ค่ะ ราคาน่าจะประมาณ 1,500 - 2,000 บาทค่ะ
- ในตู้บานเลื่อนก็มีกล่องอีกค่ะ อย่างที่บอกแยกประเภทไว้ ยังไงก็หาเจอ
- โปสเตอร์รูปต่าง ๆ ที่เอามาแต่งห้องก็หยิบมาจากโบรชัวร์ฟรีตามร้านต่าง ๆ ค่ะ แต่เลือกอันสวย ๆ มาติด
ภาพรวมของการตกแต่งห้องก็มีเท่านี้แหละค่ะ แต่เราขอรวบรวม F.A.Q. ที่น่าจะเกิดจากกระทู้นี้ไว้นิดนึงนะคะ
Q : ขอพิกัดคอนโดหน่อย ?
ภาพรวมของการตกแต่งห้องก็มีเท่านี้แหละค่ะ แต่เราขอรวบรวม F.A.Q. ที่น่าจะเกิดจากกระทู้นี้ไว้นิดนึงนะคะ
Q : ขอพิกัดคอนโดหน่อย ?
A : คอนโดอยู่แถว ๆ แยกสุทธิสารค่ะ ลึกจากปากซอยประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นคอนโด Low Rise อายุ 7 ปีแล้ว แต่ยังไม่เก่า ส่วนห้อง Duplex มีอยู่แค่ไม่กี่ยูนิต และเท่าที่ทราบคือ "ขายหมดแล้ว" ค่ะ แต่อาจจะยังเหลือแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แต่เป็นชั้นเดียว อยู่บ้าง ราคามือสองเห็นขายต่อกันที่ 5 MB++ ค่ะ แต่เราได้มาราคาดีกว่านั้น
Q : รีโนเวทหมดไปเท่าไร ?
Q : รีโนเวทหมดไปเท่าไร ?
A : ห้องนี้จะเรียกว่ารีโนเวทก็ไม่เชิง เพราะไม่ได้ทุบหรือปรับแปลนห้องอะไร มีแค่การเติมผนังให้เต็มพื้นที่ รื้อพื้น และเปลี่ยนบันได เพียงนิดหน่อยเท่านั้นเอง ในส่วนของการทำห้องงบประมาณอยู่ที่ 150-200k ค่ะ
Q : เฟอร์นิเจอร์หมดงบไปเท่าไร ?
Q : เฟอร์นิเจอร์หมดงบไปเท่าไร ?
A : ตอบอย่างภาคภูมิใจ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (ตู้เย็น, ทีวี, เครื่องซักผ้า ฯลฯ) ประมาณ 200k ค่ะ
Q : คุมโทนมีความสุขมั้ยที่เวลาจะซื้ออะไรก็ต้องมานั่งเลือกสี ?
Q : คุมโทนมีความสุขมั้ยที่เวลาจะซื้ออะไรก็ต้องมานั่งเลือกสี ?
A : ตอนซื้อไม่ค่อยมีความสุขค่ะ แต่ทำให้เราพิถีพิถันเลือกของมากขึ้น เจออันไหนยังไม่ใช่ เราก็จะปล่อยผ่านไป สักวันหนึ่งต้องเจอเนื้อคู่ของเราที่เข้ากับบ้านเราได้ค่ะ
Q : เฟอร์นิเจอร์ IKEA สรุปว่าดีไหม ?
A : อันดับแรกต้องปลดล็อกคำว่างานประกอบก่อนค่ะ เฟอร์นิเจอร์หลาย ๆ ยี่ห้อก็เป็นงานประกอบ ความแข็งแรงมันก็ได้แค่ระดับหนึ่ง อายุขัยก็ได้แค่ระดับหนึ่ง แต่เราเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราได้ดีเยี่ยมแล้วค่ะ
Q : แล้วห้องนอนเล็กล่ะ ?
A : ห้องนอนเล็กยังมีของเก็บอยู่ค่ะ ไม่ค่อยเรียบร้อย ขอไม่อวด 555 ไว้ถ้าจัดแล้วจะมาเพิ่มเติมรูปให้นะคะ แต่ตอนนี้วางเป็นห้องที่ไว้เก็บของจิปาถะต่างๆ และรีดผ้าค่ะ แต่พื้นกระเบื้องและสีห้อง เหมือนห้องอื่น ๆ เลยค่ะ
Q : แมวไม่ฝนเล็บโซฟาหรอ ?
A : ฝนจ้า ซื้อมาสองเดือนพังไปครึ่งหนึ่งแล้ว T T ที่เลือกโซฟาของอิเกีย เพราะว่ามีอะไหล่ขายแยก นั่นก็คือผ้าหุ้มโซฟาค่ะ (ถ้าอิเกียผ่านมาเห็นกระทู้นี้แล้วถือว่าเราช่วยแนะนำเฟอร์นิเจอร์ได้ดี ส่งผ้าหุ้มมาให้ฟรีหน่อยสิคะ ถือว่าเป็นค่าช่วยโปรโมต 555 หลอกเล่นน้า)
Q : ดูแลเรื่องขนแมวยังไง ขนแมวไม่เข้าปอดหรอ ?
A : เรื่องขนแมวเข้าสู่ร่างกายคน ผายมือไปยัง Google ค่ะ มีคุณหมอหลายท่านออกมายืนยันเรื่องนี้แล้วว่าเป็นอันตรายหรือไม่ ส่วนรายละเอียดแนะนำให้ศึกษาเองดีกว่า ถ้าเราพูดอาจจะตกหล่นอะไรไป ส่วนการรักษาความสะอาด เรากวาด, ดูดฝุ่น, ถูกพื้น "ทุกวัน" ค่ะ ส่วนวันเสาร์จะมีการทำความสะอาดใหญ่ 1 ครั้ง คือจะดูดฝุ่นละเอียดในทุก ๆ พื้นที่ของบ้าน และทยอยเช็ดฝุ่นบนชั้นต่าง ๆ สลับกันไปทีละวันค่ะ
Q : แมวน่ารักจัง นอนตรงไหนอ่ะ ?
A : แมวนอนตรงนี้ค่ะ... ส่วนที่เหลือนอนบนโซฟา ส่วนคน... นั่งพื้นค่ะ
Q : เฟอร์นิเจอร์ IKEA สรุปว่าดีไหม ?
A : อันดับแรกต้องปลดล็อกคำว่างานประกอบก่อนค่ะ เฟอร์นิเจอร์หลาย ๆ ยี่ห้อก็เป็นงานประกอบ ความแข็งแรงมันก็ได้แค่ระดับหนึ่ง อายุขัยก็ได้แค่ระดับหนึ่ง แต่เราเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราได้ดีเยี่ยมแล้วค่ะ
Q : แล้วห้องนอนเล็กล่ะ ?
A : ห้องนอนเล็กยังมีของเก็บอยู่ค่ะ ไม่ค่อยเรียบร้อย ขอไม่อวด 555 ไว้ถ้าจัดแล้วจะมาเพิ่มเติมรูปให้นะคะ แต่ตอนนี้วางเป็นห้องที่ไว้เก็บของจิปาถะต่างๆ และรีดผ้าค่ะ แต่พื้นกระเบื้องและสีห้อง เหมือนห้องอื่น ๆ เลยค่ะ
Q : แมวไม่ฝนเล็บโซฟาหรอ ?
A : ฝนจ้า ซื้อมาสองเดือนพังไปครึ่งหนึ่งแล้ว T T ที่เลือกโซฟาของอิเกีย เพราะว่ามีอะไหล่ขายแยก นั่นก็คือผ้าหุ้มโซฟาค่ะ (ถ้าอิเกียผ่านมาเห็นกระทู้นี้แล้วถือว่าเราช่วยแนะนำเฟอร์นิเจอร์ได้ดี ส่งผ้าหุ้มมาให้ฟรีหน่อยสิคะ ถือว่าเป็นค่าช่วยโปรโมต 555 หลอกเล่นน้า)
Q : ดูแลเรื่องขนแมวยังไง ขนแมวไม่เข้าปอดหรอ ?
A : เรื่องขนแมวเข้าสู่ร่างกายคน ผายมือไปยัง Google ค่ะ มีคุณหมอหลายท่านออกมายืนยันเรื่องนี้แล้วว่าเป็นอันตรายหรือไม่ ส่วนรายละเอียดแนะนำให้ศึกษาเองดีกว่า ถ้าเราพูดอาจจะตกหล่นอะไรไป ส่วนการรักษาความสะอาด เรากวาด, ดูดฝุ่น, ถูกพื้น "ทุกวัน" ค่ะ ส่วนวันเสาร์จะมีการทำความสะอาดใหญ่ 1 ครั้ง คือจะดูดฝุ่นละเอียดในทุก ๆ พื้นที่ของบ้าน และทยอยเช็ดฝุ่นบนชั้นต่าง ๆ สลับกันไปทีละวันค่ะ
Q : แมวน่ารักจัง นอนตรงไหนอ่ะ ?
A : แมวนอนตรงนี้ค่ะ... ส่วนที่เหลือนอนบนโซฟา ส่วนคน... นั่งพื้นค่ะ
ทั้งนี้เราไม่ได้แขวะคนที่ไม่ชอบเฟอร์นิเจอร์ของอิเกียนะคะ เราแค่อยากชี้แจงว่าการใช้งานของแต่ละคนมีเป้าหมายที่ต่างกัน บางคนซื้อเพื่อหวังอยู่ไป 20 ปี บางคนซื้อและคิดว่ายังไงอีก 3-5 ปีก็ต้องมีการ Maintainance ห้อง ฉะนั้นความคุ้มค่าของแต่ละคนอายุไม่เท่ากันค่ะ ส่วรเรื่องกลิ่นและความสะอาดเกี่ยวกับแมว มีคนหลังไมค์มาเยอะเลยค่ะ ขออนุญาตแชร์วิธีเผื่อว่าเพื่อน ๆ จะนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองนะคะ
1. ทำทุกวัน
ใช้เวลาทำประมาณวันละ 1.30 ชั่วโมงในตอนเย็น ส่วนตอนเช้าใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- กวาดพื้น เช้า-เย็น วันละ 2 รอบ
- เก็บกระบะทราย (สำคัญมาก) เช้า-เย็น วันละ 2 รอบ
- ดูดฝุ่นตอนเย็นหลังเลิกงานวันละ 1 รอบ เน้นการดูดบริเวณที่แมวชอบนอนเป็นพิเศษ เช่น พรม โซฟา มุมห้อง
- ถูพื้นตอนเย็นหลังเลิกงานวันละ 1 รอบ (ถู 2 ครั้ง จะเปลี่ยนน้ำหรือไม่ก็ได้) ด้วยน้ำยามาจิคลีน
2. ทำทุกสุดสัปดาห์
ใช้เวลาทำประมาณครั้งละ 3-4 ชั่วโมง
- ทำซ้ำตามด้านบน แต่ละเอียดมากขึ้น
- ดูดฝุ่นทุกจุดในบ้านเพื่อสุขอนามัยของคน (ตัวเราเป็นหอบหืด แพ้ฝุ่นทรายแมว ปล่อยให้มีฝุ่นไม่ได้เลยค่ะ) บริเวณซอกไม้ระหว่างบัวไม้กับกำแพงและชั้นวางของต่าง ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ตามด้วยผ้านาโนเก็บฝุ่น พร้อมทั้งดูดฝุ่นด้วยหัวดูดสำหรับผ้าบริเวณโซฟา ผ้าม่าน และเช็ด เช็ด เช็ดทุกอย่างที่มองเห็นด้วยสายตาค่ะ
3. การขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ของแมว
ไม่ได้กำหนดว่าต้องทำทุก ๆ กี่วัน แต่ของเราเลือกทำความสะอาดทุกสัปดาห์
- คุมกลิ่นที่รากฐาน อย่าให้แมวกินอาหารแมวราคาถูก หลักการเดียวกับ You are what you eat ค่ะ ยิ่งอาหารกลิ่นแรง แมวก็จะยิ่งกลิ่นแรงตาม เลือกอาหารแมวสูตรบำรุงขนที่ตอนแกะห่อแล้วรู้สึกได้ว่ากลิ่นไม่แรง ไม่เค็ม
- เลือกใช้ทรายแมวที่มีคุณภาพดี ของเราเลือกใช้ Clumper Cat ราคาถุงละ 180 บาท ใช้สัปดาห์ละ 3-4 ถุง ทรายยี่ห้อนี้เก็บกลิ่นได้พอสมควร และฝุ่นทรายแมวปริมาณน้อยมาก เหมาะกับบ้านที่มีคนแพ้ฝุ่น
- แปรงขนแมวเพื่อลดปริมาณขนแมวที่ร่วงในแต่ละวัน
- ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดตัวแมว (หากไม่สะดวกอาบน้ำแมว)
- ใช้สเปรย์อาบน้ำแมว ของเราเลือกใช้ยี่ห้อ Petme กลิ่นอะโวคาโด เพราะชอบกลิ่นนี้ค่ะ
- ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดหรือทิชชู่เปียกสูตรไม่ผสมสารเคมี ทำความสะอาดใบหน้าแมว (ขี้ตา จมูก บริเวณใบหู) อันนี้ทำทุกวัน และที่สำคัญคือ "มือแมว" อันนี้สำคัญมากค่ะ เพราะนั่นคือจุดที่เขาเหยียบทรายในกระบะทราย กลิ่นไม่พึงประสงค์จะติดตรงนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะซอกเล็บแมว ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษค่ะ
- ซักทุกอย่างที่เป็นผ้าที่แมวจะไปโดน เพราะผ้าคือสิ่งที่เก็บกลิ่นแมวได้ดีที่สุด หากไม่สะดวกในบางชิ้น (เช่น ผ้าม่าน) ก็ใช้สเปรย์ดับกลิ่นผ้า
- ห้องที่มีสัตว์เลี้ยง ต้อง "ล้างแอร์" ถี่กว่าบ้านที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงทั่วไปด้วยนะคะ
4. บริเวณพื้นที่วางกระบะทราย บริเวณพื้นที่ที่อาจจะเลอะเทอะมูลสัตว์ แก้ไขได้ตามนี้ค่ะ
- พยายามซับหรือเช็ดคราบออกให้ได้มากที่สุดก่อน แต่ใช้การซับจะดีที่สุด เพราะเช็ดจะทำให้กลิ่นกระจายเป็นวงกว้าง
- ใส่ผงขจัดคราบในน้ำ (เช่น ไฮเตอร์ชนิดผง) ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีจนละลาย อาจผสมสบู่หรือผงซักฟอกได้
- ถ้าพื้นผิวที่จะทำความสะอาดไม่ซึมน้ำ ให้ราดทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แต่ถ้าพื้นผิวซึมน้ำได้ ให้ใส่พอเปียก ๆ กะเวลาตามความเหมาะสม
- ขัดหรือถูตามความเหมาะสมกับพื้นผิว จากนั้นก็ซับน้ำสบู่ไปทิ้ง ทำสัก 2 รอบ
- ขัดด้วยน้ำเปล่าอีก 2-3 ครั้งแล้วเช็ดให้แห้งค่ะ
5. สิ่งที่ควรมีติดบ้าน
- ไฮเตอร์ชนิดผง
- น้ำยามาจิคลีน (หรือหากใครคิดว่ายี่ห้ออื่นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ก็ตามสะดวกเลยค่ะ)
- ฟองน้ำสำหรับขัดเฉพาะที่
- สเปรย์อาบน้ำดับกลิ่น
- เบกกิ้งโซดาสำหรับผสมน้ำทำความสะอาดเฉพาะจุด
สัตว์รักษาความสะอาดไม่เท่าคนค่ะ ตรงนี้ชาวทาสหมา ทาสแมวต้องยอมรับกันก่อน แต่ปัจจุบันมันมีเทคโนโลยีหลายอย่างที่พัฒนามาเพื่อให้เราดูแลสัตว์เลี้ยงของเราได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะความสะอาดและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ส่วนตัวเราเลี้ยงแมวมาแล้ว 9 ปี เคยเจอสารพัดปัญหาเกี่ยวกับกลิ่น เพราะการอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ได้ "รักแมว" จะทำให้มีปัญหาใหญ่ตามมาเสมอ เราเลยศึกษาและทดลองใช้ของต่าง ๆ โดยศึกษาจาก Google และเพจวิทยาศาสตร์ แล้วนำมาปรับใช้ (ทั้งสูตรน้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา ฯลฯ เราลองมาหมดแล้ว การใช้ไฮเตอร์ผงเราว่ากำจัดได้ชะงักที่สุดค่ะ)
และเหมือนเดิมเราไม่หวงไอเดียค่ะ ก็อปได้ ให้คำปรึกษาได้ หลังไมค์มาคุยได้ หรือจะถามหน้ากระทู้ก็ได้ค่ะ ขอบคุณพื้นที่ดี ๆ ที่ให้เราได้มารีวิวห้องตัวเองอีกครั้ง แต่งบ้านแล้วมีความสุข อวดบ้านก็มีความสุขค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ MHEESKA สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
1. ทำทุกวัน
ใช้เวลาทำประมาณวันละ 1.30 ชั่วโมงในตอนเย็น ส่วนตอนเช้าใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- กวาดพื้น เช้า-เย็น วันละ 2 รอบ
- เก็บกระบะทราย (สำคัญมาก) เช้า-เย็น วันละ 2 รอบ
- ดูดฝุ่นตอนเย็นหลังเลิกงานวันละ 1 รอบ เน้นการดูดบริเวณที่แมวชอบนอนเป็นพิเศษ เช่น พรม โซฟา มุมห้อง
- ถูพื้นตอนเย็นหลังเลิกงานวันละ 1 รอบ (ถู 2 ครั้ง จะเปลี่ยนน้ำหรือไม่ก็ได้) ด้วยน้ำยามาจิคลีน
2. ทำทุกสุดสัปดาห์
ใช้เวลาทำประมาณครั้งละ 3-4 ชั่วโมง
- ทำซ้ำตามด้านบน แต่ละเอียดมากขึ้น
- ดูดฝุ่นทุกจุดในบ้านเพื่อสุขอนามัยของคน (ตัวเราเป็นหอบหืด แพ้ฝุ่นทรายแมว ปล่อยให้มีฝุ่นไม่ได้เลยค่ะ) บริเวณซอกไม้ระหว่างบัวไม้กับกำแพงและชั้นวางของต่าง ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ตามด้วยผ้านาโนเก็บฝุ่น พร้อมทั้งดูดฝุ่นด้วยหัวดูดสำหรับผ้าบริเวณโซฟา ผ้าม่าน และเช็ด เช็ด เช็ดทุกอย่างที่มองเห็นด้วยสายตาค่ะ
3. การขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ของแมว
ไม่ได้กำหนดว่าต้องทำทุก ๆ กี่วัน แต่ของเราเลือกทำความสะอาดทุกสัปดาห์
- คุมกลิ่นที่รากฐาน อย่าให้แมวกินอาหารแมวราคาถูก หลักการเดียวกับ You are what you eat ค่ะ ยิ่งอาหารกลิ่นแรง แมวก็จะยิ่งกลิ่นแรงตาม เลือกอาหารแมวสูตรบำรุงขนที่ตอนแกะห่อแล้วรู้สึกได้ว่ากลิ่นไม่แรง ไม่เค็ม
- เลือกใช้ทรายแมวที่มีคุณภาพดี ของเราเลือกใช้ Clumper Cat ราคาถุงละ 180 บาท ใช้สัปดาห์ละ 3-4 ถุง ทรายยี่ห้อนี้เก็บกลิ่นได้พอสมควร และฝุ่นทรายแมวปริมาณน้อยมาก เหมาะกับบ้านที่มีคนแพ้ฝุ่น
- แปรงขนแมวเพื่อลดปริมาณขนแมวที่ร่วงในแต่ละวัน
- ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดตัวแมว (หากไม่สะดวกอาบน้ำแมว)
- ใช้สเปรย์อาบน้ำแมว ของเราเลือกใช้ยี่ห้อ Petme กลิ่นอะโวคาโด เพราะชอบกลิ่นนี้ค่ะ
- ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดหรือทิชชู่เปียกสูตรไม่ผสมสารเคมี ทำความสะอาดใบหน้าแมว (ขี้ตา จมูก บริเวณใบหู) อันนี้ทำทุกวัน และที่สำคัญคือ "มือแมว" อันนี้สำคัญมากค่ะ เพราะนั่นคือจุดที่เขาเหยียบทรายในกระบะทราย กลิ่นไม่พึงประสงค์จะติดตรงนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะซอกเล็บแมว ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษค่ะ
- ซักทุกอย่างที่เป็นผ้าที่แมวจะไปโดน เพราะผ้าคือสิ่งที่เก็บกลิ่นแมวได้ดีที่สุด หากไม่สะดวกในบางชิ้น (เช่น ผ้าม่าน) ก็ใช้สเปรย์ดับกลิ่นผ้า
- ห้องที่มีสัตว์เลี้ยง ต้อง "ล้างแอร์" ถี่กว่าบ้านที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงทั่วไปด้วยนะคะ
4. บริเวณพื้นที่วางกระบะทราย บริเวณพื้นที่ที่อาจจะเลอะเทอะมูลสัตว์ แก้ไขได้ตามนี้ค่ะ
- พยายามซับหรือเช็ดคราบออกให้ได้มากที่สุดก่อน แต่ใช้การซับจะดีที่สุด เพราะเช็ดจะทำให้กลิ่นกระจายเป็นวงกว้าง
- ใส่ผงขจัดคราบในน้ำ (เช่น ไฮเตอร์ชนิดผง) ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีจนละลาย อาจผสมสบู่หรือผงซักฟอกได้
- ถ้าพื้นผิวที่จะทำความสะอาดไม่ซึมน้ำ ให้ราดทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แต่ถ้าพื้นผิวซึมน้ำได้ ให้ใส่พอเปียก ๆ กะเวลาตามความเหมาะสม
- ขัดหรือถูตามความเหมาะสมกับพื้นผิว จากนั้นก็ซับน้ำสบู่ไปทิ้ง ทำสัก 2 รอบ
- ขัดด้วยน้ำเปล่าอีก 2-3 ครั้งแล้วเช็ดให้แห้งค่ะ
5. สิ่งที่ควรมีติดบ้าน
- ไฮเตอร์ชนิดผง
- น้ำยามาจิคลีน (หรือหากใครคิดว่ายี่ห้ออื่นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ก็ตามสะดวกเลยค่ะ)
- ฟองน้ำสำหรับขัดเฉพาะที่
- สเปรย์อาบน้ำดับกลิ่น
- เบกกิ้งโซดาสำหรับผสมน้ำทำความสะอาดเฉพาะจุด
สัตว์รักษาความสะอาดไม่เท่าคนค่ะ ตรงนี้ชาวทาสหมา ทาสแมวต้องยอมรับกันก่อน แต่ปัจจุบันมันมีเทคโนโลยีหลายอย่างที่พัฒนามาเพื่อให้เราดูแลสัตว์เลี้ยงของเราได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะความสะอาดและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ส่วนตัวเราเลี้ยงแมวมาแล้ว 9 ปี เคยเจอสารพัดปัญหาเกี่ยวกับกลิ่น เพราะการอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ได้ "รักแมว" จะทำให้มีปัญหาใหญ่ตามมาเสมอ เราเลยศึกษาและทดลองใช้ของต่าง ๆ โดยศึกษาจาก Google และเพจวิทยาศาสตร์ แล้วนำมาปรับใช้ (ทั้งสูตรน้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา ฯลฯ เราลองมาหมดแล้ว การใช้ไฮเตอร์ผงเราว่ากำจัดได้ชะงักที่สุดค่ะ)
และเหมือนเดิมเราไม่หวงไอเดียค่ะ ก็อปได้ ให้คำปรึกษาได้ หลังไมค์มาคุยได้ หรือจะถามหน้ากระทู้ก็ได้ค่ะ ขอบคุณพื้นที่ดี ๆ ที่ให้เราได้มารีวิวห้องตัวเองอีกครั้ง แต่งบ้านแล้วมีความสุข อวดบ้านก็มีความสุขค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ MHEESKA สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม