แอร์ประหยัดไฟ 2023 ใครไม่อยากร้อนตับแลบและไม่อยากเสียค่าไฟแพงหูฉี่ ลองมาดูกันว่า แอร์บ้านประหยัดไฟสูงสุดมียี่ห้อไหนบ้าง แล้วจะเลือกแอร์ยี่ห้อไหนดี
ไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว เครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมประจำบ้านของคนไทยก็คงหนีไม่พ้นแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ ฉะนั้นถ้าหากใครสนใจอยากจะถอยแอร์ใหม่ แต่เกิดสงสัยว่า แอร์ยี่ห้อไหนดี ? แอร์ประหยัดไฟ 2023 มียี่ห้อไหนบ้าง ? วันนี้กระปุกดอทคอมขออาสารวบรวมข้อมูลมาฝาก กับ 10 พรีวิวแอร์บ้านประหยัดไฟ 2023 ทำงานด้วยระบบ Inverter การันตีด้วยฉลากเบอร์ 5 พร้อมค่า SEER และค่าไฟเฉลี่ยต่อปี ไว้เปรียบเทียบก่อนซื้อ
ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อแอร์
เลือกขนาด BTU ที่เหมาะสม
ขนาด BTU (British Thermal Unit) คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงขนาดของแอร์กับขนาดของห้องให้พอดีกัน เพราะหากเลือกแอร์ที่มี BTU สูงหรือต่ำจนเกินไป จะทำให้เปลืองไฟและแอร์เสียได้ง่ายอีกด้วย
- การคิดค่า BTU แบบคร่าว ๆ
การคำนวณค่า BTU แบบคร่าว ๆ เพื่อเลือกแอร์ที่มีขนาด BTU เหมาะสมกับห้องนั้น สามารถทำได้ด้วยการใช้ขนาดของพื้นที่คูณด้วย 650-800 BTU ต่อ 1 ตารางเมตร ทั้งนี้ สามารถบวกลบได้อีก 5% ขึ้นอยู่กับตัวแปรต่าง ๆ เช่น ทิศทางของห้อง การโดนแดด ลักษณะการใช้งาน เป็นต้น โดยมีตัวอย่างคร่าว ๆ ของขนาด BTU ที่เหมาะสม ดังนี้
คอมเพรสเซอร์ (Compressor)
ควรเลือกคอมเพรสเซอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการ โดยคอมเพรสเซอร์นั้นแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. คอมเพรสเซอร์ลูกสูบ (Reciprocating Compressor) ทำงานด้วยการใช้กระบอกสูบในการอัดน้ำยา ให้กำลังแรงสูง แต่มีความสั่นสะเทือนสูง และเสียงค่อนข้างดัง นิยมใช้ในเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่
2. คอมเพรสเซอร์โรตารี (Rotary Compressor) ทำงานด้วยการหมุนของใบพัดที่มีความเร็วสูง มีความสั่นสะเทือนน้อย เสียงเงียบ เหมาะสำหรับเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก
3. คอมเพรสเซอร์แบบขด (Scroll Compressor) ทำงานด้วยใบพัดรูปก้นหอย มีความสั่นสะเทือนน้อยมาก มีเสียงเงียบ ให้พลังงานสูง ถือว่าดีกว่าคอมเพรสเซอร์ชนิดอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน
คอยล์ (Coil)
เป็นอุปกรณ์สำหรับระบายและดูดซับความร้อนจากอากาศ ประกอบด้วยท่อทองแดงและครีบอะลูมิเนียม (Fin) ก่อนเลือกซื้อให้พิจารณาวัสดุที่ใช้ทำคอยล์ เช่น สารที่เคลือบป้องกันการกัดกร่อน หรือความหนาของครีบ เป็นต้น หากเลือกคอยล์ที่มีคุณภาพดี แอร์ของคุณก็จะมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น
มอเตอร์พัดลม (Fan Motor)
มอเตอร์พัดลมเป็นส่วนสำคัญในแอร์ที่จะช่วยระบายและดูดซับความร้อน เพื่อให้แอร์ของคุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมอเตอร์พัดลมที่ดีควรใช้ขดลวดที่ทนความร้อนได้สูง เพื่อให้รอบการทำงานของมอเตอร์ไม่สะดุดและไม่เสื่อมคุณภาพง่ายอีกด้วย ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อแอร์จึงควรสอบถามถึงข้อมูลของมอเตอร์พัดลมให้ละเอียดก่อน
ระบบฟอกอากาศ (Air Purifier)
ระบบฟอกอากาศกลายเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ไปแล้วสำหรับแอร์ที่วางขายอยู่ในปัจจุบัน เพราะระบบฟอกอากาศจะช่วยหมุนเวียนให้อากาศภายในห้องสะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น โดยแบ่งออกเป็นหลายระบบ ดังนี้
1. การกรอง (Filtration) เป็นการใช้แผ่นกรองอากาศดักจับฝุ่นละอองเอาไว้ และต้องหมั่นเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเมื่อหมดอายุการใช้งาน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคในอากาศ นอกจากนี้หากต้องการกำจัดกลิ่นให้เลือกแผ่นกรองที่เป็นคาร์บอน เพื่อดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ
2. การดักจับด้วยไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator) คือ การดักจับฝุ่นละอองในอากาศด้วยการใช้ตะแกรงไฟฟ้า (Electric Grids) และใช้แผ่นโลหะอีกชุดเรียงขนานกันเพื่อดูดฝุ่นละอองเอาไว้ หากหมดอายุต้องหยุดเครื่องเพื่อทำความสะอาด
3. การปล่อยประจุไฟฟ้า (Ionizer) คือ การผลิตไฟฟ้าประจุลบเพื่อปล่อยออกมาพร้อมกับลมเย็น เพื่อให้ดักจับฝุ่นละอองที่เป็นประจุบวก ซึ่งฝุ่นละอองที่ถูกดักจับจะรวมตัวกันและร่วงหล่นมาบนพื้นห้อง สามารถทำความสะอาดห้องได้ตามปกติ โดยไม่ต้องทำความสะอาดภายในเครื่องปรับอากาศ
การประหยัดไฟ (Energy Saving)
เครื่องปรับอากาศยุคใหม่นั้นส่วนใหญ่แล้วมักมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดเอาไว้ โดยแอร์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 จะเป็นแอร์ที่มีประสิทธิภาพในการให้พลังงานสูง ทำให้ประหยัดไฟฟ้า โดยมีข้อเสียตรงที่ราคาสูงกว่าแอร์ทั่วไป จึงควรศึกษาฉลากประหยัดไฟให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อว่าเหมาะสมกับความต้องการของคุณหรือไม่
เลือกประเภทของการใช้งาน
เครื่องปรับอากาศนั้นมีให้เลือกประเภทในการใช้งานอยู่ 2 รูปแบบแตกต่างกัน ดังนี้
1. แอร์ติดผนัง เป็นแบบยอดนิยม เพราะมีความเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่น้อย หรือไม่ต้องการวางบนพื้นให้เกะกะ เสียงเงียบ และรูปลักษณ์ทันสมัย แต่ไม่เหมาะกับงานหนัก หรือห้องที่ต้องการความเย็นสูงและเป็นเวลานาน
2. แบบตั้งพื้น หรือแบบแขวน เป็นแอร์ที่ให้พลังงานสูง เหมาะสำหรับห้องทุกขนาด สามารถเลือกติดตั้งกับพื้น หรือแขวนเพดานก็ได้ แต่ข้อเสียคือ หน้าตาไม่ทันสมัย รวมทั้งกินไฟมากกว่าด้วย
คุณสมบัติพิเศษและดีไซน์
ปัจจุบันเครื่องปรับอากาศนั้นมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ก่อนซื้อแอร์สักเครื่องคุณจึงควรเปรียบเทียบคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายก่อนว่ามีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร เช่น นาโนไทเทเนียม ซิลเวอร์นาโน เป็นต้น นอกจากนี้อย่าลืมเลือกรูปร่างหน้าตาของแอร์ในแบบที่คุณชอบ หรือจะเลือกให้เข้ากับห้องนั้น ๆ ก็ได้ จะได้ออกมาสวยงามกลมกลืนกัน
แอร์ยี่ห้อไหนดี ประหยัดไฟ 2023
1. Daikin รุ่น FTKM09SV2S
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์แบบสวิง สำหรับห้องขนาด 9-12 ตารางเมตร โดยจะช่วยสร้างอากาศภายในบ้านให้เย็นเร็วขึ้น ทำงานเงียบและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังประหยัดไฟและรักษาอุณหภูมิให้คงที่ โดยสารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึงผ่านบานสวิงแบบใหม่ ไม่โดนตัวโดยตรง นอกจากนี้ยังเป็นลมเย็นที่มาพร้อมความชื้นที่เหมาะสม ช่วยให้อากาศไม่แห้งจนเกินไป มาพร้อมแผ่นกรองอากาศช่วยดักจับสิ่งสกปรก กลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงฝุ่น PM2.5 ขนาดความกว้าง 99 เซนติเมตร สูง 29.5 เซนติเมตร ลึก 26.6 เซนติเมตร
- ขนาด 8,500 BTU/h
- ค่า SEER 26.05 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 3,773 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- ราคาประมาณ 13,540 บาท
2. Beko รุ่น BSEOG090
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ สำหรับห้องขนาด 8-13 ตารางเมตร ปรับอุณหภูมิได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีระบบทำความเย็นเร่งด่วนพร้อม Micro Clean Filters และแผ่นกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้ มีระบบ Eco Mode ช่วยประหยัดไฟ สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดด้วยตัวเองได้ผ่านระบบ Self Clean+ ดูการตั้งค่าต่าง ๆ ได้ผ่านหน้าจอ LED ขนาดความกว้าง 80.20 เซนติเมตร สูง 29.50 เซนติเมตร ลึก 20 เซนติเมตร
- ขนาด 8900 BTU/h
- ค่า SEER 22.50 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 4,574 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 : 3 ดาว
- ราคาประมาณ 18,981 บาท
3. Hitachi รุ่น RAS-UH10CMT
เครื่องปรับอากาศติดผนังระบบอินเวอร์เตอร์ สำหรับห้องขนาด 11-14 ตารางเมตร มาพร้อมเทคโนโลยี Anti Air Pollution System มีทั้งระบบแผงคอยล์เย็น Frost Wash และระบบฟอกอากาศ 2 ชั้น นอกจากจะสามารถดักจับและลดการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 99% แล้ว ยังสามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนแผงคอยล์เย็นได้เอง อีกทั้งยังใช้วัสดุที่แข็งแรงแถมทนต่อความร้อนได้ดี ขนาดความกว้าง 78 เซนติเมตร สูง 28 เซนติเมตร ลึก 23 เซนติเมตร
- ขนาด 8,920 BTU/h
- ค่า SEER 22.6 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 4,564 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- ราคาประมาณ 20,490 บาท
4. Hisense รุ่น AS-13TW4RMETG02
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ สำหรับห้องขนาด 12-16 ตารางเมตร มีเซ็นเซอร์ช่วยตรวจจับอุณหภูมิและสร้างความเย็นได้รวดเร็วทันใจด้วยระบบ Fast Cooling มาพร้อมกับเทคโนโลยี Hi-Namo และแผ่นกรองอากาศถึง 4 ชั้น ดักจับและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อโรค ฝุ่นขนาดเล็ก ทั้งยังช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี และยังสามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน ConnectLife ได้อีกด้วย ขนาดความกว้าง 86.60 เซนติเมตร สูง 27 เซนติเมตร ลึก 21.30 เซนติเมตร
- ขนาด 12,000 BTU/h
- ค่า SEER 22.50 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 6,167 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 : 3 ดาว
- ราคาประมาณ 21,990 บาท
5. Sharp รุ่น AH/AU-PHX10
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ ช่วยให้ตัวเครื่องทำงานเงียบ มีประสิทธิภาพ และประหยัดไฟ มีระบบ Supet Jet ส่งลมเย็นลงด้านล่างพร้อมทำให้อากาศเย็นลง 5 องศาเซลเซียส ใน 5 นาที ด้านหน้ามีบานสวิงแบบคู่ Dual Long Panel ช่วยกระจายลมเย็นให้ทั่วถึง ตามมาด้วย Plasmacluster Ions สามารถฆ่าได้ทั้งแบคทีเรีย เชื้อโรค เชื้อรา เชื้อไข้หวัดนก H5N1 และลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ แถมยังสามารถสั่งงานผ่านสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย ขนาดความกว้าง 85.6 เซนติเมตร สูง 29 เซนติเมตร ลึก 24.4 เซนติเมตร
- ขนาด 8,850 BTU/h
- ค่า SEER 27.33 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 3,773 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- ราคาประมาณ 26,990 บาท
6. Electrolux รุ่น esv09cru-a1
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ สำหรับห้องขนาดไม่เกิน 14 ตารางเมตร นอกจากจะทำงานเงียบแล้วยังช่วยคงอุณหภูมิให้คงที่ ให้ลมเย็นสม่ำเสมอ และช่วยประหยัดพลังงานไปในตัว มีเทคโนโลยี ActivePure ช่วยลดการเกิดไวรัสและแบคทีเรียได้ถึง 99% ช่วยให้อากาศในบ้านสะอาด สดชื่น และไม่ต้องกังวลเรื่องสิ่งสกปรกที่ปะปนมาในอากาศ ใช้สารทำความเย็น R32 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตัวเครื่องเคลือบด้วยสาร GoldTech เพิ่มความทนทาน ขนาดความกว้าง 83.70 เซนติเมตร สูง 29.60 เซนติเมตร ลึก 20.50 เซนติเมตร
- ขนาด 9,000 BTU/h
- ค่า SEER 23.31 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 4,465 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 : 3 ดาว
- ราคาประมาณ 28,990 บาท
7. Samsung รุ่น AR10AYAAAWKNST
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ สำหรับห้องขนาด 12-15 ตารางเมตร มาพร้อมระบบ Wind-Free™ Cooling ช่วยกระจายลมเย็นได้ทั่วถึงและนุ่มนวล ไม่สัมผัสผิวโดยตรง ทำงานเงียบ แถมส่งลมเย็นได้ไกลและกว้างมากขึ้น ด้วยน้ำยาทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมยังใช้พลังงานน้อย ช่วยประหยัดไฟได้สูงสุด 77% รวมถึงระบบ AI ที่จะทำการประมวลผลและปรับโหมดให้เหมาะกับสภาพอากาศได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีแผ่นกรองอากาศช่วยดักจับฝุ่นขนาดเล็กสุดถึง PM1.0 ขนาดความกว้าง 82 เซนติเมตร สูง 34.50 เซนติเมตร ลึก 21.50 เซนติเมตร
- ขนาด 10,000 BTU/h
- ค่า SEER 23.20 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 4,984 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- ราคาประมาณ 29,990 บาท
8. Mitsubishi รุ่น SRK10YVS-W1
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ สำหรับห้องขนาด 9-12 ตารางเมตร มาพร้อม Jet Flow ช่วยกระจายลมเย็นได้ไกล 15-17 เมตร ให้ลมเย็นสบายแบบธรรมชาติ และ Hi Power ช่วยปรับอุณหภูมิได้ไวตามต้องการ รวมถึงบางสวิงที่สามารถปรับทิศทางลมได้ 14 รูปแบบทั้งแนวตั้งและแนวนอน นอกจากนี้ยังมีแผ่นกรองอากาศที่สามารถกำจัดได้ทั้งสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นละออง PM2.5 และดูดซับก๊าซอันตรายไปในตัว มีฟังก์ชันทำความสะอาดคอยล์เย็นทำความสะอาดเองอัตโนมัติหลังปิดเครื่อง ขนาดความกว้าง 87 เซนติเมตร สูง 29 เซนติเมตร ลึก 23 เซนติเมตร
- ขนาด 8,610 BTU/h
- ค่า SEER 24.53 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 4,059 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- ราคาประมาณ 30,300 บาท
9. Carrier รุ่น 42TVAA010/38TVAA010
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ ที่ใช้พลังงานน้อยและประหยัดไฟกว่าระบบอินเวอร์เตอร์ทั่วไป 33% สำหรับห้องขนาด 10-14 ตารางเมตร มาพร้อมเทคโนโลยี X-Ionizer และแผ่นกรองอากาศ Static Cotton เคลือบสาร Leuconostoc Enzyme นอกจากจะช่วยดักจับฝุ่นขนาดเล็ก อาทิ PM2.5 ได้แล้ว ยังช่วยลดการเจริญเติบโตของเหล่าแบคทีเรีย เชื้อโรค ไวรัส อีกทั้งยังสามารถลดกลิ่นเหม็นรบกวนได้อีกด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาด เพราะมีระบบ Self Cleaning ทำความสะอาดคอยล์เย็นได้เองอัตโนมัติ ขนาดความกว้าง 82 เซนติเมตร สูง 34.50 เซนติเมตร ลึก 21.50 เซนติเมตร
- ขนาด 9200 BTU/h
- ค่า SEER 24.00 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 4,433 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- ราคาประมาณ 31,900 บาท
10. LG รุ่น IH13R
เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ สำหรับห้องขนาด 14-18 ตารางเมตร มาพร้อม Dual Inverter Compressor ช่วยให้อากาศในห้องเย็นเร็วขึ้นด้วยสารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า อีกทั้งยังทำงานเงียบ ไม่มีเสียงรบกวน และช่วยฟอกอากาศให้สะอาดด้วย Plasmaster Ionizer Plus ที่สามารถกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้สูงสุด 99% สั่งการได้จากทุกที่ผ่านแอปพลิเคชัน ขนาดความกว้าง 99.8 เซนติเมตร สูง 34.50 เซนติเมตร ลึก 21 เซนติเมตร
- ขนาด 12,000 BTU/h
- ค่า SEER 23.20 BTU/W-h
- ค่าไฟเฉลี่ยต่อปีประมาณ 5,981 บาท
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- ราคาประมาณ 31,990 บาท
โอ้โห เครื่องปรับอากาศสมัยนี้ นอกจากจะให้ลมเย็น ดีไซน์สวยงาม แข็งแรงทนทาน และมีประสิทธิภาพแล้ว ยังต้องประหยัดไฟและประหยัดพลังงานอีกต่างหาก ฉะนั้นถ้าหากใครจะซื้อแอร์เข้าบ้านสักเครื่อง อย่าลืมพิจารณาและเปรียบเทียบคุณสมบัติเหล่านี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : labelno5.egat.co.th, beko.com, electrolux.co.th, powerbuy.co.th, hitachi-homeappliances.com, daikin.co.th, homepro.co.th, samsung.com, carrierthailand.com, lg.com และ mitsuheavythai.com