10 ข้อห้ามที่โบราณว่าไว้ว่า ไม่ควรทำตอนอยู่ในบ้าน แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ทำไมไม่ควรทำ ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตามไปดูเหล่าข้อห้ามที่เคยได้ยินตั้งแต่เด็ก ๆ พร้อม ๆ กันเลยค่ะ
จะตกแต่งห้องนอนแต่ละทีก็จัดหาฮวงจุ้ยกันให้วุ่น เพราะเดิมมีความเชื่อกันว่าห้ามหันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากเป็นทิศของคนตาย จะทำให้ฝันร้ายและหลับไม่สนิท ซึ่งจริง ๆ แล้วปกติผนังฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นฝั่งที่รับแสงแดดตอนบ่ายจึงเก็บความร้อนไว้เต็ม ๆ เมื่อตกกลางคืนผนังก็จะคายความร้อนออกมา หากหันหัวเตียงเข้าหาผนังบ้านด้านทิศตะวันตกก็ทำให้นอนไม่หลับเพราะรู้สึกไม่สบายตัวนั่นเอง
9. ห้ามปลูกต้นไม้ที่มาจากวัด
เพราะว่ากันว่า การนำต้นไม้ที่เคยปลูกในวัดมาปลูกต่อที่บ้านเป็นเรื่องไม่ดี เนื่องจากต้นไม้ในวัดถือเป็นของสูง หากใครนำมาปลูกที่บ้าน อาจจะทำให้ชีวิตตกอับ ซึ่งจริง ๆ แล้วการเคลื่อนย้ายต้นไม้ค่อนข้างยุ่งยากและอาจจะทำให้รากต้นไม้เกิดความเสียหายได้ คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนิยมนำต้นไม้จากวัดมาปลูกกันที่บ้าน อีกทั้งยังเป็นกลอุบายเตือนใจอย่างหนึ่งว่า เราไม่ควรนำของส่วนรวมมาเป็นของตัวเองอีกด้วย
10. ห้ามปลูกต้นลั่นทมในบ้าน
เนื่องจากชื่อของต้นลั่นทมก็ยังออกเสียงคล้ายกับคำว่า ระทม ที่แปลว่าความทุกข์ เลยเชื่อกันว่าหากบ้านไหนปลูกต้นลั่นทนก็จะนำสิ่งไม่ดีมาให้ตามชื่อ ซึ่งแท้จริงแล้วลั่นทมเป็นต้นไม้มียางที่เป็นพิษและมักจะมีบุ้งมาอาศัยอยู่มาก หากปลูกไว้ในบ้านอาจเป็นอันตรายได้ แต่ในปัจจุบันต้นไม้ชนิดนี้มีการนำมาจัดสวนกันอย่างแพร่หลาย และมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ลีลาวดี แล้ว
สรุปได้ว่าความเชื่อโบราณก็คือกลอุบายอย่างหนึ่ง ที่คนรุ่นก่อนคิดขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เราเกิดปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน เห็นอย่างนี้แล้วก็ต้องชื่นชมในความหัวไวของคนสมัยก่อนจริง ๆ เอาเป็นว่าใครจะเชื่อก็ไม่มีปัญหา หรือใครจะไม่เชื่อก็ตามความสะดวก อ๊ะ ๆ ๆ แต่ถ้าอยากให้คนในบ้านปลอดภัย จะทำตามไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ ^^
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักบริการวิชาการ ม.บูรพา, กรมประชาสัมพันธ์, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, กองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม และ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคกลาง
เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องเคยโดนผู้ใหญ่ทักว่าห้ามทำนู่น ทำนี่ในบ้านเป็นประจำ บ้างก็ว่าห้ามเหยียบธรณีประตู เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ บ้างก็ว่าห้ามร้องเพลงตอนอยู่ในครัว เพราะจะได้สามีแก่ งานนี้หลายคนก็เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าความเชื่อโบราณเหล่านี้มาจากไหน มีอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วจะเชื่อได้จริงหรือไม่ เอาล่ะ อย่ามัวหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่นาน เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมรวบรวมความเชื่อที่มักโดนห้ามไม่ให้ทำในบ้าน พร้อมเผยเบื้องหลังคำเตือนของผู้ใหญ่มาเฉลยให้ฟังกันค่ะ
1. ห้ามเหยียบธรณีประตู
หลายคนคงเคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่สั่งห้ามไม่ให้เราเหยียบธรณีประตูเวลาเดิน-เข้าออก เพราะมีการบอกเล่าเก้าสิบกันมาว่า ที่ธรณีประตูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาอยู่ หากจะเดินผ่านต้องก้าวข้ามให้พ้นทุกครั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นกลอุบายอย่างหนึ่งไว้ป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากบ้านไทยสมัยโบราณอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง จึงต้องทำธรณีประตูสูง ๆ เอาไว้ดักฝุ่นและน้ำไม่ให้พัดเข้ามาในบ้าน และป้องกันลูกเล็กเด็กแดงคลานเล่นจนตกลงไปในน้ำนั่นเอง
2. ห้ามกวาดบ้านตอนกลางคืน
ความเชื่อโบราณที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า การกวาดบ้านตอนกลางคืนจะเป็นการกวาดเงินกวาดทองออกไปจากบ้าน ซึ่งแท้จริงแล้วบ้านสมัยก่อนนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ อีกทั้งบ้านสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง และพื้นบ้านก็ปูด้วยไม้ทำให้มีร่องเล็ก ๆ ระหว่างรอยต่อ หากกวาดบ้านตอนกลางคืนก็อาจจะเผลอกวาดของชิ้นเล็ก ๆ ตกลงไปใต้ถุนบ้านและหาไม่เจอ เพราะของไปกองรวมกับขยะนั่นเอง
3. ห้ามตากผ้าข้ามคืน
ว่ากันว่าที่คนโบราณไม่ให้ตากผ้าข้ามคืน เพราะเชื่อว่ากระสือจะเอาไปเช็ดปาก โดยจริง ๆ แล้วการห้ามตากผ้าข้ามคืนเป็นวิธีการถนอมเสื้อผ้า เนื่องจากหากตากผ้าตอนกลางคืนนั้น นอกจากจะเสี่ยงต่อการโดนขโมยแล้ว ก็อาจทำให้เสื้อผ้าที่เพิ่่งซักเสร็จเปียกฝนหรือเปียกน้ำค้าง ที่สำคัญอาจจะมีสัตว์หรือแมลงมีพิษมาเกาะตามเสื้อผ้า ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายเมื่อคนในบ้านนำเสื้อมาสวมใส่ด้วย
หลายคนคงเคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่สั่งห้ามไม่ให้เราเหยียบธรณีประตูเวลาเดิน-เข้าออก เพราะมีการบอกเล่าเก้าสิบกันมาว่า ที่ธรณีประตูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาอยู่ หากจะเดินผ่านต้องก้าวข้ามให้พ้นทุกครั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นกลอุบายอย่างหนึ่งไว้ป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากบ้านไทยสมัยโบราณอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง จึงต้องทำธรณีประตูสูง ๆ เอาไว้ดักฝุ่นและน้ำไม่ให้พัดเข้ามาในบ้าน และป้องกันลูกเล็กเด็กแดงคลานเล่นจนตกลงไปในน้ำนั่นเอง
2. ห้ามกวาดบ้านตอนกลางคืน
ความเชื่อโบราณที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า การกวาดบ้านตอนกลางคืนจะเป็นการกวาดเงินกวาดทองออกไปจากบ้าน ซึ่งแท้จริงแล้วบ้านสมัยก่อนนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ อีกทั้งบ้านสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง และพื้นบ้านก็ปูด้วยไม้ทำให้มีร่องเล็ก ๆ ระหว่างรอยต่อ หากกวาดบ้านตอนกลางคืนก็อาจจะเผลอกวาดของชิ้นเล็ก ๆ ตกลงไปใต้ถุนบ้านและหาไม่เจอ เพราะของไปกองรวมกับขยะนั่นเอง
3. ห้ามตากผ้าข้ามคืน
ว่ากันว่าที่คนโบราณไม่ให้ตากผ้าข้ามคืน เพราะเชื่อว่ากระสือจะเอาไปเช็ดปาก โดยจริง ๆ แล้วการห้ามตากผ้าข้ามคืนเป็นวิธีการถนอมเสื้อผ้า เนื่องจากหากตากผ้าตอนกลางคืนนั้น นอกจากจะเสี่ยงต่อการโดนขโมยแล้ว ก็อาจทำให้เสื้อผ้าที่เพิ่่งซักเสร็จเปียกฝนหรือเปียกน้ำค้าง ที่สำคัญอาจจะมีสัตว์หรือแมลงมีพิษมาเกาะตามเสื้อผ้า ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายเมื่อคนในบ้านนำเสื้อมาสวมใส่ด้วย
4. ห้ามลับมีดตอนกลางคืน
ความเชื่อเกี่ยวกับการทำครัวซึ่งบอกเล่ากันว่า ในของมีคมเกือบทุกอย่างมักจะมีวิญญาณสถิตอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ควรนำมีดออกมาเล่นเพราะจะโดนผีผลัก ซึ่งจริง ๆ สาเหตุหลักของการห้ามลับมีดตอนกลางคืน เนื่องจากตอนกลางคืนมีแสงสว่างน้อย ทำให้มองเห็นไม่ชัดจนอาจเกิดมีดบาดได้ ส่วนตอนเล่นจะทำให้เราไม่ค่อยระวังตัว จนอาจทำให้หกล้มและเผลอโดนมีดแทงนั่นเอง
5. ห้ามทำให้ครัวสกปรก
คนโบราณมีความเชื่อว่า ห้ามปล่อยให้ห้องครัวสกปรกเด็ดขาด เพราะจะทำให้อับโชค ซึ่งความจริงแล้วหากปล่อยปละละเลยทำให้ห้องครัวสกปรก ก็จะทำให้มีเชื้อโรคหลายชนิดสะสมปนไปกับอาหารและทำให้คนในบ้านเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น
6. ห้ามนั่งบนบันได
อีกหนึ่งความเชื่อที่หลายคนคงเคยโดนผู้ใหญ่เตือนเวลาที่นั่งเล่นบนบันได ผ่านการบอกต่อกันมาว่า หากนั่งบนบันไดจะทำให้คนในบ้านเจอเรื่องร้ายหรือมีความทุกข์ เบื้องหลังกลอุบายนี้ก็มีไว้เพื่อเตือนไม่ให้เด็ก ๆ นั่งบนบันได เพราะกีดขวางทางเดินของคนอื่น และอาจทำให้คนที่เดินสวนไป-มาสะดุดหกล้มตกบันไดได้ เนื่องจากบันไดบ้านสมัยโบราณอยู่นอกบ้าน และมีราวจับเพียงด้านเดียวหรือบางบ้านก็ไม่มีราวจับเลยนั่นเอง
7. ห้ามเดินข้ามขั้นบันได
เพราะว่ากันว่าหากเดินข้ามขั้นบันไดจะทำให้ทำมาหากินลำบาก ค้าขายไม่ขึ้น ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ซึ่งจริง ๆ แล้วความเชื่อนี้ไม่ได้แค่เอาไว้เตือนเท่านั้น แต่เป็นคำสอนที่แฝงคติไว้ด้วยว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำเกินความสามารถ และเป็นการสอนให้รู้จักคิดทำเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ทำอะไรข้ามขั้นตอน เหมือนกับการเดินขึ้น-ลงบันได ให้ก้าวทีละขั้น เพราะหากก้าวข้ามก็อาจพลาดตกลงมา
5. ห้ามทำให้ครัวสกปรก
คนโบราณมีความเชื่อว่า ห้ามปล่อยให้ห้องครัวสกปรกเด็ดขาด เพราะจะทำให้อับโชค ซึ่งความจริงแล้วหากปล่อยปละละเลยทำให้ห้องครัวสกปรก ก็จะทำให้มีเชื้อโรคหลายชนิดสะสมปนไปกับอาหารและทำให้คนในบ้านเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น
6. ห้ามนั่งบนบันได
อีกหนึ่งความเชื่อที่หลายคนคงเคยโดนผู้ใหญ่เตือนเวลาที่นั่งเล่นบนบันได ผ่านการบอกต่อกันมาว่า หากนั่งบนบันไดจะทำให้คนในบ้านเจอเรื่องร้ายหรือมีความทุกข์ เบื้องหลังกลอุบายนี้ก็มีไว้เพื่อเตือนไม่ให้เด็ก ๆ นั่งบนบันได เพราะกีดขวางทางเดินของคนอื่น และอาจทำให้คนที่เดินสวนไป-มาสะดุดหกล้มตกบันไดได้ เนื่องจากบันไดบ้านสมัยโบราณอยู่นอกบ้าน และมีราวจับเพียงด้านเดียวหรือบางบ้านก็ไม่มีราวจับเลยนั่นเอง
7. ห้ามเดินข้ามขั้นบันได
เพราะว่ากันว่าหากเดินข้ามขั้นบันไดจะทำให้ทำมาหากินลำบาก ค้าขายไม่ขึ้น ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ซึ่งจริง ๆ แล้วความเชื่อนี้ไม่ได้แค่เอาไว้เตือนเท่านั้น แต่เป็นคำสอนที่แฝงคติไว้ด้วยว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำเกินความสามารถ และเป็นการสอนให้รู้จักคิดทำเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ทำอะไรข้ามขั้นตอน เหมือนกับการเดินขึ้น-ลงบันได ให้ก้าวทีละขั้น เพราะหากก้าวข้ามก็อาจพลาดตกลงมา
8. ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก
จะตกแต่งห้องนอนแต่ละทีก็จัดหาฮวงจุ้ยกันให้วุ่น เพราะเดิมมีความเชื่อกันว่าห้ามหันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากเป็นทิศของคนตาย จะทำให้ฝันร้ายและหลับไม่สนิท ซึ่งจริง ๆ แล้วปกติผนังฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นฝั่งที่รับแสงแดดตอนบ่ายจึงเก็บความร้อนไว้เต็ม ๆ เมื่อตกกลางคืนผนังก็จะคายความร้อนออกมา หากหันหัวเตียงเข้าหาผนังบ้านด้านทิศตะวันตกก็ทำให้นอนไม่หลับเพราะรู้สึกไม่สบายตัวนั่นเอง
9. ห้ามปลูกต้นไม้ที่มาจากวัด
เพราะว่ากันว่า การนำต้นไม้ที่เคยปลูกในวัดมาปลูกต่อที่บ้านเป็นเรื่องไม่ดี เนื่องจากต้นไม้ในวัดถือเป็นของสูง หากใครนำมาปลูกที่บ้าน อาจจะทำให้ชีวิตตกอับ ซึ่งจริง ๆ แล้วการเคลื่อนย้ายต้นไม้ค่อนข้างยุ่งยากและอาจจะทำให้รากต้นไม้เกิดความเสียหายได้ คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนิยมนำต้นไม้จากวัดมาปลูกกันที่บ้าน อีกทั้งยังเป็นกลอุบายเตือนใจอย่างหนึ่งว่า เราไม่ควรนำของส่วนรวมมาเป็นของตัวเองอีกด้วย
10. ห้ามปลูกต้นลั่นทมในบ้าน
เนื่องจากชื่อของต้นลั่นทมก็ยังออกเสียงคล้ายกับคำว่า ระทม ที่แปลว่าความทุกข์ เลยเชื่อกันว่าหากบ้านไหนปลูกต้นลั่นทนก็จะนำสิ่งไม่ดีมาให้ตามชื่อ ซึ่งแท้จริงแล้วลั่นทมเป็นต้นไม้มียางที่เป็นพิษและมักจะมีบุ้งมาอาศัยอยู่มาก หากปลูกไว้ในบ้านอาจเป็นอันตรายได้ แต่ในปัจจุบันต้นไม้ชนิดนี้มีการนำมาจัดสวนกันอย่างแพร่หลาย และมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ลีลาวดี แล้ว
สรุปได้ว่าความเชื่อโบราณก็คือกลอุบายอย่างหนึ่ง ที่คนรุ่นก่อนคิดขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เราเกิดปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน เห็นอย่างนี้แล้วก็ต้องชื่นชมในความหัวไวของคนสมัยก่อนจริง ๆ เอาเป็นว่าใครจะเชื่อก็ไม่มีปัญหา หรือใครจะไม่เชื่อก็ตามความสะดวก อ๊ะ ๆ ๆ แต่ถ้าอยากให้คนในบ้านปลอดภัย จะทำตามไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ ^^
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักบริการวิชาการ ม.บูรพา, กรมประชาสัมพันธ์, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, กองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม และ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคกลาง