วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ผักกรุบกรอบ คุณค่าทางอาหารสูง ทำเมนูไหนก็อร่อย !

          หน่อไม้ฝรั่ง ผักรสชาติดี กรอบกรุบ ประโยชน์เยอะ อยากปลูกหน่อไม้ฝรั่งไว้ทำกับข้าว มาดูสายพันธุ์ยอดนิยมและวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งกันค่ะ

วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

          หน่อไม้ฝรั่ง ถือเป็นผักโปรดในใจใครหลายคน เพราะมีทั้งความกรุบกรอบไม่เหมือนใคร รสชาติดี อร่อยนัว มีกลิ่นเฉพาะตัว แถมยังนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย ที่สำคัญประโยชน์เด็ด ๆ สรรพคุณโดน ๆ เพียบ ฮั่นแน่ พูดมาขนาดนี้เชื่อว่าคนรักการปลูกผักคงอยากได้วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งไว้กินเองที่บ้านกันจะแย่แล้ว ถ้างั้นอย่ามัวรอช้า ตามมาดูวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งพร้อม ๆ กันเลยค่ะ 

ลักษณะหน่อไม้ฝรั่ง


วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

          ต้นหน่อไม้ฝรั่ง หรือ Asparagus มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asparagus Officinalis จัดอยู่ในวงศ์ Asparagaceae เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง นำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย รสชาติดี มีความกรุบกรอบ โดยจะใช้ประโยชน์จากหน่อเป็นหลัก แบ่งออกเป็นหน่อเขียว (หน่อที่โผล่พ้นเหนือดิน) กับหน่อขาว (หน่อที่กลบอยู่ใต้ดิน ไม่โดนแสงแดด) ในด้านการปลูกและการดูแลก็ค่อนข้างง่าย เก็บเกี่ยวได้นาน สามารถปลูกไว้ทำกับข้าวกินเองที่บ้านก็ได้ หรือจะปลูกไว้ส่งขายก็ทำรายได้ไม่เบาเลยค่ะ

          หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชอายุหลายปี มีราก 2 ชนิด คือ รากเนื้อและรากฝอย ฝังลึกอยู่ใต้ดินทั้งคู่ ส่วนลำต้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ลำต้นใต้ดินกับลำต้นบนดิน โดยลำต้นใต้ดินหรือเหง้าจะอยู่ติดกับราก มีลักษณะคล้ายแท่งดินสอกระจายออกรอบทิศสีน้ำตาล ส่วนลำต้นบนดินตอนแรกจะเรียกว่าหน่ออ่อน ยอดอ่อน หรือสเปียร์ (Spear) แตกออกมาจากตาข้างลำต้นใต้ดิน ปกคลุมด้วยใบแท้ มีลักษณะเป็นเกล็ดบาง ๆ ตามข้อ โดยจะโผล่พ้นดินขึ้นมาประมาณ 90-120 เซนติเมตร รูปทรงคล้ายเฟิร์นเล็กน้อย มีกิ่งก้านลักษณะคล้ายใบ เรียกว่า คลาโดด (Cladodes) หรือ แคลโดฟิลล์ (Cladophyll)

          หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่เพศผู้และเพศเมียแยกกันอยู่ ต้องอาศัยแมลงช่วยในการผสมเกสร ดอกจะออกค่อนข้างเร็ว มีลักษณะเป็นรูประฆัง สีเขียวแกมเหลือง โดยดอกของต้นเพศผู้จะมีขนาดใหญ่และยาวกว่า ส่วนดอกของต้นเพศเมียจะมีขนาดเล็กและน้อยกว่า มักขึ้นตามกิ่งก้าน นอกจากนี้ยังมีผลคล้ายเบอร์รีทรงกลม ๆ เล็ก ๆ ตอนอ่อนเป็นสีเขียว ตอนสุกเป็นสีแดงส้ม มีเมล็ดสีดำข้างในอยู่ 2-3 เมล็ดด้วย


สายพันธุ์หน่อไม้ฝรั่ง


วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

          หน่อไม้ฝรั่งที่คนไทยนิยมปลูกมีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ ได้แก่

          1. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แมรี่วอชิงตัน (Mary Washington) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แรกที่ปลูกในไทย ให้ผลผลิตค่อนข้างดี แต่น้อยกว่าพันธุ์อื่น จึงไม่ค่อยนิยมในปัจจุบัน

          2. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 500 (California 500) เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่มีอายุเก็บเกี่ยวเร็ว ให้ผลผลิตใกล้เคียงกับพันธุ์แมรี่วอชิงตัน

          3. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 309 (California 309) เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่ได้รับการวิจัยว่าแข็งแรง แถมยังให้ผลผลิตดีกว่าและขนาดใหญ่กว่าพันธุ์แมรี่วอชิงตันและพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 500

          4. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ไฮบริดอิมพีเรียล (Hybrid Imperial) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ลูกผสม ให้ผลผลิตสูงกว่าทั้งแมรี่วอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย 500 และแคลิฟอร์เนีย 309

          5. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์บร็อคอิมพรู๊ฟ (Brocks Improved) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ลูกผสม ให้ผลผลิตสูงที่สุด เมล็ดจึงมีราคาแพง

วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง


วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

          วิธีการปลูกหน่อไม้ฝรั่งสามารถทำได้ 2 แบบ คือ

1. การเพาะกล้าลงในแปลงปลูกโดยตรง


          สำหรับการเพาะต้นกล้าลงในแปลงปลูกโดยตรง ขั้นตอนแรกให้เราเตรียมแปลงปลูกด้วยการขุดดินเป็นร่องแปลงสูง 30 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 10 เมตร อย่าลืมพรวนดินให้ละเอียด กำจัดวัชพืชให้เกลี้ยง และคลุกปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก+ปุ๋ยวิทยาศาสตร์+ปูนขาว ลงไปในดินให้สม่ำเสมอ

          หลังจากนั้นเกลี่ยหน้าดินให้เรียบ แล้วทำหลุมสำหรับหยอดเมล็ด กะให้ลึกประมาณ 2 เซนติเมตร เว้นระยะห่างประมาณ 15-20 เซนติเมตร เสร็จแล้วก็หยอดเมล็ดลงไปหลุมละ 1 เมล็ด จากนั้นใช้ดินกลบบาง ๆ และใช้เศษฟางหรือหญ้าแห้งคลุมทับ (สามารถโรยฟูราดานเพื่อป้องกันแมลงได้) พร้อมทั้งหมั่นดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ โดยเมล็ดจะเริ่มงอกหลังจากปลูกประมาณ 10-15 วัน ซึ่งควรรอให้เมล็ดงอกออกมาสัก 2-3 เซนติเมตร แล้วค่อยใส่ปุ๋ยเร่ง อย่าลืมกำจัดวัชพืชและถอนหญ้าด้วย

2. การเพาะกล้าลงในถุง แล้วย้ายลงแปลงปลูก


          สำหรับการเพาะต้นกล้าลงในถุง ให้เราผสมดินร่วน 1 ส่วน เศษใบไม้ 1 ส่วน ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน และปุ๋ยอินทรีย์ 1 ส่วน เข้าด้วยกัน จากนั้นกรอกใส่ถุงเพาะชำ แล้วหยอดเมล็ดตามลงไป เสร็จแล้วจึงนำไปตั้งไว้กลางแจ้งและรดน้ำทุกวัน ไม่นานสักประมาณ 3-4 เดือน ต้นกล้าก็จะเติบโต แข็งแรง พร้อมแก่การย้ายปลูก ส่วนขั้นตอนอื่น ๆ ระหว่างรอย้ายลงแปลงปลูก มีดังนี้

          - การเตรียมแปลงปลูก : ให้เราขุดพลิกดินให้ดี ย่อยดินให้ละเอียด พร้อมทั้งผสมปุ๋ยและแกลบให้เข้ากัน จากนั้นตากทิ้งไว้ประมาณ 2 เดือน พอครบกำหนดก็ให้พรวนดินซ้ำอีกครั้ง กำจัดวัชพืช แล้วยกร่องขึ้นสูงและเกลี่ยหน้าดินให้เรียบเพื่อเตรียมทำหลุมปลูก

          - การเตรียมหลุมปลูก : ให้เราขุดหลุมลึก 15-25 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร พร้อมทั้งผสมปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1 ช้อนชา เข้ากับปุ๋ยคอกหรือขี้เถ้าแกลบ 2 กำมือ เพื่อใช้รองก้นหลุม (สามารถผสมฟูราดานเข้าไปเพื่อป้องกันแมลงได้)

          - การจัดระยะปลูก : หน่อไม้ฝรั่งควรปลูกให้แถวห่างกันประมาณ 1-1.5 เมตร แต่ถ้าหากใครอยากปลูกผักอื่นแซมด้วยก็สามารถเว้นระยะห่างมากกว่านี้ได้

          - การเตรียมย้ายกล้าลงปลูกในแปลง : ให้เลือกต้นกล้าที่แข็งแรง สมบูรณ์ และมีรากมาก อายุสักประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นตัดยอดต้นกล้าออกให้ต้นสูงประมาณ 15 เซนติเมตร แล้วแช่โคนและรากลงไปในน้ำเปล่าผสมสารป้องกันเชื้อราประมาณ 15 นาที แล้วค่อยนำไปทำการปลูก ระวังอย่าให้รากขาด โดยช่วงเวลาที่เหมาะจะย้ายกล้าลงปลูกจะเป็นตอนบ่าย ๆ ใกล้เย็นที่มีแสงแดดอ่อน ๆ

          - การปลูก : ให้ปลูกหลุมละ 1 ต้น โดยต้องแผ่รากของต้นกล้าให้กระจาย ไม่กระจุก พร้อมทั้งกลบดินหรือโกยดินรอบโคนต้นให้สูงขึ้นมา แล้วกดให้แน่นและรดน้ำให้ชื้น

วิธีดูแลและเก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่ง


วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

          หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่ชอบดินร่วนปนทราย ต้องการแสงสว่างส่องถึงหน้าดิน ต้องการน้ำสม่ำเสมอ ชอบหน้าดินชื้น ๆ แต่ไม่ชอบดินแฉะ การบำรุงทำได้โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีเป็นครั้งคราว พร้อมทั้งหมั่นกำจัดวัชพืชและโกยดินกลบโคนต้นเป็นประจำ ที่สำคัญหน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่แตกหน่อแตกก้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้แย่งอาหารกันเองจนแคระแกร็น อย่าลืมตัดแต่งทรงบ่อย ๆ หรือจะพักต้น (การถอนต้นที่มีสภาพไม่ดีทิ้ง เหลือแต่ต้นที่สภาพดีไว้) แทนก็ได้

          โดยหน่อไม้ฝรั่งจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ตอนอายุ 4 เดือน หรือเมื่อหน่อโผล่พ้นเหนือดินขึ้นมาประมาณ 20 เซนติเมตร (ไม่เกิน 27 เซนติเมตร) ซึ่งหลังจากปลูกแรก ๆ ให้เก็บเฉพาะหน่อเขียวก่อน แล้วค่อยเก็บหน่อขาวในช่วงหลัง หรือช่วงประมาณ 2-3 ปี เนื่องจากช่วงหลังปลูกใหม่ ๆ หน่อขาวจะยังไม่สมบูรณ์

          ส่วนวิธีแยกหน่อเขียวกับหน่อขาว คือ หน่อเขียวจะเป็นหน่ออ่อนแทงขึ้นมาเหนือดินมากกว่า 17 เซนติเมตร ให้เก็บด้วยการขุดดินตรงลงไป แล้วใช้มือดึงเอาหน่อออกมา จากนั้นก็โกยดินกลบ ส่วนหน่อขาวเป็นหน่อที่อยู่ใต้ดิน ฉะนั้นหลักการปลูกจึงควรโกยดินกลบให้สูงตามความยาวที่ต้องการ โดยส่วนมากจะมีความยาวมากกว่า 17 เซนติเมตร

โรคและแมลงที่ต้องระวัง


          โรคที่พบบ่อยในต้นหน่อไม้ฝรั่ง มีดังนี้

          1. โรคลำต้นไหม้ : จะเป็นแผลสีน้ำตาลตามลำต้น กิ่ง ก้าน และใบ จนส่งผลให้ใบร่วงและต้นแห้งตาย ป้องกันได้ด้วยการระบายน้ำอย่าให้ขัง ถอนต้นทิ้งก่อนลุกลาม และฉีดยาป้องกัน

          2. โรคเน่าเปียก : จะเกิดขึ้นกับต้นอ่อน มีลักษณะฉ่ำน้ำที่ปลายยอดจนยอดอ่อนมีสีเหลือง พร้อมทั้งขึ้นราสีเทาเป็นก้านสั้น ๆ ป้องกันได้ด้วยการฉีดยากำจัดโรค

          3. โรคเน่าเละ : จะมีอาการเนื้อเยื่อนิ่ม ช้ำ ลื่น และเหม็น ส่วนมากเป็นที่ปลายยอดหรือปลายหน่อ ป้องกันได้ด้วยการระมัดระวังขณะเก็บเกี่ยว หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดแผล คัดเฉพาะหน่อที่สมบูรณ์ และทำการลดอุณหภูมิทันทีหลังเก็บ

          4. โรคหน่อเน่า : จะมีอาการช้ำน้ำ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นที่ส่วนใดก็ได้ แต่ส่วนมากจะเริ่มที่โคนหน่อ ป้องกันได้ด้วยการระวังไม่ให้หนอนกัดและไม่ให้อุปกรณ์พรวนดินไปโดน

          5. โรครากและโคนเน่า : จะมีอาการเน่าตามยอดหน่อหรือรอยตัด ป้องกันได้ด้วยการลดอุณหภูมิอย่างรวดเร็วหลังเก็บเกี่ยว และระวังความชื้นบริเวณยอดหน่อ

          6. โรคแอนแทรกโนส : จะเป็นแผลสีน้ำตาลเห็นได้ชัดเจน เมื่อเริ่มลุกลามจะทำให้ลำต้นยุบตัวและแห้งตาย ป้องกันได้ด้วยการกำจัดส่วนที่เป็นโรคออกไปทำลาย ระวังน้ำขัง และฉีดยาป้องกัน

          ส่วนพวกแมลงหรือศัตรูพืชที่พบได้บ่อยจะเป็นพวกหนอนกระทู้หอม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนคืบ เพลี้ยไฟฝ้าย และเพลี้ยไฟหอม ฉะนั้นถ้าหากใครคิดจะปลูกก็อย่าลืมระวังและหมั่นกำจัดแมลงเหล่านี้ออกไปด้วย

ประโยชน์และสรรพคุณหน่อไม้ฝรั่ง


หน่อไม้ฝรั่ง

          นอกจากจะปลูกง่ายและดูแลไม่ยากแล้ว ต้องบอกเลยว่าผักมีความกรอบ รสชาติกลมกล่อม และมีสารอาหารซ่อนอยู่เพียบ แถมยังนำไปประกอบอาหารได้ทั้งต้ม ผัด ลวก แถมยังช่วยลดน้ำหนัก ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยบำรุงผิวพรรณ บำรุงครรภ์ บำรุงสมอง และอื่น ๆ อีกมากมาย เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากรู้เพิ่มเติมก็ลองตามไปดูกันได้ รับรองต้องหลงรักการกินหน่อไม้ฝรั่งแน่

          หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่น่าสนใจไม่เบา ปลูกก็ง่าย ประโยชน์ก็เยอะ แถมยังอร่อยเหาะ สามารถรังสรรค์เป็นเมนูเจ๋ง ๆ ได้เพียบเลยล่ะ 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ผักกรุบกรอบ คุณค่าทางอาหารสูง ทำเมนูไหนก็อร่อย ! อัปเดตล่าสุด 11 มิถุนายน 2567 เวลา 10:53:01 243,119 อ่าน
TOP
x close