
100 ปี Electrolux จากวันนั้นสู่วันนี้
กับแนวคิดสวีเดนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

เชื่อหรือไม่คะว่า กว่าจะมาเป็น Electrolux อย่างในปัจจุบัน ได้มีเรื่องราวและความเปลี่ยนแปลงมากมายมาตลอด 100 ปีเลยล่ะ เริ่มจากการก่อตั้งบริษัท AB Lux ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2444 เพื่อจำหน่ายตะเกียงน้ำมันก๊าดสำหรับใช้กลางแจ้งและตามประภาคารทั่วโลก ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดฝุ่น (2455) เตาไฟฟ้า (2463) เครื่องปั่นอเนกประสงค์ (2483) เครื่องซักผ้า (2487) เครื่องล้างจาน (2502) และตู้เย็นแบบทัชสกรีน (2542) พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่ในภายหลังเป็น Electrolux และขยายตลาดไปทั่วโลกกว่า 60 ล้านครัวเรือน กว่า 150 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยนั่นเอง
ซึ่งถือได้ว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา Electrolux ไม่เพียงแต่จะคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่า โดยการทำให้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมีความสะดวกสบายและมีสไตล์เท่านั้น แต่ยังมีการพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวความคิด สวีเดนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า (Swedish Thinking Better Living) เลยทำให้ทุกผลิตภัณฑ์ของ Electrolux มีดีไซน์ที่โดดเด่นสวยงาม ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรมสุดล้ำ และก้าวไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
ผลิตภัณฑ์ของอีเลคโทรลักซ์ที่ผ่านมาและต่อจากนี้ไป นอกจากต้องตอบโจทย์ที่จะให้ชีวิตผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ศึกษาวิจัยเพื่อให้เกิดนวัตกรรมเทคโนโลยี ดีไซน์สวยเรียบหรู การใช้งานที่ตรงใจผู้บริโภคแล้ว เรายังให้ความสำคัญอย่างมากว่าผลิตภัณฑ์ของเราต้องดีต่อสิ่งแวดล้อม
นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการทั่วไป
พร้อมกันนี้ นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ยังเผยถึงกลยุทธ์การบริหารผลิตภัณฑ์ Electrolux ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคด้วยการแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. Taste (รสชาติที่เป็นเลิศ) ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัว
2. Care (การดูแลเอาใจใส่ผ้า) ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ถนอมเนื้อผ้า
3. Wellbeing (สภาพความเป็นอยู่ที่ดีในบ้าน) กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่ออากาศที่สดชื่นและน้ำอุ่น
โดยทุกผลิตภัณฑ์เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันนำสมัย การออกแบบที่สวยงามเรียบหรูตามสไตล์สวีเดนที่ผสานกับประโยชน์การใช้งาน และที่สำคัญคือคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน อันเป็นหัวใจของ Electrolux เสมอมา ตัวอย่างเช่น เครื่องซักผ้าฝาหน้าของอีเลคโทรลักซ์ ก็จะเน้นเทคโนโลยีที่ทำให้ซักได้สะอาดแต่ประหยัดพลังงานทั้งไฟและน้ำ ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับคราบสกปรกและคราบผงซักฟอกที่ผ้าเพื่อคำนวณเวลาซักและปริมาณน้ำที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเครื่องซักผ้าฝาบนจะประหยัดกว่าถึง 50% เพื่อรักษาเนื้อผ้าและสีสันให้สวยคงทน สามารถใช้ไปนาน ๆ เพื่อการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า หรืออย่างตู้เย็น ก็จะเน้นนวัตกรรมที่ช่วยคงคุณค่าสารอาหารและความสดใหม่ให้กับผัก-ผลไม้นานถึง 7 วัน รักษาความสดใหม่ของอาหารให้ยาวนานขึ้น ให้อาหารเป็นประโยชน์ได้มากที่สุด ลดการทิ้งขยะอาหารจากการเน่าเสีย การประหยัดพลังงานและการลดของเหลือทิ้ง เป็นต้น
100 ปีแห่งความผูกพัน สู่นวัตกรรมที่ยั่งยืน

