ไขข้อข้องใจ บิลค่าไฟ 1 ใบ มีรายละเอียดอะไรที่เราควรรู้บ้าง ไว้เช็กก่อนจ่ายเงิน หากพบค่าไฟฟ้าแพงผิดปกติแจ้งเรื่องไปที่ไหนได้บ้าง
ภาพจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ภาพจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ภาพจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ค่าไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีการพูดถึงกันทุกปี หลังจากพบว่ายอดค่าไฟมักจะแพงขึ้นโดยเฉพาะในหน้าร้อนซึ่งมีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าช่วงอื่น ๆ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปดูกันว่า ปัจจุบันอัตราค่าไฟฟ้ามีการคิดอย่างไร ในบิลค่าไฟแต่ละเดือนมีค่าอะไรบ้างที่ต้องจ่าย เอาไว้เช็กรายละเอียดการใช้งานและค่าใช้จ่ายก่อนจะจ่ายค่าไฟ หากลองคำนวณแล้วค่าไฟฟ้าแพงผิดปกติจะร้องเรียนที่ไหนได้บ้าง
อัตราค่าไฟฟ้า คิดอย่างไร
ภาพจาก : KenSoftTH / shutterstock.com
อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย คิดแบบอัตราก้าวหน้า หรือยิ่งใช้ไฟฟ้ามากก็ยิ่งจ่ายแพงขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ค่าไฟฟ้าตามอัตราปกติ และค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาการใช้ มีรายละเอียดดังนี้
ค่าไฟฟ้าตามอัตราปกติ
ประเภทที่ 1.1
อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ และมีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน
- 15 หน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) แรก (หน่วยที่ 1-15) หน่วยละ 2.3488 บาท
- 10 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 16-25) หน่วยละ 2.9882 บาท
- 10 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 26-35) หน่วยละ 3.2405 บาท
- 65 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 36-100) หน่วยละ 3.6237 บาท
- 50 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 101-150) หน่วยละ 3.7171 บาท
- 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151-400) หน่วยละ 4.2218 บาท
- เกินกว่า 400 หน่วย (หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป) หน่วยละ 4.4217 บาท
ค่าบริการ : 8.19 บาทต่อเดือน
ซึ่งภาครัฐได้มีการกำหนดสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วย ให้กับผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียน โดยเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านประเภท 1.1 ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ ไม่ใช่นิติบุคคล และใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย ติดต่อกัน 3 เดือน
ประเภทที่ 1.2
อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์เกิน 5 แอมป์ และบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ แต่มีการใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยขึ้นไปต่อเดือน ติดต่อกัน 3 เดือนขึ้นไป
- 150 หน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) แรก (หน่วยที่ 1-150) หน่วยละ 3.2484 บาท
- 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151-400 ) หน่วยละ 4.2218 บาท
- เกินกว่า 400 หน่วย (หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป) หน่วยละ 4.4217 บาท
ค่าบริการ : 24.62 บาทต่อเดือน
ค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาการใช้
อัตราตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Tariff : TOU Tariff) เป็นการคิดค่าไฟตามเวลาที่กำหนด แบ่งเป็น On Peak กับ Off Peak ซึ่งมีราคาหน่วยและค่าบริการต่างกัน โดยอัตราค่าไฟกลางวันจะแพงกว่ากลางคืน ดังนี้
การแบ่งช่วงเวลา
- On Peak : เวลา 09.00-22.00 น. วันจันทร์-ศุกร์
- Off Peak :
เวลา 22.00-09.00 น. วันจันทร์-ศุกร์
เวลา 00.00-24.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ วันแรงงานแห่งชาติ
วันหยุดราชการตามปกติ (ไม่รวมวันพืชมงคลและวันหยุดชดเชย)
อัตราค่าไฟฟ้า
- แรงดัน 12-24 กิโลโวลต์ : On Peak 5.1135 / Off Peak 2.6037 และค่าบริการ 312.24
- แรงดันต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์ : On Peak 5.7982 / Off Peak 2.6369 และค่าบริการ 24.62
ทั้งนี้ ผู้ที่จะเปลี่ยนไปใช้มิเตอร์ประเภทนี้ต้องแจ้งไปยังการไฟฟ้าในส่วนที่รับผิดชอบก่อน หากมองเผิน ๆ อาจจะเห็นว่าราคาต่อหน่วยถูกกว่าหากเราใช้ไฟเยอะในช่วงกลางคืน แต่อย่างไรก็ดี ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนควรเปรียบเทียบกับอัตราค่าไฟปกติก่อนว่าคุ้มค่าหรือไม่ และแบบไหนที่จะช่วยให้เราประหยัดได้มากกว่ากัน
สามารถตรวจสอบประเภทอัตราค่าไฟฟ้าได้ในส่วนของข้อมูลผู้ใช้ โดยจะปรากฏเป็นตัวเลข 3 หลักแรกในช่องประเภท (Type) เช่น 1115 คือ บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ส่วน 1125 คือผู้ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือนนั่นเอง
บิลค่าไฟ มีรายละเอียดอะไรบ้าง
ภาพจาก : Seika Chujo / shutterstock.com
บิลค่าไฟแต่ละเดือนประกอบด้วย 3 ส่วนหลักหลัก ๆ ด้วยกัน คือ ข้อมูลผู้ใช้ รายละเอียดการใช้ไฟฟ้า และค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บ ซึ่งมีรายละเอียดต่างกันไป
ส่วนที่ 1 : ข้อมูลผู้ใช้
ข้อมูลในส่วนนี้เป็นข้อมูลทั่วไปที่เกี่ยวกับผู้ใช้ไฟฟ้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า วันและเวลาอ่านหน่วยค่าไฟฟ้าประจำเดือน
ภาพจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ส่วนที่ 2 : ข้อมูลการใช้ไฟฟ้า
ข้อมูลในส่วนนี้ประกอบด้วยเลขอ่านครั้งก่อน-หลังจากมิเตอร์ไฟฟ้า จำนวนหน่วยทั้งหมดที่ใช้ไป เป็นส่วนต่างจากตัวเลขการอ่าน และประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมจำนวนหน่วยที่ใช้ไฟแต่ละเดือน
ภาพจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ส่วนที่ 3 : ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บ
ส่วนสุดท้ายของบิลค่าไฟ ประกอบด้วย 4 ส่วนย่อย นั่นก็คือ ค่าพลังงานไฟฟ้า ค่าบริการรายเดือน ค่า Ft และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ค่าพลังงาน : ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ระบบสายส่ง สายจำหน่าย และค่าการผลิตไฟฟ้า
- ค่าบริการรายเดือน : ค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายและการบริการผู้ใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือน เช่น ค่าใช้จ่ายในการจดหน่วยไฟฟ้า ค่าจัดทำและจัดส่งบิลค่าไฟฟ้า การรับชำระเงินค่าไฟฟ้า และงานบริการลูกค้า ในส่วนนี้ได้ดำเนินมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2543
- ค่า Ft (ค่าไฟฟ้าแปรผัน) : ค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ค่าซื้อไฟฟ้าจากเอกชน และค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐที่เปลี่ยนแปลงไปจากค่าไฟฐาน โดยค่า Ft ตรงนี้จะมีการปรับทุก 4 เดือน โดยมี กกพ. เป็นผู้กำกับดูแล
- ค่าภาษี : ค่าภาษีมูลค่า 7% ที่เรียกเก็บตามกฎหมายที่กำหนด โดยการไฟฟ้าฯ จะนำส่วนนี้ส่งให้สรรพากรเป็นรายเดือน เพื่อนำไปรวมเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป
ภาพจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าไฟเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mea.or.th หรือประมาณการค่าไฟฟ้าผ่านเว็บไซต์ https://www.pea.co.th
ใช้ไฟเท่าเดิม แต่ทำไมค่าไฟแพงขึ้น ?
ในช่วงหน้าร้อนหลายคนมักจะเจอปัญหาว่า ค่าไฟแพงขึ้นมาก ทั้งที่ใช้ไฟเท่าเดิม สาเหตุหนึ่งมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภททำความเย็นทำงานหนักขึ้น เนื่องจากต้องปรับอุณหภูมิต่ำลงตามที่ตั้งไว้ ในขณะที่อุณหภูมิภายนอกสูงขึ้น เช่น การเปิดแอร์ในบ้าน ซึ่งในสภาวะที่อากาศปกติ อุณหภูมิภายนอกจะอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส หากปรับอุณหภูมิแอร์ไว้ที่ 26 องศาเซลเซียส แอร์ก็จะทำงานน้อยกว่า เพราะอุณหภูมิในห้องกับภายนอกจะต่างกันเพียง 4 องศาเซลเซียส แต่หากเป็นหน้าร้อนที่มีอุณหภูมิภายนอกสูงขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 36-40 องศาเซลเซียส โดยที่ตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้เท่าเดิมที่ 26 องศาเซลเซียส ซึ่งมีอุณหภูมิต่างกันถึง 14 องศาเซลเซียล อีกทั้งการปรับลดอุณหภูมิ 1 องศาเซลเซียส ทำให้ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 10% จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นและค่าไฟฟ้าสูงขึ้นช่วงหน้าร้อนนั่นเอง
ค่าไฟแพง ร้องเรียนที่ไหนได้บ้าง ?
ภาพจาก : KenSoftTH / shutterstock.com
ทั้งนี้ เมื่อลองคำนวณดูแล้วพบค่าไฟแพงผิดปกติ หรือมีข้อสงสัยอื่น ๆ เกี่ยวกับเรื่องค่าไฟฟ้า สามารถร้องเรียนไปยังการไฟฟ้าในพื้นที่ ดังนี้
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล แจ้งเรื่องผ่านการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เว็บไซต์ http://www.mea.or.th และ Call Center เบอร์โทรศัพท์ 1130
- จังหวัดอื่น ๆ แจ้งเรื่องผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เว็บไซต์ https://complaint.pea.co.th และ Call Center เบอร์โทรศัพท์ 1129
หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ โดยจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงประกอบกับประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง หากพบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากระบบของการไฟฟ้าฯ ก็จะจ่ายชดเชยให้
จริง ๆ แล้วบิลค่าไฟไม่ได้บอกแค่ค่าไฟที่ต้องชำระในแต่ละเดือนเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ บอกไว้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการไฟฟ้า รวมถึงประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้เบื้องต้น ทั้งนี้ หากลองคำนวณด้วยตัวเองเบื้องต้นแล้วพบความผิดปกติ สามารถแจ้งหรือร้องเรียนไปยังการไฟฟ้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบได้เลย
เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับค่าไฟ :
ขอบคุณข้อมูลจาก : pea.co.th (1) (2), mea.or.th (1) (2) (3), เฟซบุ๊ก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA และ เฟซบุ๊ก สำนักงาน กกพ.