x close

5 สายพันธุ์หญ้าปูสนาม พร้อมวิธีดูแลหญ้าให้เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี

ทำความรู้จักหญ้าปูสนามยอดฮิต จาก 5 สายพันธุ์หญ้า พร้อมวิธีการปลูกและการดูแลหญ้าให้สวยตลอดทั้งปี ใครอยากมีสนามหญ้าสวย ๆ ห้ามพลาดเลย

สายพันธุ์หญ้า

บ้านไหนที่รักการจัดสวนต้องการมีพื้นที่สีเขียวให้ได้ผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จะปลูกต้นไม้หรือดอกไม้อย่างเดียวก็คงไม่พอ ลองตกแต่งสวนสวย ๆ ด้วยการปูหญ้าดูค่ะ เพราะเป็นหนึ่งในพืชคลุมดินที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความสวยงามให้กับสวนของคุณ แต่คิดทำสนามหญ้าทั้งทีก็ต้องรู้จักกับสายพันธุ์ของหญ้าที่จะนำมาปูสนามหรือใช้ตกแต่งสวนกันก่อน เพราะหญ้าแต่ละสายพันธุ์ก็มีลักษณะ การปลูกและการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไป วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกคนไปลุยสนามหญ้า เพื่อดู 5 สายพันธุ์หญ้าปูสนามยอดฮิต วิธีเลือกชนิดหญ้า วิธีปลูกหญ้าและการดูแลรักษาสนามหญ้าด้วย

สายพันธุ์หญ้าปูสนาม

หญ้า เป็นพืชล้มลุกที่สามารถขึ้นปกคลุมพื้นผิวของดิน มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งในประเทศมีสายพันธุ์หญ้าที่นิยมปลูกเพื่อใช้ปูสนามจัดสวน ดังนี้

1. หญ้าไทเป

สายพันธุ์หญ้า

หญ้าไทเป หรือหญ้ามาเลเซียแคระ (Broadleaf Carpet Grass) ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับหญ้ามาเลเซียมาก จนบางครั้งมองผิวเผินแทบแยกไม่ออกเลยทีเดียว มีความสูงตั้งแต่ 4-30 ซม. ลำต้นกลวง มีข้อปล้องชัดและสั้นกว่าหญ้ามาเลเซีย และจะเลื้อยอยู่ใต้ดิน โผล่ขึ้นมาแค่ใบเท่านั้น โดยใบแผ่ไปด้านข้างเกือบขนานกับพื้นดิน ทำให้ไม่ต้องตัดแต่งบ่อย ๆ  

การขยายพันธุ์หญ้าไทเป นิยมใช้วิธีปลูกแยกต้น โดยปลูกได้ทั้งกลางแจ้งและในร่ม สามารถปลูกได้ทุกสภาพดิน รวมถึงดินเหนียวที่มีน้ำขังและตะไคร่ขึ้นเกาะ ยกเว้นดินเค็มและดินเปรี้ยว ชอบน้ำปานกลาง นอกจากนี้หญ้าไทเปจะมีอัตราการแผ่ปกคลุมช้ากว่า แต่เมื่อขึ้นปกคลุมพื้นที่ก็จะมีความหนาแน่นทึบจนทำให้วัชพืชไม่สามารถขึ้นแทรกได้

หญ้าไทเป หากปลูกในพื้นที่ร่มจะให้สัมผัสไม่นุ่มเรียบเหมือนหญ้าชนิดอื่น ๆ เนื่องจากมีข้อปล้องที่อัดแน่นและกระจุกตัวไม่เรียบ แต่ถ้าปลูกกลางแจ้งหรือในพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึงจะให้สัมผัสขณะเหยียบที่นุ่มกว่า จึงเหมาะสำหรับปลูกใช้ทำเป็นลานหน้าบ้าน และที่สำคัญสามารถปลูกไว้นานหลายปีได้โดยที่ไม่ต้องตัดหญ้าบ่อย ๆ และไม่ต้องการการดูแลมากด้วย

2. หญ้าญี่ปุ่น

สายพันธุ์หญ้า

หญ้าญี่ปุ่น (Japanese Lawn Grass) ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Zoysia Japonica steud. มีถิ่นกำเนิดจากแถบตอนเหนือของประเทศจีนและคาบสมุทรเกาหลี แบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ชนิดใบกว้าง และชนิดใบกลม ซึ่งชนิดหลังจะเป็นชนิดที่มีใบเล็กและละเอียดกว่า ทำให้เป็นที่นิยมปลูกในประเทศไทย ลักษณะลำต้นตั้งแข็งทั้งบนดินและใต้ดิน เลื้อยแผ่ไปตามหน้าดิน ใบสีเขียวเข้ม มีความละเอียด ปลายใบแข็งและกระด้าง เวลาสัมผัสจะระคายผิวหนัง ขอบใบเรียบไม่มีขน และออกดอกเป็นช่อสั้น

การขยายพันธุ์หญ้าญี่ปุ่น นิยมใช้ส่วนต่าง ๆ ของต้นในการปลูก เช่น ปลูกแยกต้น ปลูกเป็นกระจุก และการปูเป็นแผ่น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถปลูกด้วยวิธีเพาะเมล็ดได้ด้วย แต่ไม่เป็นที่นิยมเพราะโตช้า ปลูกได้ดีในดินเหนียว ต้องการน้ำมาก แต่ไม่ชอบที่ชื้นหรือแฉะ ชอบแสงแดดจัด ทนต่ออากาศร้อนและแห้งแล้งได้ดี ทนต่อการเหยียบย่ำพอสมควร และไม่ค่อยยืดหยุ่นตัว

หญ้าญี่ปุ่น เป็นสายพันธุ์หญ้าที่เจริญเติบโตช้า แต่เมื่อขึ้นแล้วจะหนาแน่นมาก จำเป็นต้องมีการตัดแต่งให้สั้นอยู่เสมอ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้ยาวเกินไปหรือปล่อยทิ้งรกร้างนาน ๆ เพราะจะเป็นกระจุกแข็ง ทำให้ต้องใช้กำลังในการตัดมาก เหมาะสำหรับการปลูกเป็นสวนหย่อมที่ต้องมีการตัดแต่งดูแลอยู่เสมอ

3. หญ้านวลน้อย

สายพันธุ์หญ้า

หญ้านวลน้อย (Manila Grass) ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Zoysia  matrella (L.) Merr. var. matrella เป็นหญ้าพันธุ์พื้นเมืองของไทยที่นิยมปลูกมากที่สุด ลักษณะลำต้นตั้งและแข็งแรง มีลำต้นใต้ดินมาก ปล้องสั้นและยืดหยุ่นได้ดี ใบสีเขียวอ่อน ขนาดกลาง คล้ายหญ้าญี่ปุ่น แต่ใบกว้างกว่า ไม่แข็งกระด้าง ไม่ระคายผิวหนัง และยืดหยุ่นดี ออกดอกเป็นช่อค่อนข้างยาว

การขยายพันธุ์หญ้านวลน้อย นิยมใช้ลำต้นปลูก เพราะขยายพันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่นิยมเพาะเมล็ด เพราะเป็นหญ้าที่มีเมล็ดน้อย สามารถขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี และทนต่ออากาศร้อนและแห้งแล้งหรือน้ำท่วมขังแฉะได้เป็นครั้งคราว ชอบขึ้นในที่กลางแจ้งหรือในที่ร่มที่มีแสงแดดส่องถึงบ้าง ต้องการน้ำปานกลางแต่ควรรดอย่างสม่ำเสมอ ทนต่อการเหยียบย่ำได้ดี นอกจากนี้ยังดูแลง่ายกว่าหญ้าสายพันธุ์อื่น ๆ

หญ้านวลน้อย เป็นหญ้าที่ตัดตกแต่งได้ง่าย เมื่อตัดให้สั้นได้ความยาวที่พอเหมาะจะเป็นเหมือนพรม นอกจากนี้ลำต้นยังแตกกอคลุมหน้าดินได้รวดเร็ว จึงเหมาะสำหรับใช้ปูสนามหญ้าทั่วไป เช่น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สถานที่ราชการ สวนหย่อมในบริเวณบ้าน โรงแรม สวนอาหาร บริษัทห้างร้านใหญ่ ๆ และในสนามกอล์ฟ เป็นต้น รวมถึงใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดิน ป้องกันการกัดเซาะหน้าดินได้ด้วย

4. หญ้ามาเลเซีย

สายพันธุ์หญ้า

หญ้ามาเลเซีย หรือหญ้ามาเลย์ (Tropical Carpet) ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Axonopus compressus (Sw.) P.Beauv. ลักษณะเป็นไม้ล้มลุก มีความสูงตั้งแต่ 4-30 ซม. ลำต้นกลวง มีข้อปล้องชัด ใบเดี่ยวสีเขียวเข้ม กว้าง 1-2 ซม. แผ่นใบเรียบเรียวยาว ปลายแหลม โคนสอบ ขอบใบหยักเป็นคลื่น ออกดอกเป็นช่อ มีดอกย่อย 3-5 ดอก

หญ้ามาเลเซีย เป็นหญ้าที่มีใบใหญ่ที่สุดในกลุ่มของหญ้าปูสนาม นิยมขยายพันธุ์โดยการแยกกอ มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกสภาพ โดยเฉพาะดินร่วน ต้องการน้ำมาก แต่ไม่ถูกกับน้ำขัง ชอบที่ร่ม แสงแดดน้อย หรือที่ที่มีแสงแดดรำไร ไม่ทนต่อการเหยียบย่ำ นิยมใช้เป็นหญ้าคุมดินในสวนได้ดี เพราะมีความหนาแน่นสูง เหมาะที่จะปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่หรือใต้ชายคาบ้านเพราะต้องการแสงแดดน้อย แต่ก็ปลูกกลางแจ้งได้ โดยต้องให้น้ำในปริมาณมากเป็นพิเศษ

5. หญ้าเบอร์มิวด้า

สายพันธุ์หญ้า

หญ้าเบอร์มิวด้า หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ หญ้าแพรก (Bermuda Grass) ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Cynodon dactylon (L.) Pers. ลักษณะลำต้นค่อนข้างแบนเล็ก แตกกิ่งก้านสาขาปกคลุมดิน ใบสีเขียวเข้ม ออกเป็นกระจุกตามข้อของลำต้น เป็นรูปใบหอกบางเรียว ปลายแหลม โคนใบมีขนเล็ก ๆ สีขาวก่อนถึงส่วนที่หุ้มรอบข้อ เนื้อใบค่อนข้างหยาบ ออกดอกเป็นช่อสามเหลี่ยม และมีดอกย่อยอยู่ 4-5 แขนง

การขยายพันธุ์หญ้าเบอร์มิวด้า นิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ด กิ่ง ราก และแตกลำต้นไปตามพื้นดิน อีกทั้งยังสามารถใช้วิธีแซะต้นหญ้าจากริมถนนไปปลูกเป็นกระจุก ๆ ก็ได้ หญ้าชนิดนี้เจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ต้องการความชื้นในปริมาณค่อนข้างมาก และจำเป็นต้องมีการตัดแต่งให้สั้นอยู่เสมอ เพราะโตเร็วจนอาจจะกลายเป็นวัชพืชในแปลงต้นไม้พุ่ม ดอกไม้ หรือแทรกตัวโตขึ้นตามถนนที่มีรอยแยกได้

หญ้าเบอร์มิวด้า เป็นหญ้าที่มีความสม่ำเสมอ สามารถเจริญเติบโตในสภาพแห้งแล้งและขาดน้ำ ทนต่อสภาพดินที่เป็นกรด-ด่างได้ดี ทนการเหยียบย่ำได้ ตัดสั้นได้ดีมาก จึงมักใช้ปลูกเป็นสนามหญ้าทั่ว ๆ ไป เช่น สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล สนามรักบี้ ในสวนสาธารณะ ปลูกตามขอบถนน สนามเด็กเล่น ปลูกเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ หรือปลูกในพื้นที่กว้าง ๆ รวมถึงการปลูกปกคลุมดินป้องกันไม่ให้เกิดการพังทลายของดินด้วย

วิธีเลือกสายพันธุ์หญ้าให้เหมาะกับบ้าน

หลังจากได้รู้จักสายพันธุ์หญ้าที่นิยมปลูกกันแล้ว จะเลือกหญ้าชนิดไหนมาปลูกให้เหมาะกับบ้านและการใช้งานดี เรามีหลักและแนวทางในการพิจารณาง่าย ๆ มาฝากกัน ดังนี้

  • ความเหมาะสมของบริเวณพื้นที่ : ควรพิจารณาว่าจะปลูกหญ้าหรือทำสนามหญ้าบริเวณใดของบ้าน เพราะแต่ละพื้นที่จะมีการรับแสงแดดและมีน้ำชื้นแฉะที่แตกต่างกัน เช่น หน้าบ้าน ข้างบ้าน เป็นพื้นที่กว้าง หรือมุมเล็ก ๆ ในสวน เพราะหญ้าบางชนิดชอบแดดจัด และบางชนิดก็โตเร็วเมื่ออยู่ในที่ร่ม  
  • การดูแลรักษา : เนื่องจากหญ้าแต่ละสายพันธุ์ต่างก็มีการดูแลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอนว่าหญ้าทุกชนิดจำเป็นต้องมีการตัดแต่งให้สวยงาม สั้นเตียน ไม่รกแข็ง  
  • จุดประสงค์ของการใช้งาน : พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าสวนของคุณมีจุดประสงค์เพื่ออะไร ถ้าปูสนามหญ้าเพื่อให้เด็ก ๆ วิ่งเล่นได้ ควรเลือกสายพันธุ์ที่ทนต่อการเหยียบย่ำได้ดี หรือถ้าเป็นครอบครัวที่ชื่นชอบการนั่งปิกนิกในสวน ควรเลือกสายพันธุ์ที่อ่อนนุ่ม นั่งแล้วไม่แข็งระคายผิว เป็นต้น
วิธีปลูกหญ้า
สายพันธุ์หญ้า

การปลูกหญ้ามีหลายวิธี ซึ่งก็แล้วแต่ความสะดวก ความพอใจ และความต้องการของผู้จะปลูก ตลอดจนเงินทุนในการเตรียมดิน ค่าพันธุ์หญ้า และอื่น ๆ การปลูกหญ้าโดยทั่วไปมี 5 วิธี ดังนี้

  • การปลูกโดยใช้เมล็ด : วิธีนี้นิยมใช้กันมากในต่างประเทศ เพราะสะดวกและง่ายกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ต้องใช้การดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องการเตรียมดิน และการปราบวัชพืชและศัตรูพืชในดิน แต่สำหรับในประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว โดยวิธีการคือ เตรียมดินที่จะปลูก รดน้ำให้ชุ่มชื้น และใช้เมล็ดหญ้าที่มีขนาดเล็กผสมกับทรายแล้วหว่าน หลังจากหว่านหญ้าเรียบร้อยแล้วใช้ขี้เลื่อยหว่านกลบ หรือใช้ลูกกลิ้งขนาดเบา ๆ กลิ้งทับต้นหญ้า ในระยะแรกไม่ควรรดน้ำ นอกจากดินจะแห้งจริง ๆ ค่อยรดน้ำ
  • การปลูกโดยใช้แผ่นหญ้า : วิธีนี้จะใช้หญ้าตัดเป็นแผ่น ๆ มีขนาดกว้าง-ยาวด้านละ 50 เซนติเมตร เป็นวิธีที่ทำได้รวดเร็ว แต่จะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก รวมถึงจำเป็นต้องมีการเตรียมดินที่ดีด้วย เหมาะสำหรับการปลูกพันธุ์หญ้านวลน้อย หญ้าญี่ปุ่น และหญ้ามาเลเซีย โดยวิธีการคือ หลังจากเตรียมดินเรียบร้อยแล้ว ต้องเกลี่ยดินให้ต่ำกว่าระดับที่ต้องการเล็กน้อย จากนั้นก็ปูหญ้าลงไปเลย โดยสามารถเลือกปูได้ทั้งแบบชิดติดกันและแบบห่างออกจากกันเล็กน้อย หลังจากปูเสร็จสามารถใช้ลูกกลิ้งที่มีน้ำหนักเบา ๆ กลิ้งทับเพื่อกดหญ้าให้ติดแน่น รวมถึงควรปูแบบสลับกันแบบก่ออิฐ เพื่อกันน้ำเซาะทำให้ดินพังทลาย และเมื่อปูหญ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องรดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • การปลูกแบบหว่าน : เป็นวิธีที่สิ้นเปลืองน้อย แต่ใช้เวลานาน เพราะเป็นวิธีที่ใช้ส่วนของลำต้นที่เรียกว่า ไหล (Stolon) ปลูก เหมาะสำหรับการปลูกพันธุ์หญ้าเบอร์มิวด้า หญ้านวลน้อย หญ้านวลจันทร์ และหญ้าแพรก โดยวิธีการคือ เตรียมดินแล้วรดน้ำให้ดินชุ่มชื้น ใช้ดินเลนจากท้องร่องมาละเลงบนสนามให้ทั่ว นำไหลที่ปล่อยให้ยาวและตัดส่วนยอดที่มีข้อมาแช่น้ำ แยกออกเป็นต้น ๆ จากนั้นนำไปหว่านลงในเลน ใช้ไม้ยาว ๆ กดต้นให้ติดกับเลน และต้องคอยรดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • การปลูกหญ้าโดยใช้ท่อนหญ้า (Sprigging) : เหมาะสำหรับการปลูกพันธุ์หญ้านวลน้อย หญ้ามาเลเซีย หญ้าเบอร์มิวด้า หรือหญ้าที่จะนำไปปูสนามใหญ่ ๆ เพราะการปูพรมจะลงทุนสูงมาก และควรใช้กับหญ้าที่เจริญเติบโตในแนวนอน โดยวิธีการคือ เตรียมดินที่จะปลูก รดน้ำให้ชุ่มชื้น จากนั้นนำเลนจากท้องร่องมาฉาบบนดินพอประมาณ เพื่อให้รากยึดดินได้ดี ตัดหญ้าจากแผ่นใหญ่ที่ซื้อมาให้เป็นแผ่นเล็ก กว้าง-ยาวประมาณ 2-3 นิ้ว นำไปจุ่มน้ำให้ชุ่มก่อน จากนั้นนำแผ่นหญ้าไปกองในเลน กดให้รากจมเลนให้แน่นติดดิน และหมั่นรดน้ำให้ชุ่มชื้นเสมอ
  • การปลูกแบบแยกต้น หรือการปักดำเป็นแถว : วิธีนี้จะใช้ไหลปลูก เป็นวิธีที่ไม่สิ้นเปลือง เหมาะสำหรับคนที่มีพันธุ์หญ้าจำกัด แต่จะใช้เวลาในการปลูกนานกว่าหญ้าจะขึ้นเต็มพื้นที่ เหมาะสำหรับการปลูกพันธุ์หญ้านวลน้อย หญ้านวลจันทร์ และหญ้าแพรก โดยวิธีการคือ หลังจากปรับพื้นที่เรียบร้อยแล้วให้รดน้ำจนชุ่ม ใช้ดินเลนจากท้องร่องมาละเลงสนามที่จะปลูกให้ทั่ว ๆ และทำเป็นร่องแถวยาว ๆ เว้นระยะห่างพอประมาณ จากนั้นนำหญ้ามาฉีกเป็นกอเล็ก ๆ และนำไปวางในร่องที่ขุดไว้ กลบให้แน่น รดน้ำให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ และต้องหมั่นคอยถอนวัชพืชอยู่เสมอด้วย
วิธีดูแลหญ้าให้สวยตลอดทั้งปี
สายพันธุ์หญ้า

เมื่อปลูกหญ้าเสร็จเรียบร้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลหญ้าให้สวยอยู่เสมอคือ การรดน้ำ ควรรดในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่มีแสงแดดอ่อน ๆ อากาศไม่ร้อนจัด เพราะหากอากาศร้อน รากของหญ้าจะขาดอากาศ ไม่สามารถดูดน้ำเข้าไปเลี้ยงลำต้นได้ จนส่งผลให้หญ้าตายได้ โดยความถี่ในการรดน้ำขึ้นอยู่กับความชุ่มชื้นของดิน ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวหรือฤดูแล้ง ดินขาดความชุ่มชื้น อาจรดน้ำวันละครั้ง แต่หากช่วงที่ดินชื้นสามารถเว้นวันรดน้ำได้

นอกจากนี้การตัดหญ้าจะช่วยให้หญ้าขึ้นแน่น สวยงาม โดยอาจตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์/ครั้ง และหากเป็นช่วงฤดูฝนที่หญ้าจะเจริญเติบโตไวมากกว่าปกติ สามารถตัดสัปดาห์ละ 1 ครั้งได้ ทั้งนี้ สำหรับความสูงที่เหมาะสมของหญ้าแต่ละสายพันธุ์คือ หญ้าญี่ปุ่น หญ้าเบอร์มิวด้า และหญ้านวลน้อย ให้ความสูงอยู่ที่ 0.5-1 นิ้ว ส่วนหญ้ามาเลเซีย ให้ความสูงอยู่ที่ 1-2 นิ้ว

ใครที่อยากมีสนามหญ้าสวย ๆ เอาไว้นั่งเล่นนอนเอนกายพักผ่อนในบ้าน ลองดูสายพันธุ์หญ้าที่เรานำมาฝากกัน แล้วเลือกปลูกให้ตรงกับความชอบและการใช้งานได้เลยค่ะ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
5 สายพันธุ์หญ้าปูสนาม พร้อมวิธีดูแลหญ้าให้เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี อัปเดตล่าสุด 23 พฤษภาคม 2565 เวลา 17:23:30 135,548 อ่าน
TOP