11 ไม้เลื้อยดอกหอม นิยมปลูกทำซุ้ม สีสวย ช่วยบังแดดได้

รวมสายพันธุ์ไม้เลื้อยดอกหอมสวย ๆ ที่นิยมปลูกแต่งรั้วแต่งประตู ทำซุ้มสวยบังแดด อยากมีสวนไม้เลื้อยสวย ๆ ที่บ้านบ้าง ตามไปดูลิสต์ไม้เลื้อยไว้จัดสวนเองกันเลย

ไม้เลื้อยดอกหอม

มาเติมสีสันและกลิ่นหอมให้กับบ้านและสวนง่าย ๆ ด้วย 11 ไม้เลื้อยดอกหอมที่เหมาะสำหรับแต่งรั้วแต่งประตู ปลูกในกระถาง ปลูกทำซุ้มบังแดด ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้กลิ่นหอมสดชื่น เติมชีวิตชีวาให้กับบ้าน

1. สร้อยฟ้า

สร้อยฟ้า

  • ลักษณะ : สร้อยฟ้า (Passion Flower) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Passiflorax alato-caerulea ลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ เลื้อยได้ไกลถึง 10 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวรูปนิ้วมือ ปลายใบแหลมโคนใบเว้น แผ่นใบหนาสีเขียว ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ ขอบดอกเป็นเส้นพริ้ว ดอกบานจะมีสีม่วงคราม มีกลิ่นหอมแรง ดอกมักบานตอนเช้าและหุบในตอนเย็น
  • วิธีปลูก : ปลูกด้วยเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง และตอนกิ่ง ชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดเต็มวัน เหมาะทำซุ้มไม้เลื้อย ปลูกลงกระถางปักหลักให้เลื้อย
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกตลอดปี

2. สายหยุด

สายหยุด

  • ลักษณะ : สายหยุด (Chinese Desmos) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Desmos chinensis Lour. ลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อย เลื้อยได้ไกลประมาณ 5 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ใบเป็นรูปหอกปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ดอกออกเดี่ยวตามซอกใบ ลักษณะเป็นรูปคล้ายทรงกระบอกคล้ายดอกจำปี ดอกยังไม่บานมีสีเขียว พอบานดอกมีสีเหลืองมีกลิ่นหอม ปลายกลีบดอกโค้งงอเข้าหากัน มีความบิดงอเล็กน้อย และบานอยู่ได้นาน
  • วิธีปลูก : ปลูกด้วยเมล็ดและการตอนกิ่ง ปลูกได้ในดินร่วน ไม่ชอบน้ำขัง ชอบความชื้นปานกลางและแสงแดดแบบเต็มวัน นิยมปลูกเป็นไม้ซุ้มบังแดดหรือลงกระถางหาหลักให้พัน รวมทั้งปลูกเลื้อยบนกำแพงเป็นรั้วสวยงาม
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม

3. เล็บมือนาง

เล็บมือนาง

  • ลักษณะ : เล็บมือนาง (Rangoon Creeper) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Combretum indicum (L.)  เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 10 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวมีลักษณะเรียวยาวคล้ายรูปวงรี แตกใบออกตรงข้ามกันเป็นคู่ขนานหนาทึบ ออกดอกเป็นช่อใน 1 ช่อ จะมี 10-20 ดอก ถ้าดอกเริ่มบานจะมีสีขาวหรือชมพูอ่อน แต่ถ้าบานเต็มที่จะเป็นสีชมพูเข้ม และเมื่อใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ดอกมีกลิ่นหอมแรงโดยเฉพาะช่วงค่ำ
  • วิธีปลูก : ปลูกด้วยการตอนกิ่งหรือวิธีการปักชำ โดยนำมาปลูกลงในดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย ชอบแสงแดดทั้งวัน ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง เป็นพืชที่ไม่มีค่อยมีโรคแต่อาจจะมีเพลี้ยไฟให้เห็นบ้าง สามารถปลูกเป็นไม้เลื้อยประตูหรือกำแพง ไม้พุ่มให้ร่มเงา หรือทำเป็นซุ้มบังแดด
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์

4. ราชาวดี

ราชาวดี

  • ลักษณะ : ราชาวดี หรือหางกระรอกเขมร (Butterfly Bush) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Buddleja Paniculata Wall. ลักษณะเป็นไม้เลื้อยขนาดกลาง ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปไข่ปลายใบแหลมขอบใบหยักมน ใบสีเขียว ดอกมีสีขาวหรือสีม่วงหรือสีอื่น ๆ ตามสายพันธุ์ ดอกมีขนาดเล็กออกเป็นช่อยาวประมาณ 3 นิ้ว กลิ่นหอมแรงโดยเฉพาะตอนดึก
  • วิธีปลูก : ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำ และตอนกิ่ง ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดเต็มวัน ชอบน้ำปานกลาง ทนแล้ง ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน เหมาะปลูกในกระถางปักหลักและผูกยึดต้นให้ตั้งตรง 
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกตลอดปี

5. ชมนาด

ชมนาด

  • ลักษณะ : ชมนาด (Bread Flower) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vallaris glabra (L.) Kuntze ลักษณะเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดกลาง เลื้อยได้ไกลประมาณ 6 เมตร มีน้ำยางสีขาวมีสรรพคุณทางยา ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเป็นคลื่น ผิวใบเป็นมัน ดอกออกเป็นช่อกระจุกสีขาว กลิ่นหอมแรงโดยเฉพาะช่วงค่ำ ดอกใช้ทำเครื่องหอมหรืออบแป้งร่ำ
  • วิธีปลูก : ปลูกด้วยเมล็ด ปักชำ และตอนกิ่ง ปลูกได้ในดินทุกชนิด ชอบความชื้นปานกลาง ชอบน้ำปานกลาง ชอบแสงแดดจัดเต็มวัน ทนสภาพแห้งแล้งได้ดี นิยมทำเป็นซุ้มบังแดด ซุ้มที่นั่งให้ร่มเงา ซุ้มประตู
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน

6. หิรัญญิการ์

หิรัญญิการ์

  • ลักษณะ : หิรัญญิการ์ (Nepal Trumpet) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Beaumontia grandiflora Wall. ลักษณะเป็นไม้เลื้อยใหญ่เนื้อแข็ง เลื้อยได้ไกลถึง 15 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบเป็นรูปรีปลายใบมน โคนใบมนขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่งหรือตามง่ามใบ ดอกตูมมีสีเหลืองอ่อน เมื่อบานจะเปลี่ยนเป็นสีขาว ดอกขนาดใหญ่มีกลิ่นหอมมีลักษณะคล้ายถ้วย
  • วิธีปลูก : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการปักชำกิ่ง ชอบแสงแดดจัด ขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิดโดยเฉพาะดินร่วน ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ไม่ชอบน้ำขัง นิยมนำมาปลูกประดับอาคารสถานที่ สวน และสนาม รวมทั้งทำซุ้มบังแดด
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์

7. สายน้ำผึ้ง

สายน้ำผึ้ง

  • ลักษณะ : สายน้ำผึ้ง (Honeysuckle) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lonicera japonica Thunb. ลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก เลื้อยไปไกลถึง 8 เมตร ลำต้นแข็งและเหนียว ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง เป็นรูปทรงกรวย มีสรรพคุณทางยา ดอกตูมจะมีสีขาว พอบานจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมตอนเย็นจนถึงเช้าก่อนแดดออก
  • วิธีปลูก : ขยายพันธุ์โดยการเพราะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำ ไม่ได้ชอบแดดจัดมาก ต้องการน้ำปานกลาง หากรดมากเกินไปจะทำให้รากเน่าได้ ปลูกได้ในดินทุกชนิด เหมาะปลูกประดับซุ้มประตูหน้าบ้าน เลื้อยบนรั้วบ้าน 
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกตลอดปี

8. มะลิก้านแดง

มะลิก้านแดง

  • ลักษณะ : มะลิก้านแดง หรือพทธชาดก้านแดง (Spanish Jasmine) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Jasminum grandiflorum L. ลักษณะเป็นไม้เลื้อยขนาดกลาง เลื้อยได้ไกลถึง 6 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ไม่มีก้านใบ รูปรี ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวเข้ม ดอกออกที่ปลายช่อ ดอกมีสีขาว 5 กลีบ มีกลิ่นหอมตอนกลางวัน ดอกสกัดทำน้ำหอมได้
  • วิธีปลูก : ปลูกด้วยการปักชำทาบหรือตอนกิ่ง ชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดเต็มวัน นิยมปลูกลงกระถางมีไม้ปักหลัก 
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกตลอดปี

9. พวงวิวาห์

พวงวิวาห์

  • ลักษณะ : พวงแก้วมณี หรือพวงวิวาห์ (Japanese Clematis, Sweet Autumn Clematis) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Clematis Paniculata Thunb. เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 9 เมตร ใบเป็นใบประกอบมีใบย่อย 3-5 ใบ ใบเป็นรูปรีปลายมนสีเขียว ดอกเป็นสีขาวออกเป็นช่อใน 1 ช่อ จะมีหลายดอก ดอกมีกลิ่นหอมแรงโดยเฉพาะตอนเช้า
  • วิธีปลูก : ปลูกด้วยเมล็ดและปักชำกิ่ง ชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดเต็มวัน ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง นิยมปลูกลงกระถางและปักหลักสูง 1 เมตรให้เลื้อย หรือทำเป็นซุ้มไม้เลื้อยบังแดด
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม

10. กุมาริกา

กุมาริกา

  • ลักษณะ : กุมาริกา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Parameria Laevigata (Juss.) Moldenke ลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง เลื้อยได้ไกลถึง 3 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามรูปรี ปลายใบแหลมขอบใบเป็นคลื่น ใบสีเขียวหนา ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่งมีสีขาว ดอกมีกลิ่นหอมแรงในตอนค่ำ ดอกบานได้นานถึง 2 อาทิตย์
  • วิธีปลูก : ปลูกด้วยเมล็ด ปักชำ และตอนกิ่ง ชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดจัดตลอดวัน ชอบน้ำปานกลาง นิยมปลูกเป็นซุ้มประตูหรือปลูกเลื้อยเป็นแนวรั้ว
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์

11. จัสมินใบด่าง

จัสมินใบด่าง

  • ลักษณะ : จัสมินใบด่าง หรือจัสมินออสเตรเลีย หรือแพนโดเรีย (Bower of Beauty) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Pandorea Jasminoides (Lindl.) K.Schum. ลักษณะเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดเล็ก เลื้อยได้ไกลถึง 5 เมตร ใบเป็นใบประกอบขนนก มีใบย่อ 5-9 ใบ โคนใบมน ปลายใบแหลม แผ่นใบเรียบสีเขียวด่างเหลืองหรือครีม ดอกออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบและปลายยอด รูปกรวย โคนดอกเชื่อมกัน 5 กลีบ ดอกมีสีชมพู มีกลิ่นหอม ดอกจะดกช่วงหน้าหนาว
  • วิธีปลูก : ปักชำกิ่งและตอนกิ่ง ชอบดินร่วนปนทราย แสงแดดรำไรเต็มวัน ชอบอากาศค่อนข้างเย็น ชอบน้ำปานกลาง เหมาะปลูกเป็นซุ้มไม้เลื้อยหรือปลูกเป็นไม้เลื้อยกระถาง
  • ฤดูออกดอก : ออกดอกตลอดปี

หากใครที่กำลังมองหาไอเดียจัดสวน อยากให้พิจารณาไม้เลื้อยดอกหอมที่เรานำมาเสนอกันเพราะนอกจากดอกจะมีกลิ่นหอมแล้วยังทนแดด ปลูกเลื้อยบริเวณไหนก็ดูสวยงามทั้งนั้นเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก : data.addrun.org (1), (2), (3), (4), phar.ubu.ac.th, royalparkrajapruek.org, agi.nu.ac.th, panmai.com (1), (2) และ rspg.or.th
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
11 ไม้เลื้อยดอกหอม นิยมปลูกทำซุ้ม สีสวย ช่วยบังแดดได้ อัปเดตล่าสุด 8 ธันวาคม 2565 เวลา 15:51:53 156,993 อ่าน
TOP
x close