ขอติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ราคาเท่าไหร่ มีขั้นตอนในการดำเนินการอย่างไรบ้าง พร้อมวิธีการดูแลรักษา

อย่าเพิ่งติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน ถ้ายังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เพราะอาจทำให้ระบบไฟฟ้าในบ้านมีปัญหาได้ หากใครกำลังอยากติดตั้ง EV Charger หรือ Homecharger แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง วันนี้เรารวมทุกเรื่องมาฝากแล้ว ทั้งราคา เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อนำไปแจ้งการไฟฟ้า รวมถึงวิธีการติดตั้งต่าง ๆ และการทำความสะอาด-ดูแล EV Charger ให้ใช้ทนทานใช้งานได้นาน ๆ
EV Charger ราคาเท่าไหร่

โดยทั่วไปแล้วค่าเครื่องชาร์จหรือ EV Charger ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 75,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น และคุณสมบัติ ส่วนค่าติดตั้งจะอยู่ราว ๆ 5,000 - 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการติดตั้งและระยะการเดินสายไฟ
อย่างไรก็ดี ควรเลือกเครื่องชาร์จที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรอง ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าในบ้านควรปรึกษาช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญก่อนจะดีที่สุด
วิธีขอติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน

1. เช็กระบบไฟฟ้าและสถานที่ติดตั้ง
- ดูข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้า
ตรวจสอบประเภทหัวชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้า (เช่น Type 1, Type 2) และความสามารถในการรับไฟฟ้าของ On-Board Charger เพื่อเลือกเครื่องชาร์จที่เหมาะสม
- เลือกสถานที่ติดตั้ง
ผู้ติดตั้งจะเข้ามาตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านและประเมินความพร้อมในการติดตั้ง ร่วมกันพิจารณาตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้ง EV Charger โดยคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน ระยะห่างจากรถยนต์ และความปลอดภัย (ควรติดตั้งในที่ร่มและกันฝนได้)
- เช็กขนาดมิเตอร์
ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า ตรวจสอบขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าปัจจุบัน (แนะนำให้มีขนาด 30(100)A 1 เฟส หรือ 15(45)A 3 เฟสขึ้นไป หากไม่เพียงพออาจต้องขอเพิ่มขนาด) ดังนี้
-
EV Charger 1 เฟส ขนาด 32 แอมป์ สามารถขอขนาดมิเตอร์เป็น 1 เฟส 30(100) แอมป์
-
EV Charger 3 เฟส ขนาด 32 แอมป์ สามารถขอขนาดมิเตอร์เป็น 3 เฟส 30(100) แอมป์
-
EV Charger 1 เฟส ขนาด 32 แอมป์ ขอติดตั้งมิเตอร์เพิ่มเป็น 1 เฟส 15(45) แอมป์
-
EV Charger 3 เฟส ขนาด 32 แอมป์ ขอติดตั้งมิเตอร์เพิ่มเป็น 3 เฟส 15(45) แอมป์
- ตรวจสอบอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าในบ้าน
-
ขนาดสายไฟเมน ตรวจสอบขนาดสายไฟเมนหลักของบ้านว่าสามารถรองรับการใช้งานเครื่องชาร์จเพิ่มเติมได้หรือไม่
-
เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD/Earth Leakage Circuit Breaker) ตรวจสอบว่ามีติดตั้งหรือไม่ หากไม่มีควรติดตั้งเพื่อความปลอดภัย
-
หลักดิน ควรมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 มม. (5/8 นิ้ว) และยาวไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร
2. ติดต่อผู้จำหน่าย/ผู้ติดตั้ง EV Charger
ควรเลือกผู้จำหน่ายและผู้ติดตั้งที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ นอกจากนี้ควรเลือกเครื่องชาร์จที่เหมาะสมกับการใช้งานและระบบไฟฟ้าในบ้าน สอบถามรายละเอียดการติดตั้ง ค่าใช้จ่าย และระยะเวลาดำเนินการ
3. วิธีขออนุญาตจากการไฟฟ้า
หากขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าปัจจุบันไม่เพียงพอจะต้องดำเนินการขอเพิ่มขนาดมิเตอร์กับการไฟฟ้าในพื้นที่ ผ่านการไฟฟ้านครหลวง (MEA) สำหรับกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ส่วนจังหวัดอื่น ๆ สามารถขออนุญาตผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้ ด้งนี้
- เอกสารที่ต้องใช้
-
สำเนาบัตรประชาชน
-
สำเนาทะเบียนบ้าน
-
เอกสารแสดงสิทธิครอบครองสถานที่ใช้ไฟฟ้า
-
ใบคำขอใช้ไฟฟ้า (รับได้จากการไฟฟ้า)
ในกรณีดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน MEA Easy สามารถยื่นเอกสารออนไลน์ได้ ส่วนขั้นตอนหลังยื่นเอกสารแล้ว ทางการไฟฟ้าจะตรวจสอบ ให้ชำระค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) และทางการไฟฟ้าจะเข้ามาดำเนินการเปลี่ยนหรือเพิ่มขนาดมิเตอร์
4. ติดตั้ง EV Charger
เมื่อระบบไฟฟ้าพร้อม ผู้ติดตั้งจะดำเนินการติดตั้ง EV Charger ตามมาตรฐานความปลอดภัย อาจมีการเดินสายไฟเพิ่มเติม ติดตั้งเบรกเกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ
วิธีดูแล EV Charger

-
หมั่นทำความสะอาดตัวเครื่องภายนอก : โดยใช้ผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องเป็นประจำ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกสะสม
-
ตรวจสอบสายชาร์จและหัวชาร์จอย่างสม่ำเสมอ : เช่น มีรอยแตก รอยหัก ขั้วหลวมหรือไม่ หากพบความเสียหายควรหยุดใช้งานและติดต่อผู้จำหน่ายเพื่อตรวจสอบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ รวมถึงตรวจสอบหัวชาร์จไม่ให้มีสิ่งสกปรกหรือความชื้น
-
หลีกเลี่ยงความชื้นและน้ำ : แม้ว่า EV Charger บางรุ่นจะออกแบบมาให้กันน้ำได้แต่ก็เพียงระดับหนึ่ง ดังนั้น ไม่ควรติดตั้ง EV Charger ในจุดเสี่ยงต่อการโดนน้ำโดยตรง เช่น บริเวณที่น้ำอาจท่วมขัง หรือโดนฝนสาดต่อเนื่อง
-
ใช้ความระมัดระวังในการใช้งาน : ไม่ควรดึงหรือกระชากสายชาร์จแรง ๆ ขณะถอดออกจากตัวรถหรือตัวเครื่องชาร์จ
- จัดเก็บสายชาร์จเมื่อไม่ใช้งานให้เรียบร้อย : พยายามไม่ให้สายพันกันหรือถูกกดทับ ซึ่งอาจทำให้สายไฟเสียหายได้
หากใครกำลังจะติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน ลองตรวจสอบราคาเครื่องและการติดตั้งให้อยู่ในงบประมาณ ที่สำคัญอย่าลืมติดต่อการไฟฟ้าเพื่อขออนุญาตในการติดตั้ง EV Charger เพื่อความปลอดภัย รวมถึงดูแลเครื่องชาร์จอย่างถูกวิธีจะได้ใช้งานได้นาน ๆ ด้วยนะคะ