บ้านและคอนโด ซื้อแบบไหนดีกว่ากัน มาดูข้อเปรียบเทียบระหว่างข้อดี-ข้อเสียของบ้านและคอนโด ก่อนตัดสินใจซื้อกันค่ะ
การมีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองสักแห่ง ถือว่าเป็นความอุ่นใจและเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของคนวัยทำงานที่จะแสดงให้เห็นว่า เริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงชีวิตที่มั่นคงแล้ว และพร้อมที่จะต่อยอดไปสู่การสร้างครอบครัว เพียงแต่ว่าในยุคปัจจุบัน การซื้อที่อยู่อาศัยนั้นมีทางเลือกใหม่ ๆ มาให้เลือกมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ คอนโดมิเนียม ที่ทยอยเปิดตัวกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในเขตเมือง ซึ่งถือว่าคอนโดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมของคนหนุ่มสาววัยเพิ่งสร้างเนื้อสร้างตัว รวมถึงคนทำงานในกรุงเทพมหานครพอ ๆ กับบ้านทีเดียว ดังนั้น เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างบ้านและคอนโดกันสักหน่อย เพื่อช่วยให้การตัดสินใจของคุณง่ายขึ้น ว่าจะเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดดีกว่ากัน
บ้าน
แน่นอนว่าบ้านก็ยังคงเป็นอสังหาริมทรัพย์หลักที่ทุกคนใฝ่ฝันว่าจะต้องมีไว้ในครอบครองสักหลัง ซึ่งการซื้อบ้านนั้นก็มีข้อดีอยู่มากมาย ทั้งพื้นที่ที่กว้างขวางและมีความเป็นส่วนตัว แต่หากถามถึงข้อเสียก็พอมีอยู่บ้างเหมือนกัน ดังนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าว่าข้อดี-ข้อเสียบ้านนั้นมีอะไรบ้าง
ข้อดี
- มีพื้นที่กว้างขวาง
บ้านที่มีบริเวณรอบ ๆ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็ย่อมให้ความรู้สึกปลอดโปร่งมากกว่า รวมทั้งบ้านนั้นมักมีหน้าต่างโดยรอบ ทำให้มีการไหลเวียนถ่ายเทของอากาศที่ดีกว่า จึงไม่รู้สึกอึดอัด ผิดกับห้องคอนโดมิเนียมที่มีหน้าต่างด้านเดียว หรือมีแต่เพียงระเบียง ไม่มีช่องเปิดอีกหนึ่งทางเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของลม เว้นเสียแต่จะเปิดประตูห้องทิ้งไว้ ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อเรื่องความปลอดภัย และสูญเสียความเป็นส่วนตัว
- มีจำนวนห้องมากกว่า
ในบ้านหนึ่งหลังประกอบไปด้วย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว รวมทั้งอาจมีห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร เพิ่มขึ้นมาต่างหากอีกก็ได้
- รองรับจำนวนสมาชิกในบ้านได้มาก
บ้านเป็นหลังย่อมมีพื้นที่กว้างขวางกว่าการอยู่ห้องคอนโด เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกเยอะ ทั้งยังสามารถต่อเติมพื้นที่ให้รองรับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นได้ด้วย
- ออกแบบสภาพแวดล้อมได้อย่างอิสระ
ต้องการสร้างบรรยากาศของบ้านให้เป็นแบบไหน ก็สามารถทำได้ด้วยด้วยขอบเขตของการตกแต่งบ้านที่มีตัวเลือกมากกว่า รวมทั้งการปลูกต้นไม้เพื่อสร้างความร่นรื่นแก่ตัวบ้านก็ย่อมทำได้ด้วย
- ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้หลากหลาย
บ้านมีพื้นที่ที่มีประโยชน์ใช้สอยหลากหลาย เช่น จัดสวน, ปลูกต้นไม้, เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น หรือบางบ้านพื้นที่เยอะหน่อย ก็สามารถวางศาลานั่งเล่น หรือสร้างสระว่ายน้ำเพิ่มได้ (ตามแต่งบประมาณเอื้ออำนวย)
- มีที่จอดรถส่วนตัวภายในบ้าน
เมื่อหาซื้อบ้านในสมัยนี้ จะมาพร้อมกับที่จอดรถอย่างน้อย 1 คันเป็นมาตรฐาน คุณจึงสามารถจอดรถภายในตัวบ้านได้ สอดส่องมองเห็นใกล้หูใกล้ตา ไม่ต้องกลัวหายเหมือนฝากจอดที่ลานจอดรถ
- ซักผ้า-ตากผ้า ได้สะดวก
บ้านมีพื้นที่ให้คุณได้ตากผ้าอย่างเพียงพอ ไม่ต้องเบียดตากที่ระเบียง แถมผ้ายังแห้งและถูกฆ่าเชื้อด้วยแดด ไม่ใช่ด้วยลมเป่าจากคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศทีมักตั้งอยู่ที่ระเบียงห้องอีกด้วย
- เลี้ยงสัตว์ได้
เป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญสำหรับคนรักสัตว์ เนื่องจากหลายคนอยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา การตัดสินใจซื้อบ้านจะทำให้คุณสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ตามต้องการ อีกทั้งยังมีบริเวณรอบบ้านให้สัตว์เลี้ยงได้วิ่งเล่นตามอัธยาศัยด้วย
- มีความเป็นส่วนตัว
อยู่ที่บ้านคุณสามารถดำเนินกิจกรรมบางประการได้อย่างเป็นส่วนตัวกว่า ไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ (ล้างที่บ้านได้ ไม่ต้องไปที่คาร์แคร์) ทำกับข้าว (ทำอาหารหนัก ๆ ควันเยอะ กลิ่นแรงก็ย่อมได้) ซักผ้า (ซักเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ) ฯลฯ
- ไม่ต้องหอบของไกล
การอยู่บ้านทำให้ไม่ต้องขึ้นบันได ไม่ต้องรอลิฟท์เพื่อขึ้นไปหลาย ๆ ชั้นกว่าจะถึงห้องพัก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมสะดวกต่อคุณมากกว่าในกรณีซื้อของชิ้นใหญ่เข้าบ้าน หรือหิ้วของพะรุงพะรัง
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง โดยแปรผันตามทำเลที่ตั้ง
เนื่องจากมีเนื้อที่เยอะ บ้านจึงมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งราคาของบ้านนั้นจะแปรผันไปตามทำเลที่ตั้ง เพราะที่ดินแต่ละเขตมีมูลค่าต่างกัน ดังนั้นหากต้องการบ้านที่อยู่ในเขตเมืองซึ่งเดินทางสะดวก อาจยิ่งทำให้มีราคาแพง
- เดินทางลำบาก
ส่วนใหญ่บ้านที่ขายกันอยู่ในปัจุบันมักมีทำเลที่อยู่ค่อนข้างห่างจากตัวเมืองเนื่องด้วยข้อจำกัดทางพื้นที่ จึงทำให้การเดินทางไม่ค่อยสะดวกนัก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว นอกจากนี้เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนยังต้องเผื่อเวลามากกว่าผู้ที่อยู่ในเมือง หรืออยู่ใกล้การขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟลอยฟ้าหรือรถไฟใต้ดินด้วย
- ดูแลรักษายาก ค่าบำรุงรักษาเยอะ
เนื่องจากบ้านมีบริเวณที่ค่อนข้างกว้างจึงทำให้มีเรื่องจุกจิกในการบำรุงรักษาเยอะขึ้น มีทั้งพื้นที่ในบ้านที่ต้องปัดกวาดเช็ดถู รวมไปถึงพื้นที่นอกบ้าน ทั้งต้นไม้ สนามหญ้า ฯลฯ ที่จำเป็นต้องรักษาให้อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน ป้องกันบ้านโทรม และอาจกลายเป็นที่อยู่ของสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์ จึงอาจทำให้เหนื่อยกับการดูแล แถมยังต้องเสียค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกด้วย
- มีเรื่องความปลอดภัยให้กังวล
หากต้องเดินทางหรือค้างคืนนอกบ้าน ผู้เป็นเจ้าของบ้านมักรู้สึกเป็นกังวลมากกว่าเจ้าของห้องคอนโด เนื่องจากบ้านนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในหมู่บ้านที่เงียบสงบ หรืออยู่ในทำเลที่เปลี่ยว ซึ่งเจ้าของบ้านอาจเป็นกังวลว่ารปภ.จะดูแลไม่ทั่วถึง ต่างจากคอนโดที่มีคนพลุกพล่าน และส่วนใหญ่มักมีกล้องวงจรอยู่ทุกชั้น
- มีโอกาสได้รับผลกระทบหากเกิดน้ำท่วม
หลังจากเกิดเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย หมู่บ้านหลายแห่งในเขตชานเมือง กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมขัง ซึ่งทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมากต่อตัวบ้านและของใช้ในบ้าน
คอนโด
คอนโดมิเนียมคืออสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในยุคนี้ เนื่องด้วยราคาบ้านที่ค่อย ๆ ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คอนโดกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่หลายคนสนใจ ซึ่งแน่นอนว่าจุดเด่นของคอนโดมิเนียมคือความสะดวกสบายในการเดินทาง แต่ข้อเสียของคอนโดเองก็มีเหมือนกัน ดังนั้นเราไปดูข้อดีข้อเสียคอนโดมิเนียมกันเลยจ้า
ข้อดี
- ราคาย่อมเยา
เนื่องจากคอนโดเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีพื้นที่ไม่มากนัก จึงทำให้ราคาย่อมเยากว่าบ้าน ซึ่งเหมาะสำหรับวัยทำงานที่เพิ่งเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว แต่อยากจะมีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองสักแห่ง ที่สามารถซื้อได้แบบไม่กระทบกับรายจ่ายมากจนเกินไป
- มักอยู่ในจุดที่เดินทางสะดวก
คอนโดส่วนใหญ่มีจุดเด่นอยู่ที่การเดินทางสะดวกสบาย เพราะมักอยู่ใกล้ถนนใหญ่, รถไฟลอยฟ้า หรือ รถไฟฟ้าใต้ดิน แทบทั้งนั้น จึงทำให้คอนโดเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองมากกว่า
- ดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย
ในการทำความสะอาดคอนโดที่มีพื้นที่น้อย สามารถทำความสะอาดเพียง รอบห้องพัก ห้องน้ำ และระเบียง ก็เพียงพอ โดยที่ไม่ต้องทำความสะอาดรอบบริเวณเหมือนการอยู่บ้าน ทำให้เหนื่อยน้อยลง
- มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาไม่มาก
เพราะพื้นที่น้อยจึงทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาไม่มากนัก เนื่องจากพื้นที่นอกห้องส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งมีการบำรุงรักษาจากนิติบุคคลอยู่แล้ว เจ้าของห้องจึงมีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ดูแลรักษาภายในห้องเท่านั้น
- มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของคอนโดก็คือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ทั้งฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, สนามกีฬา, ลานจอดรถ, และร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ซึ่งทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องเดินทางออกไปทำกิจกรรมไกลจากที่พักมากนัก
- เป็นแหล่งลงทุนที่ดี
เมื่อความต้องการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมมีสูง จึงทำให้คอนโดเป็นอีกหนึ่งอสังหาริมทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้เพื่อปล่อยให้เช่า หรือ เพื่อปล่อยขายทำกำไร ซึ่งสามารถแยกได้เป็นการขายทั้งห้องหลังจากตกแต่งเสร็จแล้ว ขายดาวน์ หรือขายแค่ใบจองห้อง ก็สามารถทำกำไรให้นักลงทุนได้ทั้งสิ้น
- ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
สิ่งสำคัญที่ทำให้คอนโดกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ ปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะคอนโดได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมค่อนข้างน้อย เนื่องจากห้องพักอยู่สูง จึงไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมให้ห้องพักเสียหาย จะมีก็แต่ความเสียหายของพื้นที่ส่วนกลาง ที่อาจมีค่าใช้จ่ายค่าส่วนกลางในการบำรุงรักษา แต่ก็ยังเป็นค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการซ่อมแซมบ้านทั้งหลังที่ถูกน้ำท่วม อีกทั้งยังสามารถเก็บไว้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวในยามฉุกเฉิน หากบ้านพักถูกน้ำท่วมได้ด้วย
ข้อเสีย
ข้อเสีย
- มีพื้นที่น้อย
ข้อเสียหลักของคอนโด คือมีพื้นที่น้อย บางห้องไม่มีหน้าต่างหรือระเบียงมากพอที่จะถ่ายเทได้สะดวก ทำให้ผู้อยู่อาศัยอาจรู้สึกอึดอัด ไม่โปร่งโล่งเท่าที่ควร อีกทั้งยังมีพื้นที่จำกัดในการเก็บของต่าง ๆ อีกด้วย
- รองรับจำนวนสมาชิกได้น้อย
เนื่องจากมีพื้นที่น้อย จึงทำให้รองรับจำนวนสมาชิกได้ไม่มากนัก ยิ่งถ้าคอนโดห้องไหนไม่มีการแบ่งห้องนอนเป็นสัดส่วน ก็จะยิ่งทำให้รองรับสมาชิกได้น้อยเข้าไปอีก รวมถึงทำให้ไม่เป็นส่วนตัวในการอยู่ร่วมกันอีกด้วย
- มีกฎเกณฑ์ค่อนข้างเยอะ
การอยู่ร่วมกันกับเพื่อนบ้านจำนวนนับร้อยห้อง ทำให้คอนโดมักตั้งกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันค่อนข้างเยอะ เช่น มีกำหนดเวลาในการให้ช่างมาต่อเติม ซ่อมแซม ติดตั้ง, หรือแม้กระทั่งการรับจดหมาย ก็ยังต้องเป็นการรับต่อจากนิติบุคคลที่จะเซ็นรับเอาไว้ให้ ทำให้หลายคนเป็นกังวลเรื่องของหาย หรือถึงมือช้า เป็นต้น
- ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้
คนรักสัตว์อาจต้องคิดหนักในเรื่องนี้ เนื่องจากการอยู่อาศัยในคอนโดนั้น มักไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้ในห้อง เนื่องจากจะเป็นการรบกวนเพื่อนร่วมคอนโด อีกทั้งยังไม่มีบริเวณมากพอให้สัตว์ได้วิ่งเล่น และขับถ่ายด้วย
- ไม่มีพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้หรือจัดสวน
หลายคนที่ชอบปลูกต้นไม้ หรือหลงรักพื้นที่สีเขียว คงจะไม่ถูกใจการพักอาศัยในคอนโดเท่าไหร่นัก เนื่องจากพื้นที่สีเขียวที่จะสามารถมองเห็นได้นั้น จะเป็นเพียงแค่บริเวณสวนสวยของคอนโดแต่ละแห่งให้นั่งเล่นร่วมกันเท่านั้น แต่คุณไม่สามารถมีสวนสวยส่วนตัว หรือเลือกต้นไม้มาปลูกตามใจชอบได้เลย เนื่องจากห้องพักไม่มีบริเวณมากพอให้ปลูกต้นไม้ เพื่อให้ความสดชื่นนั่นเอง
- การซักผ้า-ตากผ้าไม่ค่อยสะดวก
ปัญหาของผู้อยู่อาศัยในคอนโดอีกหนึ่งเรื่อง คือการซักผ้า ตากผ้า เพราะพื้นที่มีจำกัดทำให้ต้องทยอยซักผ้าและตากผ้าทีละน้อย ๆ ใครที่ซักผ้าด้วยตัวเอง ทั้งซักมือ, ซักด้วยเครื่องซักผ้าส่วนตัว หรือ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ก็อาจต้องเสียทั้งแรง เสียเวลา เสียเงิน และเสียค่าไฟเพิ่มขึ้น และเสี่ยงต่อการหายของเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ด้วย เพราะการตากผ้าในที่สูง ๆ เมื่อลมพัดแรงอาจทำให้ผ้าของคุณปลิวหายไปได้ด้วยล่ะ
- ไม่สามารถประกอบอาหารได้
เรื่องอาหารการกินเป็นสิ่งสำคัญ คอนโดบางแห่งมีกฎในการห้ามประกอบอาหารเพราะเป็นกังวลเรื่องไฟไหม้และกลิ่นรบกวน ทำให้ต้องซื้ออาหารนอกบ้านมารับประทานอย่างจำเจ และอาจไม่ถูกสุขอนามัยอีกด้วย
- ที่จอดรถมีจำกัดและเสี่ยงต่อการสูญหาย
การอยู่อาศัยในคอนโด มักมีพื้นที่สำหรับจอดรถจำนวนจำกัด อีกทั้งลานจอดรถก็อยู่ไกลจากห้องพัก ทำให้เจ้าของรถหลายคนต้องเป็นกังวลในเรื่องการสูญหาย และหากมีการลืมของไว้ในรถ หรือหอบข้าวของพะรุงพะรัง ก็จำเป็นต้องเดินกลับไปกลับมาหลายครั้ง เพื่อขนข้าวของ ซึ่งไม่ค่อยสะดวก
- มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
เนื่องจากการพักอาศัยในคอนโด มีผู้คนหลากหลายสามารถเข้าออกได้ ซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อีกทั้งการโดยสารด้วยลิฟท์ ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาลิฟท์ค้างหรือไฟดับได้ด้วย นอกจากนี้หากเกิดไฟไหม้มาจากห้องใดห้องหนึ่ง ห้องพักของคุณก็จะเสี่ยงอันตรายทันที เนื่องจากอาจเกิดการลุกลามได้นั่นเอง
ข้อควรพิจารณาเพื่อการตัดสินใจ
พอจะได้ทราบข้อดีข้อเสียระหว่างบ้านและคอนโดไปแล้ว ตอนนี้คุณก็ต้องพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าไลฟ์สไตล์ของตัวคุณเหมาะกับแบบไหน โดยเรื่องที่คุณต้องคำนึงถึงมีดังต่อไปนี้
1. สถานที่ตั้ง
ก่อนอื่นต้องสำรวจความต้องการของตัวคุณ ว่าคุณต้องการอาศัยอยู่ในทำเลที่พักแบบไหน เป็นต้นว่าขออยู่ใกล้ตลาด มีของกินขายหาซื้อได้สะดวก ใกล้โรงพยาบาล ใกล้ห้างสรรพสินค้า ติดถนนใหญ่ เดินทางง่าย มีรถสาธารณะเข้าถึง ฯลฯ
2. ความเป็นส่วนตัว
คุณต้องการอยู่อย่างเงียบสงบเป็นส่วนตัว หรือชอบที่จะมีเพื่อนบ้างไว้เสวนาทักทาย ชอบความวุ่นวายที่มีชีวิตชีวาจากรอบรั้วบ้าน
3. อำนาจตัดสินใจในการจัดการบ้าน
หากคุณอยู่คอนโด แน่นอนล่ะว่าภายในห้องคุณสามารถจัดการมันอย่างไรก็ได้ตามที่คุณชอบ แต่ถ้าคุณอยู่บ้านและคิดจัดการบริเวณโดยรอบตัวบ้าน คุณต้องคิดถึงเพื่อนบ้านของคุณด้วย เช่น จะต่อเติมกันสาดอย่างไรไม่ให้ล้ำเขตเพื่อนบ้าน น้ำฝนจากหลังคาบ้านคุณกระเด็นเข้าบ้านเขาหรือไม่ แม้แต่วัสดุตกแต่งผิวบางประเภทที่สะท้อนแสงเข้าบ้านของคนอื่นก็ยังไม่ควรเลือกใช้
4. การดูแลรักษา
ลองคิดง่าย ๆ ว่า คุณพร้อมไหมกับการต้องตัดหญ้าที่สนามเมื่อมันยาวเกินไป กำหนดเปลี่ยนมุ้งลวดให้ประตูหน้าต่างทุกบาน ขัดถูล้างลานบ้านหากเริ่มดำหรือมีตะไคร่ ฯลฯ เมื่อมีพื้นที่บ้านมากขึ้น ก็ต้องดูแลให้มากขึ้นด้วย
5. งบประมาณ
สิ่งสำคัญแทบจะที่สุดก็คือเรื่องของงบประมาณ เมื่อดูความต้องการต่าง ๆ ของตัวเองแล้วแต่งบประมาณไม่ถึง อาจจำต้องลดสเปคลงมาก็เป็นได้
เมื่อทราบข้อดีและข้อเสียระหว่างบ้านและคอนโดแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของแต่ละคนแล้วล่ะ ที่จะเป็นตัวตัดสินเองว่า บ้านกับคอนโด จะเหมาะสมกับอะไรมากกว่ากัน เช่น สถานที่ตั้งที่ทำงาน, สถานะทางครอบครัว, วิถีชีวิต เป็นต้น ซึ่งถ้าหากมีที่ทำงานอยู่ในตัวเมือง มีชีวิตโสด การเลือกคอนโดอาจจะเหมาะสมกว่า เพราะคอนโดจะอยู่ในตัวเมือง ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวก แต่ถ้าหากต้องการสร้างครอบครัว ที่มีลูกหลายคน การสร้างบ้าน อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่ เพราะสามารถอาศัยได้หลายคน มีความเป็นส่วนตัว ทำกิจกรรมได้หลากหลาย ลองคำนึงถึงความต้องการของตัวคุณ รวมทั้งสมาชิกที่จะอยู่ร่วมกับคุณดู แล้วคุณคงจะได้คำตอบที่ดีที่สุดว่าควรเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดดีกว่ากัน