8 วิธีจัดการปัญหารีดผ้าไม่เรียบ!

 วิธีจัดการปัญหารีดผ้าไม่เรียบ

          เคยรู้สึกกันบ้างไหมคะ ว่าการรีดผ้าที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะกับผ้าที่มีเนื้อหนา แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีทางออกให้การรีดผ้าของคุณง่ายขึ้นหรอกนะ เพียงแต่บางครั้งวิธีการรีดผ้าที่คุณทำอยู่ อาจจะยังไม่ถูกต้องนักก็ได้ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำวิธีรีดผ้าที่จะช่วยจัดการกับปัญหารีดผ้าไม่เรียบมาฝากกันจ้า

 1. ใช้อุณหภูมิให้เหมาะกับเนื้อผ้า

          เตารีดมีปุ่มให้ปรับอุณหภูมิซึ่งก็หมายความว่า เนื้อผ้าแต่ละชนิดต้องใช้ระดับความร้อนที่เหมาะสมในการทำให้เรียบ ดังนั้นก่อนจะรีดผ้าทุกครั้งก็ควรปรับระดับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับเนื้อผ้าด้วย เช่น ผ้าไหม หรือผ้าใยสังเคราะห์ ควรรีดด้วยความร้อนต่ำ ประมาณ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ผ้าขนสัตว์ ผ้าลินิน และผ้าคอตตอนควรรีดด้วยความร้อนปานกลางถึงระดับความร้อนสูง ประมาณ 400-425 องศาฟาเรนไฮต์ เป็นต้น นอกจากนี้เมื่อตั้งอุณหภูมิที่เหมาะกับเนื้อผ้าได้แล้ว ควรทิ้งเตารีดไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ความร้อนเซตตัวก่อนเริ่มลงมือรีดด้วยค่ะ

2. แขวนหรือพับทันที

          เมื่อรีดผ้าเสร็จแล้วไม่ควรวางทิ้งไว้ หรือกองทับกันโดยไม่แขวนหรือพับให้เป็นระเบียบ เพราะอาจจะทำให้เนื้อผ้าเกิดรอยยับยู่ยี่ ไม่เรียบขึ้นมาได้ง่าย ๆ จะดีกว่าถ้ารีดเสร็จแล้วรีบนำไปแขวนเข้าตู้ให้เรียบร้อย ไม่ทับซ้อนกันจนเกิดรอยยับ หรือพับให้เรียบร้อยเป็นตัว ๆ ไปสำหรับเสื้อยืด ถือว่าเป็นการออกกำลังกายแบบลุกนั่งไปในตัวด้วยก็ได้จ้า

3. ระบบไอน้ำช่วยรีดผ้าเรียบ

          รอยยับยู่ยี่บนผ้าที่รีดย้ำไปย้ำมาหลายทีก็ไม่เรียบ อย่างนี้ต้องจัดการด้วยไอน้ำจากเตารีดไอน้ำเลยค่ะ เพราะความร้อนและไอน้ำจะช่วยให้เนื้อผ้าที่ยับยู่ติดกันคลายออกได้ง่าย ๆ ดังนั้นหากผ้ายับและรีดยาก ก็เปิดระบบไอน้ำแล้วค่อย ๆ รีดวนไปวนมาตรงจุดนั้นสักพัก เท่านี้ก็จะได้ผ้าเรียบกริบ ไร้รอยยับยู่ยี่แล้วล่ะ แต่ถ้าหากใครไม่มีเตารีดไอน้ำ จะใช้สเปรย์น้ำฉีดแทนแก้ขัดก็ได้จ้า

4. ต่อโต๊ะเมื่อรีดผ้าผืนใหญ่

          หากต้องรีดผ้าผืนใหญ่อย่างผ้าปูโต๊ะ ผ้าปูที่นอน หรือผ้าม่าน ก็ให้นำโต๊ะมาวางต่อที่รีดผ้าให้พอที่จะวางผ้าเหล่านี้ได้พอดี ไม่ให้เรี่ยไปกับพื้น จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดกับผ้าในส่วนที่รีดไปแล้ว แต่ต้องมายับเพราะไหลไปทับกันที่พื้น แต่ควรเช็คให้ดีก่อนด้วยว่า โต๊ะที่นำมาต่อนั้น จะแข็งแรงพอและทนความร้อนจากเตารีดได้ดี และปูผ้ารองรีดด้วยนะคะ

5. ใช้ผ้ารองรีดกับผ้าเนื้อบาง

          สำหรับผ้าเนื้อบางที่ไหม้หรือย่นเสียรูปได้ง่าย ก่อนรีดควรนำผ้าคอตตอน หรือผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ ๆ มารองรีดด้วยทุกครั้ง โดยวางผ้ารองรีดทับผ้าเนื้อบาง แล้วใช้ไฟอ่อนหรือไฟปานกลางค่อย ๆ รีดบนผ้ารองรีดลงไปช้า ๆ เพื่อให้ความร้อนแผ่ลงไปถึงผ้าเนื้อบางที่เราต้องการรีดจริง ๆ หรือจะใช้วิธีรีดลงไปบนที่รีดผ้าเพื่อวัดระดับความร้อนก่อนก็ดี ป้องกันไว้ก่อนจะต้องมาเสียใจเพราะรีดผ้าไหม้ หรือผ้าย่นเสียรูปใช้ไม่ได้อีกต่อไป อ้อ! วิธีนี้ใช้ได้กับการรีดผ้าที่สกรีนลายด้วยค่ะ

6. เลือกใช้ปลั๊กพ่วงให้ถูก

          หากปลั๊กอยู่ไกลจนต้องใช้ปลั๊กพ่วงเพื่อเสียบเตารีดอีกที ก็ควรเลือกปลั๊กพ่วงขนาดไม่ต่ำกว่า 12 แอมป์ เพราะถ้าใช้ปลั๊กต่อที่มีแอมป์น้อยกว่านี้ อาจทำให้ปลั๊กรับกำลังไฟไม่ไหว จนเกิดประกายไฟ หรือเกิดไหม้ขึ้นได้ นอกจากนี้ก็ไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอัน เพราะปลั๊กพ่วงอาจทำงานหนัก จนเกิดระเบิดตูมตามขึ้นมา เป็นอันตรายไม่น้อยเลยนะจ๊ะ

7. รีดกลีบกระโปรงจากล่างขึ้นบน

          สำหรับกระโปรงผู้หญิงที่มีจีบรอบ หรือที่เรียกกันว่ากระโปรงพลีท ควรรีดโดยการจับจีบให้ดี แล้วรีดจากข้างล่างขึ้นมาข้างบน และรีดจากจีบที่อยู่ติดซิป ไล่ถัดไปเรื่อย ๆ จนครบทั้งตัว จะใช้ไอน้ำเซตจีบด้วยก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้จับจีบกระโปรงได้ง่ายขึ้น รีดกระโปรงได้เป็นกลีบสวยงาม

8. ทิ้งให้ผ้าเซตตัวสักพัก

          หลังจากรีดผ้าเสร็จแล้ว ไม่ควรรีบร้อนใส่เลยทันที แต่ควรจะแขวนผ้าทิ้งไว้สัก 2-3 นาที เพื่อให้ผ้าคลายรอยยับและความร้อน ระหว่างรอก็ถอดปลั๊กเตารีด และเก็บที่รีดผ้าให้เรียบร้อยไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้ กว่าจะเก็บเสร็จก็คงพอดีได้ใส่เสื้อผ้าที่รีดไว้แล้ว เท่านี้ก็จะได้ใส่เสื้อผ้าที่เรียบกริบ แถมไม่ต้องทนร้อนจากการรีดเสร็จใหม่ ๆ ด้วย


          เอาล่ะ..ได้รู้เทคนิคในการใช้เตารีดกันไปแล้ว รีดผ้าครั้งต่อไปก็อย่าลืมทำตามคำแนะนำเหล่านี้นะคะ รับรองว่าจะได้ผ้าเรียบกริบ แบบไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนอย่างที่เคยแน่นอน



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
8 วิธีจัดการปัญหารีดผ้าไม่เรียบ! อัปเดตล่าสุด 12 พฤษภาคม 2559 เวลา 00:09:38 42,654 อ่าน
TOP
x close