วอลเปเปอร์ติดผนัง อยากติดเองติดยังไง มาหาคำตอบพร้อม ๆ กันกับ 10 ทริกติดวอลเปเปอร์บ้าน รวมถึงคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับวอลเปเปอร์ติดห้องที่หลายคนสงสัย และภาพห้องตัวอย่าง
1. วางแผนให้ดี
เริ่มจากวัดขนาดพื้นที่ผนังที่ต้องการจะติดวอลเปเปอร์ โดยใช้ ความกว้าง x ความสูง จากนั้นนำผลลัพธ์ที่ได้ไปเทียบกับขนาดของวอลเปเปอร์ เช่น ความกว้างห้อง 4 เมตร ความสูงห้อง 3 เมตร = 12 ตารางเมตร หากใช้วอลเปอร์หน้าแคบ หรือขนาดความกว้าง 0.53 เซนติเมตร ยาว 10 เมตร เป็นขนาดที่ใช้กันทั่วไป ก็จะใช้ประมาณ 3 ม้วน (1 ม้วนติดได้ประมาณ 5 ตารางเมตร) หากใช้วอลเปอร์หน้ากว้าง ขนาด 1.06 ความยาว 15.6 เมตร จะใช้ประมาณ 1 ม้วน ส่วนราคาของวอลเปเปอร์ติดผนังมีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย ขึ้นอยู่กับลวดลายและวัสดุที่นำมาใช้ เช่น ไวนิล กระดาษ และโฟม
2. เลือกลายที่เหมาะกับสไตล์ของบ้าน
การติดวอลเปเปอร์ผนังให้สวยได้นั้น ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมระหว่างลายของวอลเปเปอร์กับสไตล์ของบ้าน หากบ้านของคุณเป็นสไตล์วินเทจ หรือสไตล์ย้อนยุคนิด ๆ ก็เลือกลายวอลเปอร์ที่ออกแนววินเทจให้เหมาะกับบ้าน เช่น ลายดอกไม้หวาน ๆ ลายฉลุ เป็นต้น หรือถ้าสร้างบ้านแนวสมัยใหม่ ก็ควรเลือกลายวอลเปเปอร์เก๋ ๆ สีสันสดใส เช่น ลายกราฟิก ลายทาง เป็นต้น
3. หลากห้องต่างสไตล์ก็ไม่ผิด
สำหรับคนที่ยังรักพี่เสียดายน้องลายนั้นก็ดูดี ลายนี้ก็อยากได้ ไม่รู้จะเลือกวอลเปเปอร์แบบไหนดีก็ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว เพราะไม่จำเป็นต้องเลือกวอลเปเปอร์ติดห้องลายเดียวกันหมดทั้งบ้านให้น่าเบื่อ แค่ระวังไม่ให้ลายวอลเปเปอร์โดดเด้งไม่เข้ากันกับสไตล์เฟอร์นิเจอร์ หรือลายของหน้าต่างในแต่ละห้องก็พอ
4. เนรมิตเรียบหรูคลาสสิคด้วยสีพื้น
หากไม่ชอบความวุ่นวาย อยากให้บ้านดูเรียบหรูคลาสสิค แนะนำให้เลือกติดวอลเปเปอร์สีพื้นอ่อน ๆ แล้วค่อยเพิ่มลูกเล่นด้วยการติดภาพวาดสีน้ำมันบานใหญ่ ๆ สักภาพ หรือภาพถ่ายสวย ๆ สักบานมาติดไว้ เท่านี้ก็จะได้บ้านลุคคลาสสิคแบบหรู ๆ แล้ว อีกทั้งยังทำให้ของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ดูสวยงามขึ้นอีกต่างหาก
5. สร้างเอกลักษณ์ด้วยลวดลาย
สามารถเปลี่ยนบรรยากาศห้องให้ดูมีสีสันเตะตา ได้ด้วยวอลเปเปอร์ที่มีลวดลาย แต่วอลเปเปอร์ติดผนังแบบนี้ เหมาะที่จะใช้ตกแต่งกับห้องกินข้าว ห้องน้ำ และห้องแต่งตัว เพราะลายพร้อย ๆ บนผืนวอลเปเปอร์ ซึ่งช่วยสร้างเอกลักษณ์และลดความเวิ้งว้างภายในห้องได้เป็นอย่างดีเลย อีกทั้งยังทำให้ห้องดูโดดเด่นขึ้นด้วย
6. เพิ่มมิติให้ห้องด้วยวอลเปเปอร์แบบนูน
ในส่วนห้องที่ต้องการให้ดูมีมิติ เช่น ห้องทำงาน หรือห้องนั่งเล่น ลองเลือกวอลเปเปอร์พื้นนูนหรือวอลเปเปอร์ 3D มาติดดูก็ได้ เพราะวอลเปเปอร์ชนิดพื้นนูน จะช่วยเพิ่มลวดลายให้พื้นผนัง ดูมีสไตล์แบบล้ำลึก โดดเด่นไม่แพ้ใคร อีกทั้งยังช่วยป้องกันเสียงได้ระดับหนึ่งด้วย
7. แปลกตาด้วยสไตล์การติด
การติดวอลเปเปอร์ผนัง ไม่จำเป็นต้องติดในแนวตั้งเสมอไป ลองแหวกแนวด้วยการพลิกแพลงติดวอลเปเปอร์ในแนวนอนดูบ้างก็ช่วยเพิ่มความสวยงามได้เหมือนกัน เช่น เลือกสีวอลเปเปอร์ผนังที่ตัดกันติดในห้องเดียวกัน ก็จะช่วยให้ห้องดูแปลกตา สวยไปอีกแบบ
8. ใช้ลวดลายปกปิดรอยตำหนิ
สำหรับบ้านที่มีปัญหาผนังเป็นรอยด่างดำ หรือมีพื้นผิวขรุขระไม่เรียบสวย การติดวอลเปเปอร์ลายเดียวกันทั้งห้อง ก็จะช่วยพรางตาไม่ให้เห็นรอยตำหนิเหล่านี้ได้ง่าย แถมยังดูสวยแบบเนียน ๆ อีกด้วย
ซึ่งวิธีการติดวอลเปเปอร์เองนั้นก็ไม่ยาก เริ่มด้วยทำความสะอาดผนังกำจัดฝุ่นและคราบสกปรกออกซะก่อน จากนั้นทากาวลงบนขอบวอลเปเปอร์ หากวอลเปเปอร์มีกาวในตัวก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย เสร็จแล้วนำวอลเปเปอร์ติดผนังจากบนลงล่าง ไล่อากาศออกให้เรียบร้อยก่อนติดแผ่นต่อไป หากมีลายกาวเลอะให้รีบเช็ดออก ไม่ควรทิ้งไว้จนคราบกาวแห้ง
9. เล่นกับแสงไฟเพิ่มความสว่าง
สำหรับห้องที่ไม่มีหน้าต่างหรือพื้นที่มุมอับ ค่อนข้างมืด ให้เลือกวอลเปเปอร์สีอ่อน ๆ หรือสีเมทัลลิก เพราะช่วยสะท้อนแสง พร้อมทั้งทำให้ห้องดูสว่างและกว้างขึ้นได้มากกว่า แต่ทั้งนี้หากต้องการใช้วอลเปเปอร์สีเข้มก็สามารถทำได้ โดยจับคู่กับโทนสีสว่างหรือติดกระจกช่วยพรางตา
10. หมั่นดูแลรักษาความสะอาด
การดูแลความสะอาดก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน โดยใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดบริเวณที่มีคราบสกปรก โดยถูเบา ๆ และทำซ้ำจนกว่าคราบจะหายไป หลีกเลี่ยงการใช้สารระเหย เช่น ทินเนอร์ ทำความสะอาดเพราะอาจจะทำให้ผิวสัมผัสของวอลเปเปอร์เสียหายได้ ทั้งนี้หากวอลเปเปอร์ฉีกขาดควรรีบแก้ไข เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จนขอบแข็งจะซ่อมแซมยาก
ก่อนจะติดวอลเปเปอร์ในห้องต่าง ๆ ก็ลองนำเทคนิคการติดวอลเปเปอร์ผนังที่เรานำมาฝากนี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ จะได้ตกแต่งบ้านด้วยวอลเปเปอร์กันได้แบบสวยและเนี้ยบ ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ แถมยังทำให้บ้านของเราน่าอยู่ขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก jnkwallpaper, bangkokwall, thespruce, houzz และ architecturaldigest