ใครขี้สงสารมาดูพร้อม ๆ กันว่า วิธีไล่หนูออกจากบ้าน โดยไม่ต้องฆ่า เราสามารถทำยังไงได้บ้าง ไว้กำจัดสัตว์ฟันแทะตัวร้ายให้หมดไป
หลายบ้านอาจจะเคยได้ยินเสียงร้องจี๊ด
ๆ หรือเสียงฝีเท้าวิ่งไป-มาอยู่บนฝ้าเพดาน
และอาจจะมีการทิ้งร่องรอยน่าสงสัยเอาไว้ให้ไม่สบายใจอยู่บ้าง
ก็คงต้องลองสำรวจดูสักหน่อยแล้วว่าบ้านของคุณเข้าข่ายมี "หนู"
อพยพกันมาอาศัยอยู่บ้างหรือไม่
และถ้าหากพบว่าภายในบ้านมีครอบครัวหนูมาอาศัยอยู่แล้ว คงต้องมองหาวิธีไล่หนูกันสักหน่อย
ถึงแม้ว่าจะมีกาวดักหนูและยาฉีดสำหรับไล่หนูวางขายอยู่ทั่วไป
แต่บางคนอาจจะไม่อยากฆ่าแกงกันให้รู้สึกบาป ดังนั้นวันนี้เราจึงขอนำ วิธีไล่หนูแบบไม่ต้องฆ่า มาฝากไว้ให้ลองนำไปใช้กันดูนะคะ
1. น้ำมันก๊าด
ไม่บอกก็รู้ว่า
น้ำมันก๊าด มีกลิ่นรุนแรงขนาดไหน เพราะแม้แต่คนที่สูดดมเข้าไปมาก ๆ
ก็ยังแอบเวียนหัวอยู่เหมือนกัน นับประสาอะไรกับหนูตัวเล็ก ๆ
เมื่อเจอเข้ากับกลิ่นของน้ำมันก๊าด
รับรองว่าเจ้าหนูทั้งหลายจะเข็ดขยาดจนไม่อยากอยู่ในบ้านหลังเดิมอีกต่อไปเลยล่ะ
วิธีการก็แค่เทน้ำมันก๊าดใส่ถ้วยเล็ก ๆ
ไปวางไว้ตามจุดที่คาดว่าหนูอาศัยอยู่เท่านั้นค่ะ
หรือจะวางไว้กับแหล่งอาหารของหนูก็ได้ แต่ควรระวังอย่าใช้ในบ้านที่มีเด็ก
และต้องหมั่นเปิดหน้าต่าง ประตู เพื่อระบายกลิ่นบ้างนะคะ
และสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำมันสน หรือน้ำมันกลิ่นฉุนอื่น ๆ ก็ได้
2. ลูกเหม็น
กลิ่นของลูกเหม็นแม้จะไม่รุนแรงเท่าน้ำมันก๊าด
แต่ก็เป็นกลิ่นที่ไม่รัญจวนใจนัก
หนูทั้งหลายจึงไม่ค่อยสบอารมณ์กับกลิ่นของลูกเหม็นสักเท่าไหร่
หากนำลูกเหม็นไปวางไว้ในจุดที่คิดว่าหนูจะวนเวียนอยู่ เช่น ใกล้ถังขยะ
ฝ้าเพดาน หรือมุมอับภายในครัว
เท่านี้หนูก็จะเบื่อหน่ายกับกลิ่นจนอยากย้ายบ้านหนีไปเลย
3. กรงดักหนู
วิธีง่าย ๆ ที่นิยมใช้กันมานาน เพียงแค่ซื้อกรงดักหนู แล้วนำอาหารหรือเหยื่อล่อหนูใส่เข้าไป จากนั้นเมื่อหนูวิ่งเข้าไปในกรงแล้วกรงก็จะปิดลง เราก็แค่นำหนูในกรงไปปล่อยไว้ให้ไกลบ้านมากที่สุด และต้องไกลจากบ้านคนอื่นด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้านแทน
4. อาหารดักหนู
วิธีนี้มักจะใช้ได้ผลควบคู่ไปกับกรงดักหนู คือ การใช้เศษอาหารใส่ไว้ในกรง เพื่อล่อหนูให้เข้ามาติดนั่นเอง ส่วนอาหารดักหนูที่นิยมมักจะเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น เนื้อหมูสุก เศษเบคอน หัวปลาทู ไส้กรอก ชีส ปลาหมึกแห้ง ตับไก่ปิ้ง เนยถั่ว ช็อกโกแลต หรือผลไม้บางชนิดก็สามารถล่อหนูให้เข้ามากินได้ เช่น แอปเปิล กล้วยไข่สุก เป็นต้น
5. เปิดไฟให้สว่าง
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายแสนง่าย
เพราะแสงไฟจะทำให้หนูแสบตา และไม่กล้าออกมาแสดงตัวมากนัก
ซึ่งเมื่อไฟยังสว่างอยู่หนูก็จะกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะออกมาคุ้ยหาอาหาร
หรือแทะข้าวของต่าง ๆ ให้พังเสียหาย
ซึ่งผลที่ตามมาอาจจะต้องแลกด้วยค่าไฟที่เพิ่มขึ้นจนน่าใจหายอยู่เหมือนกัน
6. ประทัด
นอกจากกลิ่นเหม็นแล้ว
หนูก็ยังเป็นสัตว์ที่ขี้ตกใจพอสมควร ดังนั้นหากอยากไล่หนูให้แตกกระเจิง
ลองซื้อประทัดมาจุดใกล้ ๆ รังหนู
เพื่อให้ครอบครัวหนูตกใจกับเสียงประทัดจนต้องอพยพกันออกไป
แต่การจุดประทัดก็ต้องใช้ความระมัดระวัง
ทั้งตัวผู้จุดเอง และอย่าไปโยนใส่ตัวหนูโดยตรง
ไม่อย่างนั้นคงเป็นภาพที่สยองขวัญน่าดู
7. เลี้ยงแมว
เป็นวิธีง่าย ๆ
ที่หลายบ้านนิยมทำกันมานาน
ยิ่งโดยเฉพาะในปัจจุบันที่เทรนด์เลี้ยงแมวกำลังมาแรง ถ้าคุณเป็นคนรักสัตว์
แค่เลี้ยงแมวติดบ้านเอาไว้สักตัว
แมวก็จะกำจัดโจทก์เก่าอย่างหนูให้หมดไปอย่างรวดเร็ว
เพราะแค่หนูมองเห็นและได้กลิ่นแมวที่เลี้ยงไว้
ก็คงเตรียมเก็บข้าวเก็บของเผ่นออกจากบ้านแล้ว
8. ทรายแมว
หากบ้านไหนไม่อยากเลี้ยงแมวให้วุ่นวาย ทางแก้อีกวิธีก็คือ ลองหาทรายแมวที่แมวฉี่ใส่เอาไว้แล้ว โดยอาจขอจากเพื่อนบ้านที่เลี้ยงแมวก็ได้ แล้วนำทรายแมวใส่ถุงผ้าไปวางไว้ใต้เพดาน หรือบริเวณที่หนูเพ่นพ่าน หนูจะหลอนกับกลิ่นฉุนจากฉี่ของโจทก์เก่า จนไม่อยากย่างกรายผ่านมาอีกเลย แต่ทางที่ดีเลือกวางเฉพาะจุดดีกว่านะคะ ไม่อย่างนั้นคุณคงจะฉุนจนมึนตามหนูไปแน่ ๆ
9. เม็ดไล่หนู
เม็ดไล่หนูก็ใช้หลักการเดียวกันกับการวางลูกเหม็น
แต่แตกต่างกันตรงที่เม็ดไล่หนูจะมีลักษณะเป็นเม็ดสีดำ กลิ่นฉุน
เมื่อนำไปวางไว้ใกล้จุดที่คาดว่าหนูจะออกมาปรากฏตัว
จะทำให้หนูทนกลิ่นไม่ไหวและหนีหายไปในที่สุด
ซึ่งเม็ดไล่หนูสามารถหาซื้อได้ที่ร้านทุกอย่าง 60 บาท
แต่ข้อเสียก็คือกลิ่นฉุนอาจทำให้ผู้ใช้มึนได้เหมือนกันนะคะ
10. สมุนไพรไล่หนู
ปัจจุบันมีสมุนไพรไล่หนูขายกันอยู่ทั่วไป สามารถหาซื้อได้ง่ายในซูเปอร์มาร์เกต โดยน้ำยาไล่หนูเหล่านั้นถูกสกัดขึ้นจากสมุนไพรไทย ๆ อย่าง กะเพรา, สะระแหน่ หรือใบมะกรูด เป็นต้น ซึ่งข้อดีคือ ไม่มีพิษร้ายแรง และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ แต่ข้อเสียคือ มักมีอายุการใช้งานที่สั้น กลิ่นจางไว ทำให้ต้องใช้ในปริมาณมาก
11. ต้นยี่โถ
กลิ่นของต้นยี่โถทำให้หนูไม่ค่อยชอบใจนัก
ดังนั้นหากปลูกต้นยี่โถติดสวนเอาไว้สักต้นสองต้น แล้วตัดเอากิ่งยี่โถไปวางไว้ในบริเวณที่หนูชุกชุม หนูซึ่งมีจมูกไวก็จะได้กลิ่นรุนแรงจนทนไม่ไหว
และอพยพย้ายถิ่นฐานกันไปในที่สุด
แต่ข้อสำคัญคือต้องหมั่นเปลี่ยนกิ่งใหม่บ่อย ๆ
เพราะเมื่อกิ่งยี่โถแห้งเหี่ยว กลิ่นก็จะจางลงค่ะ
12. ปิดทางเข้า
ลองสำรวจรอบ ๆ
บ้านดูสักหน่อยว่ามีจุดไหนบ้างที่หนูสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ เช่น
ซอกเล็กซอกน้อยบนหลังคา, รอยแยกบริเวณฝ้าเพดาน, รูกำแพง,
ประตู-หน้าต่างห้องครัว หรือท่อน้ำ เป็นต้น
แล้วจัดการปิดรอยรั่วเหล่านั้นให้หมดสิ้น
อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันไม่ให้หนูสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ง่าย ๆ
13. กำจัดแหล่งอาหาร
การจัดการบ้านให้สะอาดหมดจด
ไม่มีเศษอาหารตกค้าง จะเป็นการดีที่ทำให้หนูมองข้ามบ้านของคุณไปได้ง่าย ๆ
เนื่องจากแหล่งอาหารของหนูถูกกำจัดจนหมดสิ้น
ขืนอาศัยอยู่ในบ้านคุณต่อไปก็คงอดตายกันทั้งครอบครัวแน่ ๆ
จากนั้นลองจัดบ้านให้โล่งและไม่มีมุมอับ
จะได้หมดที่ซ่อนตัวของครอบครัวหนูด้วยจ้า
ได้รู้จักกับวิธีไล่หนูแบบไม่ต้องฆ่ากันไปแล้ว อย่าลืมลองนำวิธีเหล่านี้ไปลองใช้กันดูนะคะ ซึ่งบางวิธีก็อาจจะเหมาะกับหนูบางตัว ลองใช้หลาย
ๆ วิธีเผื่อจะเจอทางออกที่ดีเข้าสักทาง หากใครมีวิธีดี ๆ
ก็อย่าลืมแบ่งปันเพื่อน ๆ บ้างนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้บอกลากับหนูได้ไว ๆ จ้า
เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีไล่หนู :
ขอบคุณข้อมูลจาก : terminix, goodhousekeeping และ pestctrl