ไอเดียจัดแสงไฟในสวนพร้อมความรู้เกี่ยวกับไฟและเคล็ดลับน่าสนใจที่อาจยังไม่เคยรู้ จะได้สามารถเดินชมสวนได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่สวนสวย ๆ โดนความมืดของท้องฟ้าบดบังจนมืดมิดและทำให้หลายคนไม่กล้าเข้าไปเดินเล่น ทั้ง ๆ ที่เป็นสวนในบ้านของตัวเองเพราะกลัวว่าจะมีอันตรายที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่ ในวันนี้เราเลยขอนำไอเดียจัดไฟในสวน ความรู้เกี่ยวกับตำแหน่งที่จัดไฟ ประเภทของสายไฟ และเรื่องน่ารู้มาฝากกัน
Ideas for Outdoor Lighting แสงไฟในสวนในเวลากลางคืน
Secret garden
Story : อิสรา สอนสาสตร์
Photo : แฟ้มภาพบ้านและสวน
ความมืดทำให้การออกไปใช้งานพื้นที่นอกบ้านทำได้ไม่เต็มที่ การติดตั้งไฟในสวนจะช่วยเพิ่มการมองเห็นและทำให้เราสามารถออกไปใช้พื้นที่ได้ทุกช่วงเวลา นอกจากนี้แสงไฟยังช่วยเพิ่มความสวยงาม สร้างมิติให้กับต้นไม้ และจุดที่ต้องการเน้นให้ดูน่าสนใจ เสริมสร้างบรรยากาศให้กับสวนได้เป็นอย่างมาก ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรคำนึงถึง การจัดแสงสว่างตามทางเดินหรือบริเวณขั้นบันไดจะช่วยให้มองเห็นสิ่งแปลกปลอมหรือน่าสงสัย เช่น สัตว์มีพิษและสัตว์เลื้อยคลานที่อาจซ่อนตัวอยู่ รวมถึงช่วยป้องกันโจรขโมยหรือผู้บุกรุกได้อีกด้วย วันนี้ผมมีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไฟในสวนและเคล็ดลับต่าง ๆ มาฝากทุกคนกัน
ตำแหน่งไหนบ้างที่ควรมีไฟ
- Inground Uplight : โคมไฟฝังพื้นส่องขึ้นไปยังต้นไม้หรือวัตถุที่ต้องการเน้น เช่น ผิวสัมผัสหรือลวดลายที่อยู่บนผนังกำแพง ทิศทางแสงจะสาดขึ้นตรง ๆ บริเวณด้านหน้าวัตถุหรือสาดจากด้านหลังก็ได้
- Wall Light : โคมไฟติดผนัง กำแพงรั้วเพื่อบอกขอบเขตและให้ความสว่างเฉพาะบริเวณนั้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มลูกเล่นบนผนังกำแพงให้ดูมีมิติ
- Post Top Light : มีรูปแบบหลากหลาย มักติดตั้งไว้บนเสาสูง 2-2.50 เมตร สำหรับทำกิจกรรมภายในสวนตอนกลางคืน
- Bollard Light : ไฟส่องสว่างทางเดิน สูง 0.50-1 เมตร ใช้ส่องเส้นทางเดินในสวน เพื่อความสวยงามและเพื่อความปลอดภัย
- Tree Light : เป็นโคมไฟสำหรับส่องต้นไม้ตามลักษณะทรงพุ่มและความสูง
- Step Light : โคมไฟสำหรับติดตั้งบริเวณขอบของขั้นบันไดหรือกำแพงเตี้ย เพื่อส่องแสงให้มองเห็นการเปลี่ยนระดับของบันได
tips
- การใช้แสงไฟสําหรับการออกแบบโดยทั่วไปมี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ไฟเพื่อการใช้งาน (Functional Lighting) สําหรับในสวนจะเป็นไฟส่องสว่างในพื้นที่กว้าง ๆ หรือไฟส่องสว่างเป็นจุด ๆ เช่น ไฟแนวทางเดินสําหรับนําสายตา (Bollard Light) และไฟที่บอกระดับขั้น (Step Light)
- อีกประเภทเป็นไฟช่วยสร้างบรรยากาศ (Emotional Lighting) เช่น ไฟส่องขึ้นด้านบน (Up-light) ไฟส่องลงด้านล่าง (Down-light) และไฟใต้น้ำ (Underwater Light)
- การวางตําแหน่งขึ้นอยู่กับความต้องการ รูปแบบ และความเหมาะสมกับการใช้งานในสวน เช่น ไฟที่ส่องให้เห็นรูปทรงของวัตถุ (Silhouette Lighting) ควรติดตั้งไว้ด้านหลังของวัตถุ ส่วนไฟที่ทําให้เกิดแสงเงา (Shadow Lighting) ควรติดตั้งไว้ด้านหน้าของวัตถุ เป็นต้น
ส่วนประเภทของสายไฟในสวนที่นิยมใช้มี 3 ประเภท คือ
1. สายไฟฟ้าแรงดันต่ำชนิดเอ็นวายวาย (NYY)
2. สายไฟฟ้าแรงดันต่ำชนิดวีซีที (VCT)
3. สายไฟฟ้าแรงดันต่ำชนิดทีเอชดับเบิลยู (THW)
สายไฟแต่ละชนิดควรร้อยท่อฝังดินเพื่อความปลอดภัย แนะนำว่าควรให้ช่างผู้ชำนาญเฉพาะเรื่องไฟฟ้ามาทำให้จะดีกว่า-ควรเลือกประเภทการใช้งานของโคมไฟที่เหมาะสําหรับภายนอกเท่านั้น โดยเฉพาะไฟใต้น้ำ ควรมีคุณสมบัติป้องกันแรงดันน้ำได้
ไฟทางเดิน (Pathway Light)
ทางเดินจำเป็นต้องมีไฟส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจร โดยเฉพาะทางลาด ทางต่างระดับ หรือขั้นบันได ควรจัดแสงสว่างให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการสะดุดหกล้มจนเกิดอันตราย ซึ่งแบ่งการให้แสงสำหรับทางเดินตามลักษณะการใช้งานต่าง ๆ ดังนี้
- Linear Lighting คือ ไฟที่มีลักษณะเป็นเส้นยาวซ่อนไว้ภายในโครงสร้างของขอบทางเดินเพื่อให้แสงกระจายออกมาด้านข้างหรือซ่อนไว้กับลูกตั้งของบันไดให้แสงกระจายออกมายังพื้นผิวของลูกนอน
- Wall Recessed Lighting คือ การฝังโคมไฟไว้ที่ลูกตั้งของบันไดเพื่อส่องสว่างขั้นบันได
- Clamp Mounted Lighting คือ การยึดไฟไว้บนที่สูงเพื่อให้แสงสว่างส่องลงมา เช่น ต้นไม้ใหญ่หรือผนังที่อยู่ใกล้เคียงให้แสงส่องลงมาบริเวณทางเดิน
1. ไฟส่องต้นไม้ (Tree Light)
นอกจากจะช่วยเน้นความโดดเด่นของต้นไม้ที่เราต้องการโชว์แล้ว ยังทําให้เราเห็นทรงพุ่มและเท็กซ์เจอร์ของต้นได้ชัดเจน เพราะต้นไม้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสวน การให้แสงจึงแบ่งออกไปตามลักษณะทรงพุ่ม เช่น ไม้พุ่มลำต้นสูงชะลูดสามารถใช้แสงส่องเน้นจากโคนต้นขึ้นไป
2 . ไฟใต้น้ำ (Underwater Light)
สำหรับบ้านที่มีบ่อน้ำหรือน้ำตก การให้แสงสว่างใต้น้ำช่วยสร้างบรรยากาศและมิติการสะท้อนของน้ำกับแสงไฟทำให้มุมนี้ของคุณดูโดดเด่นและน่าสนใจ ช่วยให้เห็นความลึกของบ่อเป็นการเตือนให้ผู้ที่เดินผ่านไปมาเกิดความระมัดระวัง หากเป็นบ่อน้ำขนาดเล็กแนะนำว่าใช้ไฟเพียงแค่ดวงเดียวหรือสองดวงก็พอ
นิตยสาร my home ฉบับที่ 066 เดือนพฤศจิกายน 2558
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
นิตยสาร my home ฉบับที่ 066 เดือนพฤศจิกายน 2558