แบบบ้านไม้ ที่ถูกดัดแปลงเป็น บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ จากการรีโนเวทบ้านเก่าของคุณตา-คุณยาย ซึ่งเป็นมรดกอายุกว่า 40 ปี จะออกมาสวยแค่ไหนลองไปติดตามกันค่ะ
หากใครมีบ้านไม้อยู่ในครอบครอง และต้องการปรับปรุงใหม่ เพื่อเปลี่ยนจากสภาพบ้านเดิมที่เสื่อม สภาพไปตามกาลเวลา วันนี้กระปุกดอทคอมมีตัวอย่างแบบบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ จาก คุณ สมาชิกหมายเลข 1789960 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝากให้ได้ชมกัน
ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นแบบบ้านไม้เก่าแก่ อายุ 40 ปี มรดกตกทอดจากคุณตา-คุณยาย และด้วยความเสียดายเอกลักษณ์ความเป็นบ้านไม้ จึงทำการปรับปรุงใหม่เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้แทน ส่วนจะรีโนเวทออกมาเป็น ลองไปชมรีวิวนี้พร้อมกันเลย
ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นแบบบ้านไม้เก่าแก่ อายุ 40 ปี มรดกตกทอดจากคุณตา-คุณยาย และด้วยความเสียดายเอกลักษณ์ความเป็นบ้านไม้ จึงทำการปรับปรุงใหม่เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้แทน ส่วนจะรีโนเวทออกมาเป็น ลองไปชมรีวิวนี้พร้อมกันเลย
ปรับปรุงบ้านไม้เก่ามรดกคุณตาคุณยายอายุร่วม ๔๐ กว่าปี
ได้รับมรดกบ้านไม้เก่าของคุณตาคุณยายครับ
บ้านหลังนี้อยู่ที่ จ. เชียงราย สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔
(หมายความว่าสร้างก่อนหน้านี้
เนื่องจากสมัยก่อนต้องใช้เวลาในการสะสมไม้ต้องไปตัดเอาในป่ากว่าจะสร้างเสร็จหลายปี)
เป็นบ้านไม้ทรงไทยทางภาคเหนือ มีห้องครัวแบบไทยแยกออกไป
และมีสะพานไม้เชื่อม
- บ้านหลังนี้ผ่านการปรับปรุงมาหลายครั้ง โดยเฉพาะในส่วนของหลังคาที่เคยเปลี่ยนมาแล้ว พอได้รับมรดกมาก็ปรึกษาญาติ ๆ หลายท่านก็แย้งบอกให้รื้อขายเป็นไม้ซะเพราะบ้านเก่ามากแล้ว ผมก็เสียดายอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพราะเดี๋ยวนี้บ้านไม้ก็หายากแล้ว เลยดันทุรังที่จะปรับปรุงให้ใช้งานได้ตามยุคสมัย ก็ลองดูกันเลยนะครับว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ภาพนี้เป็นภาพจาก google ดีใจที่ยังมีภาพเก่า ๆ ต้องขอบคุณ google ครับ
- นี่เป็นสภาพของบ้านก่อนการปรับปรุงครับ ผมก็ได้เข้าไปสำรวจสภาพไม้ในจุดต่าง ๆ และพบว่ายังใช้งานได้ประมาณ 80% หมายความว่าต้องมีบางจุดที่ต้องมีการซ่อมแซมครับ
- ก่อนจะลงมือทำก็เลยวางแผนคร่าว ๆ ว่าหน้าตาของบ้านหลังจากปรับปรุงเสร็จน่าจะเป็นอย่างไร ผมก็เลยไปหาโปรแกรมเขียนแบบง่าย ๆ google sketch up ลองมาร่างแบบคร่าว ๆ ดู ได้หน้าตาออกมาเหมือนที่เห็นนี่แหละครับ (อันนี้คาดหวังว่าน่าจะได้อย่างนี้)
- เนื่องจากที่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า ตัวบ้านตกอยู่ในเขตที่ซ้อนทับกับที่ดินของญาติ ดังนั้นจึงต้องทำการย้ายตัวบ้านขยับเข้ามาอยู่ในเขตบ้านเรา ผมจึงได้ไปปรึกษากับช่างที่รับย้ายบ้าน เขาให้คำแนะนำกับผมว่าในส่วนของชานบ้านเดิม (ที่เป็นคอนกรีต) ไม่สามารถย้ายได้ หรือหากจะย้ายก็จะใช้งบประมาณสูงจึงแนะนำให้ทุบทิ้งแล้วค่อยสร้างใหม่ ผมจึงว่าจ้างช่างในพื้นที่มาทำการทุบและรื้อส่วนนี้ออกไปหมดงบประมาณไปราว 3,000 บาท
- ระหว่างที่รอบริเวณบ่อปลาเดิมที่ถมไปให้แน่นนั้น ผมก็ได้ไปหากระเบื้องที่คาดว่าน่าจะเข้ากับตัวบ้านที่สุด สรุปก็คือกระเบื้องว่าว เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องพายุลูกเห็บ ซึ่งเกิดบ่อย ๆ ในพื้นที่ครับ จึงได้ไปสำรวจราคากระเบื้องว่าวใน จ.เชียงราย พบว่าราคาตกอยู่ที่ประมาณแผ่นละ 11 บาท ผมแอบคิดว่ามันแพงไปไหม จึงได้ติดต่อสอบถามจากเพื่อนฝูง
- สุดท้ายก็พบว่ามีโรงงานที่ จ.ลำพูน ราคาขายหน้าโรงงานประมาณ 5.50 บาท จึงเดินทางไปที่ จ.ลำพูน ไปดูที่โรงงานเพื่อตรวจสอบคุณภาพ พบว่าโอเคเลยครับ เลยสั่งกระเบื้องมาตามจำนวนคร่าว ๆ ที่ได้จากแบบที่ออกไว้บวกเผื่อเหลือเผื่อขาดอีกเล็กน้อย หมดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไป 4 หมื่นกว่าบาท + ค่าขนส่งอีก 8,000 บาทครับ
- เมื่อพื้นที่พร้อม (รอหลายเดือนเลยทีเดียว แฮ่ ๆ) มหกรรมการย้ายบ้านจึงเริ่มขึ้น ผมได้ช่างในพื้นที่ (เฮียมานิต อ.พาน) มารับเหมาทำให้ โดยตกลงค่าย้ายและดีดขึ้นเป็นเงิน 80,000 หลายท่านคิดบอกว่าแพงน่าดู คือผมจะบอกว่าผู้รับเหมาเขาจะคิดแพงหรือถูกขึ้นอยู่กับจำนวนเสาของบ้านครับ
- บ้านหลังนี้มีเสาทั้งหมด 22 ต้น อีกทั้งเป็นการย้ายและดีดขึ้นด้วย ราคานี้พร้อมค่าเสาสำเร็จ (เหล็ก 4 หุนเต็ม) ที่เขาจะเอามาใส่ให้ตอนดีดบ้านขึ้นครับ ผมก็คิดว่าสมเหตุสมผลละครับ ในรูปจะเห็นว่า ตัวบ้านได้ลาจากเสาเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
- ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวในการย้ายบ้านและดีดบ้านครับ หลังจากย้ายบ้านและดีดขึ้นสูง 4 เมตร เรียบร้อยแล้ว ผมได้ขอให้ช่างช่วยเอาเหล็กเส้นดึงตัวบ้านไว้กับต้นไม้รอบ ๆ บ้านทั้ง 4 ด้าน เพื่อป้องกันพายุฤดูร้อน แต่เหตุการณ์มันไม่จบแค่นั้นครับ มันมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นต่อมา บ้านหลังจากย้ายและดีดเรียบร้อยแล้วนั้น ยังไม่ได้มีการยึดคานอะไรแต่อย่างใด มีเพียงแต่การเทตอหม้อแล้วเอาเสาสำเร็จใส่ลงไป เทปูนลงไปทับแล้วก็กลบดินครับ
- เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ช่างกลับไปได้เพียงวันเดียว หลายท่านคงจะจำเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ในจังหวัดเชียงรายราว 7 ริกเตอร์ได้นะครับ มันไหวแรงจริง ๆ ครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาเพิ่งเจอแผ่นดินไหวแรงแบบนี้ ตอนนั้นผมนั่งทานข้าวอยู่ที่บ้านอีกหลัง พอแผ่นดินไหวเสร็จผมรีบวิ่งมาดูเลยครับ ในใจก็คิดว่ามันจะล้มไหมนั่น
- จากนั้นก็ทำการก่อยกพื้นขึ้นสูงราวเมตรกว่าครับ
ในระหว่างนี้ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมา ก็จะแวะมาดูบ้าน แล้วก็อุทานออกมาว่า
"บ้านหยังมาสูงแต๊สูงว่า" หมายความว่าทำไมบ้านสูงจัง ผมได้ยินคำนี้ทุกวัน
ในใจก็คิดว่าอืม...มันยังไม่เสร็จครับ แฮ่ ๆ
- หลังจากก่อพื้นยกขึ้นแล้วก็ทำการเทพื้นใต้ถุนบ้านและมีก่อฝาผนังบ้างบางส่วน
แต่ผมพบว่าฝีมือช่างกลุ่มนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไรจึงให้หยุดงานไปก่อน
- หลังจากงานยึดโครงสร้างเสาด้านล่างเรียบร้อยแล้ว
ผมจึงว่าจ้างช่างอีกกลุ่มมาดำเนินการปรับปรุงหลังคา
โดยแก้ไขจากทรงจั่วเดิมให้เป็นทรงไทยหรือทรงปั้นหยาก๋าย (ภาษาเหนือ)
โดยใช้ไม้โครงสร้างเดิมมาปรับใช้
ระหว่างนี้ก็มีช่างหลายคนมาแนะนำว่าทำไมไม่ใช้เหล็กไปเลย
บางคนบอกว่ามันอาจจะรับน้ำหนักกระเบื้องว่าวไม่ไหวนะ
แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะใช้ไหม้ในการทำโครงสร้าง
เพราะเราสามารถเพิ่มในส่วนของ หน่องหนัก (ภาษาเหนือ)
หรือตัวรับน้ำหนักเพิ่มได้
- ในส่วนของ
"ก้าน" หรือส่วนที่จะให้กระเบื้องเกี่ยวนั้น ผมเลือกใช้เหล็กกล่องขนาด 1
นิ้ว พ่นสีกันสนิมครับ คิดว่าน่าจะดีกว่าใช้ไม้ (คิดเอง)
- หลังจากนั้นก็เริ่มทำการมุงหลังคาครับ
สังเกตว่าช่างของผมมีแค่สองลุง-ป้าครับ
คุณป้าก็ยืนให้กำลังใจกับคุณลุงที่ขึ้นบนหลังคา
ช่างแถวบ้านนอกพอถึงฤดูทำนาเขาก็จะไปทำนากันหมดครับ
เหลือเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่เขาไม่ได้ทำนา ก็ค่อย ๆ ทำกันไปครับ
- อันนี้เป็นภาพหลังจากที่ปรับปรุงหลังคาบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
ดูดีขึ้นมาเลยทีเดียว หมดค่าใช้จ่ายสำหรับช่างในส่วนนี้ไปประมาณ 5
หมื่นบาทครับ
- ในส่วนของช่องลมเดิมที่เป็นเหล็กดัด
เป็นซี่ ๆ ผมได้ให้ช่างแก้ไขทำเป็น "ฝาไหล" แบบโบราณ
ซึ่งคิดว่าน่าจะเข้ากับตัวบ้าน โดยฝาไหลนี้สามารถเปิด-ปิดได้
ด้วยการเลื่อนซ้าย-ขวา
- จากนั้นเป็นมหกรรมทำสีด้านนอก
ครับ ผมเลือกที่จะใช้สีแบบเดิม คือเป็นสีปี๊บครับ ราคาปี๊บละประมาณ 3
ร้อยกว่าบาท หมดไปหลายปี๊บเลยทีเดียว
และผมก็ได้ทำการเจาะบันไดด้านในตัวบ้านเพิ่มดังภาพ
- หลังจากทาสีด้านนอกเสร็จครับ ให้อารมณ์เหมือนบ้านโบราณเหมือนเดิม
- ในส่วนของประตูหน้าบ้านเดิม เป็นซี่ลูกกรงไม้โล่ง ๆ อันนี้ผมลงมือทำเองกับมือเลยครับ โดยการใช้ไม้กระดานปิดด้านล่าง
- จากนั้นก็เอากระจกสีลายดอกพุดมาใส่ด้านบนที่เหลือ ก็ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ละครับ
- นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ
ลงมือทำกับตัวเองครับ คิดว่าจะทำช่องลมติดห้องนั่งเล่นด้านล่าง
เพื่อให้อากาศและแสงสามารถลอดผ่านได้
ก็เลยไปเอาลูกติ่งไม้มาใส่กรอบไม้ดังภาพ ลงมือทำทั้งคืนเลยครับ
หลังเลิกงาน
- ประตูก็ใช้ประตูลูกฟักไม้เก่า เอามาลอกสีเก่าออกเองครับ โดยใช้น้ำยาลอกสีทาทิ้งไว้ แล้วก็ขูดออก ๆ
- วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำก็นองเต็มตลิ่ง
พอมาถึงฤดูน้ำหลากก็เป็นดังสภาพที่เห็นครับ
อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมต้องสร้างบ้านสูงครับ
ช่วงนี้ช่างที่รับทำหลังคาและก็ตัวบ้านด้านบนก็เสร็จพอดีครับ
ผมก็เลยพอได้พักสักระยะ รอน้ำลดแล้วค่อยมาลุยกันต่อ
- บ้านหลังนี้ผ่านการปรับปรุงมาหลายครั้ง โดยเฉพาะในส่วนของหลังคาที่เคยเปลี่ยนมาแล้ว พอได้รับมรดกมาก็ปรึกษาญาติ ๆ หลายท่านก็แย้งบอกให้รื้อขายเป็นไม้ซะเพราะบ้านเก่ามากแล้ว ผมก็เสียดายอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพราะเดี๋ยวนี้บ้านไม้ก็หายากแล้ว เลยดันทุรังที่จะปรับปรุงให้ใช้งานได้ตามยุคสมัย ก็ลองดูกันเลยนะครับว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ภาพนี้เป็นภาพจาก google ดีใจที่ยังมีภาพเก่า ๆ ต้องขอบคุณ google ครับ
- นี่เป็นสภาพของบ้านก่อนการปรับปรุงครับ ผมก็ได้เข้าไปสำรวจสภาพไม้ในจุดต่าง ๆ และพบว่ายังใช้งานได้ประมาณ 80% หมายความว่าต้องมีบางจุดที่ต้องมีการซ่อมแซมครับ
- เนื่องจากพื้นที่บ้านเดิมของตา-ยายได้ถูกแบ่งให้กับลูกทั้งหมด
4 คน เท่า ๆ กัน หลังจากเอาโฉนดมากาง ผมก็เริ่มเห็นปัญหาแล้วล่ะครับ
พบว่าตัวบ้านไปตกอยู่ในเขตพื้นที่ของคุณน้าและคุณลุง
ดังที่เห็นนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่หลายคนเชียร์ให้ผมรื้อบ้าน
แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับทุกอย่างสามารถ
- ขั้นตอนต่อไปคือการปรับพื้นที่ครับ ด้านหลังบ้านเดิมเป็นบ่อปลาของคุณตาที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ผมจึงทำการถมบ่อปลาดังกล่าวและปรับพื้นที่เพื่อรอการดำเนินการขั้นตอนต่อไป หมดงบประมาณในส่วนนี้ไปหมื่นกว่าบาท
- ขั้นตอนต่อไปคือการปรับพื้นที่ครับ ด้านหลังบ้านเดิมเป็นบ่อปลาของคุณตาที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ผมจึงทำการถมบ่อปลาดังกล่าวและปรับพื้นที่เพื่อรอการดำเนินการขั้นตอนต่อไป หมดงบประมาณในส่วนนี้ไปหมื่นกว่าบาท
- ก่อนจะลงมือทำก็เลยวางแผนคร่าว ๆ ว่าหน้าตาของบ้านหลังจากปรับปรุงเสร็จน่าจะเป็นอย่างไร ผมก็เลยไปหาโปรแกรมเขียนแบบง่าย ๆ google sketch up ลองมาร่างแบบคร่าว ๆ ดู ได้หน้าตาออกมาเหมือนที่เห็นนี่แหละครับ (อันนี้คาดหวังว่าน่าจะได้อย่างนี้)
- เนื่องจากที่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า ตัวบ้านตกอยู่ในเขตที่ซ้อนทับกับที่ดินของญาติ ดังนั้นจึงต้องทำการย้ายตัวบ้านขยับเข้ามาอยู่ในเขตบ้านเรา ผมจึงได้ไปปรึกษากับช่างที่รับย้ายบ้าน เขาให้คำแนะนำกับผมว่าในส่วนของชานบ้านเดิม (ที่เป็นคอนกรีต) ไม่สามารถย้ายได้ หรือหากจะย้ายก็จะใช้งบประมาณสูงจึงแนะนำให้ทุบทิ้งแล้วค่อยสร้างใหม่ ผมจึงว่าจ้างช่างในพื้นที่มาทำการทุบและรื้อส่วนนี้ออกไปหมดงบประมาณไปราว 3,000 บาท
- ระหว่างที่รอบริเวณบ่อปลาเดิมที่ถมไปให้แน่นนั้น ผมก็ได้ไปหากระเบื้องที่คาดว่าน่าจะเข้ากับตัวบ้านที่สุด สรุปก็คือกระเบื้องว่าว เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องพายุลูกเห็บ ซึ่งเกิดบ่อย ๆ ในพื้นที่ครับ จึงได้ไปสำรวจราคากระเบื้องว่าวใน จ.เชียงราย พบว่าราคาตกอยู่ที่ประมาณแผ่นละ 11 บาท ผมแอบคิดว่ามันแพงไปไหม จึงได้ติดต่อสอบถามจากเพื่อนฝูง
- สุดท้ายก็พบว่ามีโรงงานที่ จ.ลำพูน ราคาขายหน้าโรงงานประมาณ 5.50 บาท จึงเดินทางไปที่ จ.ลำพูน ไปดูที่โรงงานเพื่อตรวจสอบคุณภาพ พบว่าโอเคเลยครับ เลยสั่งกระเบื้องมาตามจำนวนคร่าว ๆ ที่ได้จากแบบที่ออกไว้บวกเผื่อเหลือเผื่อขาดอีกเล็กน้อย หมดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไป 4 หมื่นกว่าบาท + ค่าขนส่งอีก 8,000 บาทครับ
- เมื่อพื้นที่พร้อม (รอหลายเดือนเลยทีเดียว แฮ่ ๆ) มหกรรมการย้ายบ้านจึงเริ่มขึ้น ผมได้ช่างในพื้นที่ (เฮียมานิต อ.พาน) มารับเหมาทำให้ โดยตกลงค่าย้ายและดีดขึ้นเป็นเงิน 80,000 หลายท่านคิดบอกว่าแพงน่าดู คือผมจะบอกว่าผู้รับเหมาเขาจะคิดแพงหรือถูกขึ้นอยู่กับจำนวนเสาของบ้านครับ
- บ้านหลังนี้มีเสาทั้งหมด 22 ต้น อีกทั้งเป็นการย้ายและดีดขึ้นด้วย ราคานี้พร้อมค่าเสาสำเร็จ (เหล็ก 4 หุนเต็ม) ที่เขาจะเอามาใส่ให้ตอนดีดบ้านขึ้นครับ ผมก็คิดว่าสมเหตุสมผลละครับ ในรูปจะเห็นว่า ตัวบ้านได้ลาจากเสาเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
- ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวในการย้ายบ้านและดีดบ้านครับ หลังจากย้ายบ้านและดีดขึ้นสูง 4 เมตร เรียบร้อยแล้ว ผมได้ขอให้ช่างช่วยเอาเหล็กเส้นดึงตัวบ้านไว้กับต้นไม้รอบ ๆ บ้านทั้ง 4 ด้าน เพื่อป้องกันพายุฤดูร้อน แต่เหตุการณ์มันไม่จบแค่นั้นครับ มันมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นต่อมา บ้านหลังจากย้ายและดีดเรียบร้อยแล้วนั้น ยังไม่ได้มีการยึดคานอะไรแต่อย่างใด มีเพียงแต่การเทตอหม้อแล้วเอาเสาสำเร็จใส่ลงไป เทปูนลงไปทับแล้วก็กลบดินครับ
- เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ช่างกลับไปได้เพียงวันเดียว หลายท่านคงจะจำเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ในจังหวัดเชียงรายราว 7 ริกเตอร์ได้นะครับ มันไหวแรงจริง ๆ ครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาเพิ่งเจอแผ่นดินไหวแรงแบบนี้ ตอนนั้นผมนั่งทานข้าวอยู่ที่บ้านอีกหลัง พอแผ่นดินไหวเสร็จผมรีบวิ่งมาดูเลยครับ ในใจก็คิดว่ามันจะล้มไหมนั่น
- พอไปก็โล่งใจ
สิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าคือ บ้านผมที่ดีดขึ้นสูง 4 เมตร
ไหวไปมากับแรงแผ่นดินไหวอย่างอ่อนโยน เดชะบุญที่มีสลิงลวดที่ยึดไว้
(หวังไว้ป้องกันพายุฤดูร้อน) ผมนี่ก็โล่งอกไปเยอะเลยครับ
แต่ก็ยังนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเพราะว่ามีอาฟเตอร์ช็อกมาอีกเป็นร้อยรอบ
ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เกิดไหวใหญ่ในช่วงนี้เลย
- วันรุ่งขึ้นเพื่อความไม่ประมาทผมจึงติดต่อช่างรับเหมาให้มาทำการเทคานยึดระหว่างเสาแต่ละต้นให้เรียบร้อย
(ระหว่างนี้ก็มีอาฟเตอร์ช็อกมาอยู่เรื่อย ๆ)
- หลังจากทาสีด้านนอกเสร็จครับ ให้อารมณ์เหมือนบ้านโบราณเหมือนเดิม
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1789960 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม