งูเข้าบ้าน ทำไงดี ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจองู แต่หากว่าบังเอิญเจองูเข้าบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องรู้วิธีไล่งูพร้อมวิธีเซฟตัวเองให้ปลอดภัย
วิธีไล่งูออกจากบ้าน
1. เข้าใจธรรมชาติของงูกันก่อน
ตามปกติงูจะไม่ไล่ตามคน แต่เลือกที่จะเลื้อยไปหลบในจุดที่ปลอดภัย ดังนั้น เมื่อเจองูจึงควรที่จะเดินหลีกออกไกล ๆ เพื่อให้งูหาพื้นที่เพื่อเลื้อยไปหลบ แทนที่จะโจมตีเรา
ระยะพุ่งโจมตีของงูส่วนใหญ่จะยาวประมาณครึ่งหนึ่งของตัวงู และงูจะโจมตีเพื่อป้องกันตัว ไม่ใช่เพื่อกินเป็นอาหาร ดังนั้น มันจะกัดไม่ลึก แต่หากเราไปแหย่ หรืออยู่ในเส้นทางของมันโดยไม่ตั้งใจ มันอาจจะกัดเรามากกว่า 1 ครั้ง หรือกัดแบบฝังเขี้ยวลึกได้
2. ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
พยายามสงบและรักษาระยะห่าง ถึงแม้จะมั่นใจเต็มร้อยว่างูที่เจอเป็นชนิดที่ไม่มีพิษ แต่การเข้าใกล้ก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่
3. ยืนนิ่ง ๆ หากเจองูใกล้ ๆ จนหนีไม่ทัน
เทคนิคสำคัญ หากงูอยู่ในระยะประชิดเกินกว่าเราจะหนีทัน และมันส่งเสียงขู่หรือจ้องเรา ให้อดทนและรอจนมันเลื้อยหนีไป เพราะงูเป็นสัตว์ที่มีความสนใจสั้น และธรรมชาติมันจะห่วงความปลอดภัยของตัวเองมากกว่าสนใจเรา ดังนั้น ให้ยืนนิ่ง ๆ ถึงแม้ว่างูจะเลื้อยมาสัมผัส หรือมาขดรอบตัวเรา ให้อดทน เพราะไม่นานมันจะเลื้อยออกไป แต่กรณีนี้คงต้องใจแข็งพอดู
4. ขอความช่วยเหลือทันทีที่ทำได้
เมื่อมีโอกาสให้รีบออกห่างจากงูทันที แล้วโทร. หาผู้เชี่ยวชาญให้มาช่วยเหลือ โดยป้องกันเด็ก สัตว์เลี้ยง หรือใครก็ตามไม่ให้เข้าไปในบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งงูถูกจับไปแล้ว
ข้อควรรู้ป้องกันงูเข้าบ้าน
- แต่งกายเพื่อป้องกันตัวทุกครั้งที่เข้าไปทำสวน ด้วยการสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวผ้าหนา ๆ ถุงเท้าหนา ๆ และรองเท้าบูต
- การเลี้ยงแมวเป็นวิธีที่ช่วยสอดส่องและป้องกันงูตัวเล็ก ๆ ได้
- ตามปกติงูที่มีลวดลายจะขี้กลัว แต่อย่าแกว่งนิ้วตรงหน้างูชนิดนี้ เพราะอาจถูกพุ่งกัดได้
- สวนที่รกจะดึงดูดให้งูมาใช้เป็นที่อาศัย ดังนั้น ควรหมั่นดูแลสวนให้ดูเรียบร้อย มองเห็นได้ง่ายทุกจุด วิธีนี้นอกจากป้องกันงู ยังป้องกันสัตว์ร้ายอื่น ๆ เช่น ตะขาบหรือแมงป่องได้
ข้อควรระวังเมื่อไล่งูออกจากบ้าน
- ไม่ว่าจะถูกกัดด้วยงูที่มีพิษหรือไม่มีพิษก็ควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นและไปพบแพทย์ทันที เพราะงูชนิดที่ไม่มีพิษอาจมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่ที่เขี้ยว ซึ่งเป็นสาเหตุให้บาดแผลติดเชื้อได้ นอกจากนี้พยายามจำแนกชนิดของงูเพื่อแจ้งให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทราบ
- เมื่องูนอนนิ่งอย่าให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปเล่นหรือสัมผัส เพราะงูเป็นสัตว์ที่แกล้งตายได้ ดังนั้น ให้ใช้ไม้ยาว ๆ เช็กว่างูตายหรือยัง โดยควรรักษาระยะห่างจากงูพอสมควรด้วย
- หากงูตั้งใจพุ่งโจมตีเพราะต้องการจะล่าเหยื่อ ทริกการยืนนิ่ง ๆ อาจใช้ไม่ได้ผล ซึ่งหมายถึงเราอาจต้องเสี่ยงเคลื่อนไหว โดยให้ทำด้วยความระมัดระวังและช้า ๆ และใช้ในกรณีที่งูไม่ขยับเขยื้อนเกินกว่า 5 นาทีขึ้นไป
เมื่ออ่านแล้วเชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกเบาใจได้บ้าง เพราะงูดูเหมือนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด แต่งูต่างหากล่ะที่ต้องกลัวเรา อย่างไรก็ตาม พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่รกร้างที่อาจมีงู หรือหากบังเอิญเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็อย่าลืมนำทริกเหล่านี้ไปใช้กันนะคะ