สีทาบ้าน สารพัดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสีทาผนังบ้านภายในและสีทาผนังบ้านภายนอก พร้อมด้วยวิธีทาสีผนังบ้าน และสีทาผนังบ้านยอดนิยม เก็บไว้เป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกค่ะ
สีทาบ้านถือเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อความสวยงามของบ้าน ซึ่งสไตล์และบรรยากาศของบ้านจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสีทาบ้านที่เราเลือกนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นสีทาภายในหรือสีทาภายนอก วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอนำเรื่องราวของสีทาบ้านภายในและสีทาบ้านภายนอกมาฝากกัน ถ้าอยากรู้ว่าสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร มีวิธีเลือกสีอย่างไร ทาสีบ้านด้วยตัวเองอย่างไร และสีทาบ้านสีใดที่เป็นที่นิยมบ้าง ก็ตามไปชมกันเลยค่ะ
ชนิดของสีทาบ้าน
1. สีน้ำมันหรือสีเคลือบเงา เป็นสีที่ใช้ตัวทำละลายเป็นส่วนผสมหรือทำให้เจือจาง เช่น ทินเนอร์ นิยมใช้ทาเคลือบงานไม้ งานโลหะ เพื่อทำให้พื้นผิวมีความสวยงาม มีความเงางาม และรักษาสภาพพื้นผิวให้คงทน
2. สีพลาสติกหรือสีอะคริลิก สีชนิดนี้มักใช้น้ำเป็นตัวทำละลายหรือส่วนผสมเพื่อใช้เกิดการเจือจางก่อนใช้งาน ใช้สำหรับทาเคลือบพื้นปูน พื้นคอนกรีต รวมถึงกระเบื้อง เพื่อให้เกิดสีสวยงาม และรักษาสภาพพื้นผิว
สีทาบ้านภายในและสีทาบ้านภายนอกแตกต่างกันอย่างไร ?
สีทั้ง 2 ชนิดนี้แตกต่างกันที่คุณสมบัติ โดยสีภายนอกนั้นจะเน้นคุณสมบัติด้านความทนทาน เพราะต้องเผชิญกับทั้งแดด ลม และฝน ส่วนสีภายในนั้นก็มีความคงทนเช่นกัน แต่จะน้อยกว่าสีภายนอก เพราะไม่ต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเหมือนผนังนอกบ้าน แต่จะเน้นไปที่การทำความสะอาดง่าย ปลอดกลิ่น และสารเคมีมากกว่า ทั้งนี้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะเลือกสีผิด อีกทั้งตอนนี้ก็มีสีทาบ้านที่สามารถทาได้ทั้งภายในและสีภายนอกให้เลือกใช้แล้วด้วย
เกรดสีคืออะไร ?
เกรดสี คือ ตัวบ่งบอกปริมาณส่วนผสมและคุณภาพของสี ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 4 เกรดดังนี้
สีทาบ้านเกรด A : สีอะคริลิก 100% ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากทางยุโรป มักใช้ทาภายนอก โดยเฉพาะอาคารสูงหรือบ้านที่มีราคาแพง
สีทาบ้านเกรด B : สีอะคริลิค 100% ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากทางแถบเอเชีย มักใช้ทาภายนอกหรือภายใน
สีทาบ้านเกรด C : สีที่มีการผสมสารปรุงแต่ง 30% และมีอะคริลิค 70% มักใช้ทั้งทาภายนอกและภายใน
สีทาบ้านเกรด D : สีที่มีการผสมสารปรุงแต่งมากกว่า 30%
การดูแลสีทาบ้านให้สีติดยาวนาน
การที่จะรักษาสีทาบ้านให้คงอยู่ยาวนานนั้นจะต้องดูแลตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มทา โดยก่อนทานั้นให้ทำความสะอาดพื้นผิวให้สะอาดก่อน ทาสีรองพื้นก่อนการลงสีจริง ส่วนการลงสีนั้นให้ลงตามคำแนะนำของสีชนิดนั้น ๆ ซึ่งบางชนิดอาจจะต้องทาซ้ำหลายรอบ บางชนิดอาจจะไม่ต้องทาซ้ำก็ได้ และถ้าเกิดคราบสกปรกให้รีบทำความสะอาดทันที นอกจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยนอกอย่างสภาพภูมิอากาศด้วย
วิธีเลือกสีทาภายนอก
1. ทนต่อสภาพอากาศ ความร้อนแสงแดด แรงลม ความชื้น และภาวะสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี ด้วยโมเลกุลสีที่มีขนาดเล็ก สามารถยึดเกาะพื้นผิวผนังได้ดี
2. ปกปิดรอยแตกร้าว รอยแตกลายงา ด้วยโมเลกุลสีที่มีความยืดหยุ่น สามารถหดกลับตามสภาพโครงสร้าง และจากความร้อนได้ดี
3. ป้องกันน้ำซึมผ่าน ป้องกันพื้นผิวซีเมนต์ เหล็กจากน้ำฝน และความชื้นได้ดี เนื้อสีลื่น เป็นเงา ไม่จับฝุ่นง่าย
4. ขัดหรือทำความสะอาดรอยเลอะหรือความสกปรกออกได้ง่ายโดยไม่ทำลายเนื้อสีให้เสียหาย
5. ป้องกันเชื้อรา ตะไคร่น้ำได้ดีด้วยสารเติมแต่งหากสัมผัสกับน้ำฝนหรือความชื้น
6. ทนต่อสภาพความร้อน รังสี เนื้อสีไม่ลุดลอกหรือซีดจางง่าย
วิธีเลือกสีทาภายใน
1. เนื้อสีต้องมีความละเอียดเป็นเงางาม
2. สามารถเช็ดทำความสะอาดสิ่งปนเปื้อน รอยด่างดำได้ง่าย และทนต่อแรงถูขัด
3. ป้องกันเชื้อรา แบคทีเรีย และคราบหมองคล้ำที่เกิดจากเชื้อรา
4. ปราศจากกลิ่นฉุน กลิ่นสารระเหยที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อาศัยหรือทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
วิธีทาสีผนังบ้าน
1. ทำความสะอาด
ขั้นตอนแรกที่ต้องทำก่อนการทาสีก็คือ ทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หยากไย่ หรือแม้กระทั่งผิวขรุขระบนผนังก็ควรจัดการให้เรียบร้อย โดยกวาดสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อน จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานผสมกับน้ำเช็ด แล้วจึงใช้น้ำสะอาดล้างฟองสบู่ออกตามอีกครั้ง
2. ทาสีตัดขอบระหว่างเพดานและผนัง
สำหรับในกรณีที่ใช้สีเพดานและผนังต่างกัน ใช้แปรง 2 นิ้วหรือ 2.5 นิ้วเริ่มทาสีที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องก่อน แล้วค่อย ๆ ทาสีเพดานส่วนที่ชนผนังทั้ง 4 ด้าน พยายามอย่าให้สีเกินไปโดนผนังเด็ดขาด หากมีสีเปื้อนควรรีบเช็ดออกทันที
3. ทาสีเพดาน
หลังจากตัดขอบแล้ว พื้นที่ส่วนที่เหลือให้ใช้ลูกกลิ้งทาสีได้เลย ก่อนการทาควรจะล้างสีที่ตกค้างออกจากแปรงหรือลูกกลิ้งทาสีออกให้หมดเสีก่อน แล้วเริ่มลงแปรงสีตามแนวขวางของเพดาน ทิศทางการทานั้นควรจะเป็นจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย เพราะถ้าทาจากด้านหน้ –หลังจะทำให้เกิดอาการปวดคอและหลังได้
4.ทาสีผนัง
การทาสีผนังก็เช่นเดียวกันกับการทาสีหน้าต่าง เริ่มจากใช้แปรงทาขอบผนังก่อน จากนั้นส่วนที่เหลือตรงกลางใช้ลูกกลิ้งทาได้เลย โดยใช้เทปติดที่ขอบหน้าต่างและประตูก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สีเปรอะเปื้อนบริเวณดังกล่าว
5. ติดเทปก่อนการทาสีประตูและหน้าต่าง
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สีที่ทาประตูและหน้าต่างเลอะผนังที่ทาไว้แล้ว ให้ติดเทปบริเวณผนังรอบ ๆ กรอบหน้าต่างและประตูก่อนทา พยายามเลี่ยงการทาทับเทป เพราะมิเช่นนั้นอาจมีสีซึมลงไปและที่สำคัญไม่ควรทาเกินขอบเทปด้วย
สีทาบ้านยอดนิยม
ภาพจาก highfashionhome
1. โทนสีคลาสสิก
สำหรับคนที่อยากเนรมิตบรรยากาศให้ดูดีมีสไตล์และเน้นความหรูหรา โทนสีที่เหมาะสม ได้แก่ เฉดสีพิงค์โรส ส้มแคนตาลูป เหลือง ดอกแดฟโฟดิล เขียวนิวเบิร์ก น้ำตาลมอคค่า หรือเทาอมฟ้า นอกจากจากจะเป็นโทนสีเบา ๆ ที่เหมาะกับการพักผ่อนแล้ว ยังช่วยอัพลุคบ้านให้ดูดีมีระดับอย่างที่ต้องการ โดยไม่ต้องพึ่งของตกแต่งบ้านที่ดูตระการตาอีกด้วย
ภาพจาก westelm
2. โทนสีธรรมชาติ
ถ้ายังนึกไม่ออกว่าโทนสีธรรมชาติเป็นอย่างไร ขอให้ลองนึกถึงบ้านไม้สไตล์คันทรีที่มักจะตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติหรือสีเอิร์ธโทนเป็นหลัก เช่น สีส้มหินทราย น้ำตาลแดง น้ำตาลเข้ม เขียวเซจ และสีขี้เถ้า ซึ่งเป็นโทนสีที่ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้มีความอบอุ่น เป็นกันเอง และดูเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ไปในตัว
ภาพจาก designsponge
3. โทนสีจัดจ้าน
เรียกได้ว่าเป็นโทนสีที่ดึงดูดใจและสะกดสายตาอย่างมาก โดนใจคนที่ชอบการแต่งบ้านแนวโมเดิร์นสมัยใหม่ที่ได้กลิ่นอายของงานปาร์ตี้สังสรรค์ เฉดสีไนท์ไลฟ์ที่น่าสนใจมีดังนี้ ทอง เรดวอร์ม ชมพูบับเบิลกัม ส้มแทงเจอรีน น้ำเงินอมม่วง เขียวเอ็มเพอเรอร์ ทั้งหมดนี้จะสะท้อนความสนุกสนานยามค่ำคืนให้บรรยากาศในบ้านแลดูไม่น่าเบื่อและจำเจเหมือนอย่างเคย
ภาพจาก adairs
4. โทนสีพาสเทล
สำหรับคนที่ชอบโทนสีกลาง ๆ ไม่จัดจ้านเกินไปแต่ก็ไม่ขาดสีสันซะทีเดียว สีพาสเทลเหมาะกับการตกแต่งบ้านของคุณมาก ๆ เลย ได้แก่ สีฟ้าพาสเทล ชมพูพาสเทล ฟ้าคอปเปอร์ เทาก้อนกรวด โทนสีที่นอกจากจะให้ความสบายตาแล้ว ยังดูอบอุ่น โรแมนติก และมีกลิ่นอายของวินเทจในตัวอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Benjamin Moore , dunnedwards, behr, homeenrich, nucifer, oxbridge